บทที่ 108 ขอบเขตนภา[รีไรท์]
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มี่ไลยื่นหมิงจู้ให้กับหลิงตู้ฉิงอย่างรวดเร็ว “นายท่านนี่ของท่าน!”
“ในคฤหาสน์นี้เราไม่จำเป็นต้องใช้หลิงจู้ฆ่าพวกมันหรอก” หลิงตู้ฉิงหยิบกระบี่ไม้ไผ่ออกมาอย่างใจเย็น
กงหนิว ชี้ไปที่หลิงตู้ฉิงและเยาะเย้ย “อยู่แค่ขอบเขตควบแน่นลมปราณ แต่กลับกล้าพูดจาหยิ่งผยอง ข้าจะบอกเจ้าให้เอาบุญ ข้าอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 2 หากเจ้าไม่หลีกทางไป ก็อย่าโทษข้าที่ไม่ไว้หน้าหลิงเจิ้งสง ปู่เจ้าก็แล้วกัน!”
หลิงฉุยฟงพูดอย่างเย็นชา “หลานชาย ถึงแม้ข้ากับทหารจะเพิ่งฝึกใช้กระบวนรบใหม่ได้เพียงวันเดียว แต่ข้าแน่ใจว่าข้ากับทหารสามารถสังหารเขาได้ เจ้าต้องการให้ข้าลงมือตอนนี้เลยไหม?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและมองตรวจสอบไปที่กงหนิว จากนั้นเขาตัดสินใจเก็บกระบี่ไม้ไผ่เข้าไปในแหวนมิติตามเดิม “อืม ดูเหมือนว่าสายเลือดของเจ้าพอจะมีประโยชน์ต่อข้าอยู่บ้าง การฆ่าเจ้าทันทีมันออกจะเป็นเรื่องน่าเสียดายไปสักหน่อย เยว่เฟิงเจ้าไปกุมตัวมันมาให้ข้า ส่วนสำหรับคนอื่น บังคับให้พวกมันจ่ายชดเชยค่าประตูให้ข้า และสั่งสอนให้พวกมันหลาบจำว่าหากเจอข้าในอนาคตพวกมันทุกคนจะต้องก้มหัวให้ข้า!”
“รับทราบ นายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้า
จากนั้นนางจึงปะทุพลังวิญญาณขึ้นมาอย่างฉับพลันและพุ่งตรงไปหากงหนิวทันที
กงหนิวที่รู้ตัวว่ากำลังมีภัยมาเยือน เขารีบโคจรพลังวิญญาณทันที
แต่เพียงพริบตาเดียวก่อนที่เขาจะโคจรพลังได้เสร็จ เสี่ยวเยว่เฟิงได้มาถึงตรงหน้าเขาเรียบร้อย นางใช้มือขวาตะปบเข้าที่คอของกงหนิวและผนึกการโคจรพลังวิญญาณของเขาทั้งหมดไว้โดยสมบูรณ์ จากนั้นนางจึงลากเขากลับมาหาหลิงตู้ฉิง
เสี่ยวเยว่เฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าไม่ใช่เพราะนายท่านบอกว่าเจ้ายังใช้ประโยชน์ได้ ข้าคงฆ่าเจ้าตายเหมือนบี้แมลงไปแล้ว!”
“ขอบเขตนภา!” โม่หยูถังอุทานด้วยความตกใจ
เสี่ยวเยว่เฟิงมองไปที่โม่หยูถัง และโยนกงหนิวที่ถูกปิดผนึกไปแล้ว ลงบนพื้นด้านหน้าหลิงตู้ฉิง จากนั้นนางหันกลับไปปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารใส่บรรดาผู้คนที่บุกรุกเข้ามาและพูดว่า “หากพวกเจ้าต้องการแก้แค้น พวกเจ้าเข้ามาได้เลย ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถทำให้ข้ามีเลือดออกแม้แต่เพียงหยดเดียวได้ ข้าจะฆ่าตัวตายต่อหน้าพวกเจ้าทันที”
บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่บุกเข้ามาทุกคนล้วนแต่ยืนตัวสั่นกับภาพเมื่อครู่ที่พวกเขาเห็น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 2 ถูกจับกุมได้ง่ายดายราวกับจับหมูจับหมา แล้วพวกเขาเองที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราเหมือนกันและคนที่มาระดับสูงสุดก็แค่ระดับ 3 หากพวกเขาบุกเข้าไปชะตาของพวกเขาก็ไม่คงไม่ต่างอะไรกับกงหนิวเช่นกัน
“พวกเจ้าไม่ต้องการแก้แค้นแล้วงั้นเหรอ เข้ามาสิ!” เสี่ยวเยว่เฟิงตะโกน ทุกคนมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงด้วยความกลัวไม่กล้าที่จะพูดอะไร
“ในเมื่อสวะอย่างพวกเจ้าไม่กล้าต่อสู้กับข้า เช่นนั้นพวกเจ้าจงจ่ายชดเชยค่าประตูที่พวกเจ้าทำพังมาซะ!” เสี่ยวเยว่เฟิงกล่าวอย่างเย็นชา
กลุ่มคนที่มาบุกรุกทุกคนรวมถึงแม่ทัพหลี่จิน พวกเขารีบโยนแหวนมิติที่ภายในบรรจุเต็มไปด้วยเหรียญทองของพวกเขาออกมาทันที
เมื่อเห็นภาพของกงหนิวที่นอนเป็นผักอยู่ตรงหน้าหลิงตู้ฉิง ใครบ้างที่จะกล้าไม่จ่ายเงิน
หลังจากที่ทุกคนโยนแหวนมิติของพวกเขาไว้บนพื้นเรียบร้อย เสี่ยวเยว่เฟิงจึงพูดอย่างเย็นชาว่า “ครั้งนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าทั้งหมดไปก่อน แต่ถ้าหากคราวหน้าพวกเจ้ายังกล้ามาเหยียบที่นี่อีกหรือยังกล้าตอแยคนตระกูลหลิง ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้ตายให้หมดรวมถึงทั้งตระกูลของพวกเจ้าด้วย เอาล่ะตอนนี้พวกเจ้าทุกคนไสหัวไปให้หมดได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นกลุ่มคนที่บุกเข้ามาหันหลังกลับและวิ่งหนีออกไปจากคฤหาสน์อย่างรวดเร็วทันที
หลังจากที่ผู้บุกรุกออกไปหมดแล้ว เสี่ยวเยว่เฟิงจึงส่งพลังวิญญาณดึงแหวนมิติทั้งหมดที่ถูกทิ้งไว้มาไว้ในมือ และจากนั้นนางจึงนำพวกมันส่งให้หลิงตู้ฉิงต่อ “นายท่านนี่น่าจะเพียงพอสำหรับค่าประตู”
“เจ้าเก็บเงินไว้ก่อน คราวที่แล้วข้าเอาเงินจากเจ้าไปหลาย 10 ล้านก็ถือซะว่าเป็นการจ่ายคืนให้เจ้า” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “พ่อบ้านโม่เจ้าไปจัดการหาคนมาซ่อมประตู!”
“รับทราบ นายท่าน!” โม่หยูถังตอบรับ
ในเวลาที่เสี่ยวเยว่เฟิงทำการเคลื่อนไหว ในช่วงเวลานั้นความผันผวนของพลังวิญญาณขอบเขตนภานั้นแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วเมือง ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าตกตะลึง
จ้าวปาเทียนที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 9 ยังตื่นตกใจ
“พลังวิญญาณระดับนี้มัน หรือจะเป็นขอบเขตนภา?” จ้าวปาเทียนพึมพำ
และในใจกลางวังหลวง ร่างหนึ่งกำลังขมวดคิ้วขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่พูดอะไร
“ปู่โม่ ขอบเขตนภาคืออะไร?” เด็ก 2-3 คนถามโม่หยูถัง
โม่หยูถังมองไปที่หลิงตู้ฉิงเพื่อขอสัญญาณว่าเขาจะพูดอะไรได้หรือไม่?
หลังจากได้รับอนุญาตจากหลิงตู้ฉิง โม่หยูถังได้ให้คำอธิบายง่าย ๆ ว่า “ขอบเขตที่อยู่เหนือระดับของขอบเขตรวมแสงดารา”
“โอ้!” เด็ก ๆ พยักหน้า
พวกเด็ก ๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพยักหน้าแต่อันที่จริงแล้วพวกเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่า ขอบเขตนภาหมายถึงอะไร
แต่ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึง ในความเข้าใจของทุกคน ผู้ที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้แล้วในทวีปเทียนหยวน
แต่วันนี้พวกเขากลับได้ยินว่ามีขอบเขตนภาที่อยู่เหนือกว่า? ทำไมพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย?
มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงอย่างขมขื่นก่อนที่จะมองไปที่หลิงตู้ฉิง ตอนนี้พวกนางรู้สึกด้อยค่าเป็นอย่างมาก จนตั้งคำถามในใจตนเองขึ้นมา พวกนางสามารถติดตามผู้ชายคนนี้ได้จริงหรือ?
สำหรับพวกนางความสามารถในการสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารานั้นเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
แต่ตอนนี้แม้แต่เสี่ยวเยว่เฟิงผู้ที่อยู่ในขอบเขตนภาก็เต็มใจที่จะเป็นสารถีของหลิงตู้ฉิง ดังนั้นพวกนางยังจะมีคุณสมบัติอะไรไปติดตามเขา
เมื่อได้ยินว่าเสี่ยวเยว่เฟิงเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภา แม้แต่ถังชี่หยุนก็รู้สึกประหลาดใจมาก
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าแม่นางเสี่ยวจะอยู่ในขอบเขตนภาจริง ๆ” ถังชี่หยุนพูดกับเสี่ยวเยว่เฟิงด้วยความชื่นชม
เสี่ยวเยว่เฟิงตอบอย่างเฉยเมย “เจ้าเองก็ไม่เลวเช่นกัน เส้นทางเต๋าของเจ้าถูกบ่มเพาะขึ้นมาจากเส้นทางของสำนักเที่ยงธรรม ขอแค่เพียงเจ้าบรรลุเต๋าแห่งสำนักเที่ยงธรรมได้ การที่เจ้าจะบรรลุไปถึงขอบเขตนภานั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อม”
ถังชี่หยุนยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณแม่นางเสี่ยวสำหรับคำชี้แนะ”
หมิงจู้ที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จิตใจนางก็เริ่มตกอยู่ในความผิดปกติ
นางรู้สึกว่าผู้ชายที่แม่ของนางทำงานให้ ในตอนแรกเขาดูเหมือนจะไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ทำไมพอถึงช่วงเวลาเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจำนวนมากเขาถึงได้ทำตัวนิ่งสงบราวกับไม่เห็นใครอยู่ในสายตาได้แบบนั้น? และทำไมผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตรวมแสงดาราถึงเต็มใจที่จะเป็นสารถีของเขา?
ผู้ชายคนนี้แปลกมาก
หมิงจู้เวลานี้เหม่อมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาที่เริ่มเปลี่ยนไป
สำหรับถังชี่หยุนเมื่อนางเห็นการจ้องมองของหมิงจู้ นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ และนึกขึ้น “นั่นไง ข้านึกแล้วไม่มีผิด ว่ามันจะเกิดขึ้น!”
“หลานชาย… แม่นางเสี่ยวนาง…” หลิงฉุยฟงมองไปเสี่ยวเยว่เฟิงด้วยสายตาอึดอัด หากหลานของเขามีสารถีเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารา เขาก็ยังรับได้ แต่นี่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจริง ๆ กับการที่สารถีของหลิงตู้ฉิงดันเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภา!
นี่เจ้ากำลังคิดอะไรของเจ้าอยู่ นางเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาเชียวนะ! ถ้าเจ้าไม่อยากแต่งงานกับนาง เจ้าก็ไม่ควรใช้ให้นางมาทำหน้าที่เป็นคนขับรถม้าแบบนี้! หลิงฉุยฟงเมื่อเห็นเช่นนี้เขาจึงได้แต่อิจฉาและตำหนิหลิงตู้ฉิงในใจ
หลิงตู้ฉิงพูดว่า “เอาล่ะพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นกันมากเกินไป ขอบเขตนภาเป็นสิ่งที่สามารถบรรลุได้หากได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้อง”
หลิงฉุยฟงถามอย่างตื่นเต้น “ข้าด้วยเหรอ?”
“ถ้าเป็นสำหรับท่าน เราต้องมาดูกันก่อนว่าท่านจะฝึกฝนได้หนักแค่ไหน” หลิงตู้ฉิงตอบ
“ข้าฝึกฝนได้หนักแน่นอน ๆๆ” หลิงฉุยฟงพยักหน้า จากนั้นเขาก็มองไปที่กงหนิวที่อยู่บนพื้น “เราจะทำอย่างไรกับเขาดี? เขาคือ จ้าวหุบเขากระทิงคลั่ง ถ้าเราฆ่าเขา เราอาจจะมีปัญหาในภายหลังได้…”
หลิงตู้ฉิงพูด “ถ้าข้าต้องการฆ่าเขา เขาคงตายไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เขายังมีประโยชน์อยู่ ฉะนั้นข้าจะให้เขาอยู่หายใจต่อไปอีกสัก 2-3 วัน”
“เยว่เฟิง เจ้าจงเดินทางไปยังป่าสัตว์เวทย์ และไปจับเป็นกระทิงเพลิงอเวจีมาให้ข้า และเจ้าจงไปหาหญ้ากลั่นโลหิตมาด้วยสัก 1 ต้น เมื่อได้ของครบแล้วจงรีบกลับมา”
เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าและพูดว่า “รับทราบ นายท่าน!” หลังจากที่นางพูดจบนางก็บินไปที่ป่าสัตว์เวทย์ทันที แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงต้องการสัตว์อสูรธรรมดาอย่างกระทิงเพลิงอเวจี แต่เนื่องจากเป็นคำสั่งของเขานางจึงย่อมทำตาม
หลังจากเสี่ยวเยว่เฟิงจากไป หลิงตู้ฉิงก็สั่งโม่หยูถังว่า “พ่อบ้านโม่ เมื่อเจ้าออกไปหาคนซ่อมประตู เจ้าช่วยข้าซื้อของบางอย่างมาสักหน่อย และถ้าหอการค้าเหล่านั้นยังไม่ยอมให้เจ้าซื้อของ เจ้าจงไปที่คฤหาสน์ของปู่ของข้าหรือไม่เจ้าก็ไปหาจ้าวเหมิงลู่ เพื่อให้พวกเขาช่วยซื้อแทนเจ้า ส่วนกงหยูเจ้าตามไปคุ้มกันพ่อบ้านโม่ให้ข้าด้วย”
โม่หยู่ถังเมื่อรับรายการของจากหลิงตู้ฉิงมาแล้ว จึงพยักหน้าและพากงหยูจากไป
จนถึงตอนนี้ กงหยูก็ยังไม่เข้าใจ เขาคิดมาตลอดว่าเสี่ยวเยว่เฟิงอยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา แต่พอมาวันนี้ไหงเสี่ยวเยว่เฟิงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาไปได้กัน
“ใครจะคิดว่าแม่นางเสี่ยวเป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตนภาจริง ๆ” กงหยู ถอนหายใจและพูดกับโม่หยูถัง
โม่หยูถังยิ้มและส่ายหัว แต่ไม่ได้พูดอะไร
ทันใดนั้น กงหยูมองไปที่โม่หยูถังด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อและพูด “พ่อบ้านโม่ อย่าบอกนะว่าท่านก็อยู่ในขอบเขตนภาด้วย!?”
โม่หยูถังพยักหน้าและหัวเราะ “ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ข้าเคยอยู่ในขอบเขตนภาต่างหาก! ส่วนเจ้าเองนั้นบ่มเพาะได้ถูกวิธีแล้ว ฉะนั้นในอนาคตเจ้าเองก็สามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาได้เช่นกัน”
“แล้วทำไมท่าน…” กงหยูพูดอย่างลังเล
“ตอนนี้ข้าเป็นเพียงแค่คนพิการเท่านั้น ข้ากำลังรอให้นายท่านรักษาข้าอยู่…” โม่หยูถังพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนเหมือนกระซิบ