บทที่ 12 การตื่นขึ้นของสายเลือดทรราชสวรรค์[รีไรท์]
ในตอนนี้ทุกคนไม่ได้มองหลิงตู้ฉิงเป็นเพียงคนธรรมดาแล้ว พวกเขาสัมผัสได้ว่าแม้วิธีการของหลิงตู้ฉิงจะน่ากลัว แต่ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมามันก็มีประสิทธิภาพ อย่างน้อยที่สุดหลิงไช่หยุนก็ได้พิสูจน์แล้วด้วยเปลวเพลิงของนาง
แม้ทุกคนจะหวาดกลัวแต่พวกเขาก็หวังว่าหลิงตู้ฉิงจะหาวิธีทำให้พวกเขาฝึกฝนได้โดยเร็ว ไม่มีใครในพวกเขาต้องการจะน้อยหน้าน้องสาวคนเล็กของพวกเขาเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นความเจ็บปวดของหลิงยู่ชานหัวใจของพวกเขาก็เต้นรัว
“อ้ากกกกก!” ตอนนี้หลิงยู่ชานเริ่มกลับมาพูดและขยับได้แล้วเขาตะโกนทันที และกลิ้งตัวนอนลงไปบนพื้น “ท่านพ่อ ข้าทนไม่ไหวแล้ว ข้ากำลังจะตาย!”
เขาคลานไปบนพื้นและทำท่าพยายามจะอาเจียนเอาเลือดที่กลืนเข้าไปออกมา แต่น่าเสียดายที่การกระทำของเขามันไร้ผล
เขารู้สึกเจ็บปวดทั่วร่างกายและไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องการกลิ้งลงบนพื้น
สีหน้าของหลิงตู้ฉิงแย่ลงขณะที่เขาตะโกน “ในฐานะที่เจ้าเป็นบุรุษแถมยังเป็นพี่คนโต หากเจ้ายังทนไม่ได้กับความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ต่อไปภายภาคหน้าเจ้าจะปกป้องน้อง ๆ ของเจ้าได้อย่างไร ลุกขึ้น! ลุกขึ้นยืนเดี๋ยวนี้!”
เสียงตะโกนของหลิงตู้ฉิงทำให้หลิงยู่ชานค่อย ๆ พยุงร่างกายของตัวเองให้ยืนขึ้น
ในฐานะที่เขาเป็นพี่ใหญ่เขาต้องเป็นแบบอย่างที่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่รู้ว่าน้อง ๆ ของเขาจะสามารถบ่มเพาะได้แบบเขาได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการปกป้องน้อง ๆ ของเขา
เมื่อคิดถึงคำถามเหล่านี้ เขาจึงจำเป็นต้องฝืนทนยืนแม้ทั้งร่างกายของเขาจะสั่นเทิ้มไปด้วยความเจ็บปวด
“ดูและเรียนรู้จากข้าและทำตามในสิ่งที่ข้าทำ!” หลิงตู้ฉิงตะโกน
จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงเริ่มแสดงท่าออกหมัดง่าย ๆ คอยให้หลิงยู่ชานติดตามการเคลื่อนไหวของเขาอย่างเงียบ ๆ
หลิงยู่ชานบังคับตัวเองให้อดทนต่อความเจ็บปวด เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ แล้วเหวี่ยงหมัดออกไป
หลิงตู้ฉิงจึงเริ่มแสดงท่าทางการเคลื่อนไหวใหม่ ๆ ที่แตกต่างออกไปทุกครั้ง หลังจากที่หลิงยู่ชานสามารถลอกเลียนท่าการเคลื่อนไหวที่เขาสอนให้
หลิงยู่ชานต้องใช้กำลังมากในการเคลื่อนไหว 2-3 ครั้งแรก เพราะร่างกายของเขาเจ็บปวดมากจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม หลังจากติดตามการเคลื่อนไหวของหลิงตู้ฉิงอยู่สักพัก เขาก็พบว่าความเจ็บปวดในร่างกายค่อย ๆ หายไป ดังนั้นเขาจึงเริ่มติดตามการเคลื่อนไหวของหลิงตู้ฉิงได้เร็วขึ้นและเร็วขึ้น
หลิงยู่ชานได้ยินเสียงของเลือดที่ไหลผ่านร่างของเขาอย่างชัดเจนและเสียงเสียดสีของลมในขณะที่หมัดและเท้าของเขาออกกระบวนท่า
ขณะที่หลิงยู่ชานเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่เพียงแค่เขาคนเดียวที่ได้ยินเสียงของการไหลเวียนของเลือดเขาเอง แม้แต่คนที่อยู่รอบตัวเขาก็ได้ยินเช่นกัน
เสียงของเลือดทำให้คนรอบข้างมองหลิงยู่ชานราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูสัตว์ประหลาด
จากนั้นหลิงว่านถิงและคนอื่น ๆ มองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยแววตาอันซับซ้อน
เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของพวกเขา ทำไมอยู่ ๆ เขาก็มีวิธีการลึกลับมากมาย
เสียงอึกทึกในลานของเรือนทำให้หลิงไช่หยุนเดินออกมาดูด้วยเช่นกัน
หลิงไช่หยุนยิ้มอย่างพึงพอใจและงึมงำกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าความยากลำบากทั้งหมดของพี่ชายนั้นได้ผ่านไปแล้ว และพี่ชายก็ได้รับประโยชน์จากมันแล้วด้วย”
จ้าวเหมิงลู่พูดไม่ออก
คนหนึ่งก็ถูกเปลวไฟแผดเผา อีกคนก็มีเสียงโลหิตไหลเวียนดังลั่น สิ่งที่เกิดกับเด็กเหล่านี้คืออะไรกัน?
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางก็พอเดาได้ว่าพรสวรรค์ของเด็กทั้งสองคนที่หลิงตู้ฉิงพึ่งปลุกพรสวรรค์ได้สำเร็จนั้นทรงพลังมาก
ในเวลานี้จ้าวเหมิงลู่อดไม่ได้ที่จะดูถูกอาจารย์ของสถาบันหงส์เพลิง พรสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้ แต่กลับได้รับการปฏิบัติจากพวกเขาเหมือนเศษขยะ? และไม่เพียงจะปฏิเสธหลิงยู่ชานแต่กลับไล่ลูกคนอื่น ๆ ของหลิงตู้ฉิงออกจากสถานฝึกฝน
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าพรสวรรค์ของเด็กคนอื่น ๆ เป็นอย่างไร แต่แค่ประเมินจากเด็ก ๆ ที่มีพ่อที่มหัศจรรย์เช่นนี้ พวกเขาย่อมมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัดแน่นอน
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องรีบกลับไปรายงานเรื่องนี้กับท่านปู่เพื่อที่จะได้รับเด็ก ๆ ที่ล้ำค่าเหล่านี้เข้าสู่สถาบันราชวงศ์อย่างเร็วที่สุด ไม่ว่าเงื่อนไขจะเป็นอย่างไรท่านปู่ก็ต้องรับพวกเขาเข้าสถาบันให้ได้ ไม่เช่นนั้นเมื่อความสามารถของพวกเขาถูกเปิดเผย ทุกสถาบันจะต้องพากันมาแย่งชิงตัวพวกเขา และอาจทำให้สถาบันของข้าพลาดโอกาสได้ตัวพวกเขามาก็ได้” จ้าวเหมิงลู่พึมพำกับตัวเอง “ใช่แล้ว! ส่วนหลิงตู้ฉิง ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ค่าจ้างสูง ๆ เพื่อล่อใจเขาให้เป็นอาจารย์ของสถาบันราชวงศ์ด้วย”
ในขณะนี้เสียงของเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายของหลิงยู่ชานค่อย ๆ หายไป จากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มเปล่งรัศมีสีเลือดออกมา
เมื่อรัศมีสีเลือดเริ่มปรากฏ หลิงตู้ฉิงก็หยุด
“เอาล่ะ วันนี้แค่นี้ก็พอแล้ว!” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงหอบเล็กน้อย “ตอนนี้สายเลือดของเจ้าถูกปลุกขึ้นมาได้แล้ว เพียงแค่ทำตามสิ่งที่พ่อเพิ่งสอนเจ้า ฝึกการเคลื่อนไหวและออกหมัดให้ได้วันละร้อยครั้ง จากนั้นเจ้าค่อยไปทำธุระส่วนตัวของเจ้าอย่างอื่นต่อ”
หลังจากหยุดออกหมัดแล้วหลิงยู่ชานพูดด้วยน้ำเสียงเคารพกับหลิงตู้ฉิงว่า “ขอบคุณท่านพ่อ ข้าจะฝึกศิลปะหมัดทุกวันอย่างแน่นอน”
“ทำไมต้องขอบคุณ ข้าเป็นพ่อของเจ้า ข้าสอนเจ้าย่อมถูกต้องแล้ว” หลิงตู้ฉิงพูดตอบลูกของเขาด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
ในเวลานี้ หลิงว่านถิง และคนอื่น ๆ ได้ล้อมหลิงตู้ฉิงเอาไว้ พวกเขาถามด้วยความหวาดกลัวและความคาดหวังว่า “ท่านพ่อได้โปรดสอนให้เรารู้วิธีบ่มเพาะด้วยไม่ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหนพวกเราก็ไม่กลัว!”
หลิงตู้ฉิงถอนหายใจและพูดว่า “ตอนนี้พ่อสามารถสอนวิธีบ่มเพาะให้กับพี่ใหญ่และน้องสาวของพวกเจ้าได้เท่านั้น แต่สำหรับพวกเจ้าต้องรอจนกว่าพ่อจะเตรียมความพร้อมให้เสร็จก่อน พ่อถึงจะสามารถทำให้พวกเจ้าเริ่มบ่มเพาะได้ แต่ไม่ต้องกังวลเมื่อถึงเวลาทุกคนจะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสมแน่นอน”
หลิงฟ่างหัวถามอย่างกังวลใจว่า “ท่านพ่อ ข้าจะเจ็บหรือเปล่า?”
“ไม่เสมอไป!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เอาล่ะพวกเจ้าไปได้แล้ว ให้พ่อได้ตรวจสอบพ่อบ้านโม่สักหน่อย!”
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มาถึงหน้าโม่หยูถังและเริ่มตรวจสอบพลังวิญญาณ
ไม่นานนักหลิงตู้ฉิงก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “อืม ร่างกายของเจ้านี่มันยุ่งยากนิดหน่อย เจ้าคงต้องรอให้ข้าบ่มเพาะไปถึงขอบเขตประสานทะเลปราน จากนั้นข้าถึงจะสามารถรักษาร่างกายให้เจ้าได้!”
โม่หยูถังยิ้มอย่างไม่แยแส “นายท่าน จริง ๆ ท่านไม่จำเป็นต้องจริงจังกับเรื่องของข้ามากนัก ข้าเองรู้ตัวดีว่าปัญหาของข้าไม่ใช่เรื่องที่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ข้าไม่ต้องการทำให้นายท่านต้องมาลำบากกับคนแก่อย่างข้า”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ก็แค่เส้นลมปรานของเจ้าถูกทำลายและจุดตันเถียนของเจ้าเสียหาย มันไม่นับเป็นอะไรเลย รอจนข้าบรรลุถึงขอบเขตประสานทะเลปรานเมื่อไหร่ ข้าก็จะสามารถรักษาให้เจ้าได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวล”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง เด็กคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรนั้นไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่จ้าวเหมิงลู่ในฐานะที่นางเป็นผู้เชี่ยวชาญ นางรู้ดีว่าปัญหาของโม่หยูถังนั้นใหญ่ขนาดไหน นางจึงถามขึ้นด้วยความตกใจ “เส้นลมปรานที่ถูกทำลายและจุดตันเถียนที่เสียหาย ท่านบอกว่าท่านสามารถรักษาให้หายได้งั้นเหรอ?”
“มันก็ไม่ได้ยากอะไรมากมายสำหรับข้าสักเท่าไหร่” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
จ้าวเหมิงลู่แทบสำลัก ถ้ามันไม่ยากแล้วอะไรกันที่ยาก?
จากความรู้ที่มี นางไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
“น่าประหลาด! นี่มันผิดปกติจริง ๆ!”
หลิงตู้ฉิงสาปแช่งจ้าวเหมิงลู่อยู่ในใจก่อนจะถามว่า “แล้วเจ้าได้คิดแล้วหรือยังเรื่องที่ข้าจะชี้แนะเจ้าให้บรรลุระดับของการบ่มเพาะ ข้าจะเตือนเจ้าไว้ ถ้าสถานการณ์ของเจ้าไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนการบ่มเพาะในขอบเขตประสานทะเลปรานของเจ้าก็จะพบทางตัน ถ้าข้าไม่ชี้แนะเจ้า ความสำเร็จของเจ้าจะหยุดอยู่แค่ขอบเขตรวมแสงดารา”
จ้าวเหมิงลู่พูดด้วยรอยยิ้มอันเศร้าสร้อย “ขอบเขตรวมแสงดาราเป็นขอบเขตที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปนี้ ถ้าข้าสามารถไปถึงระดับขอบเขตรวมแสงดาราได้ข้าก็พอใจ”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ปัญหาของเจ้า หากเจ้าไปเจอคนอื่นมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไข แต่มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยจัดการกับมันเจ้าก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะถูกทุบตี!”
จ้าวเหมิงลู่คิดอยู่พักหนึ่งและในที่สุดก็พูดกับหลิงตู้ฉิงอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นแค่ถูกทุบตีข้ายอมได้ ข้าตกลงให้ท่านช่วยชี้แนะ!”