บทที่ 138 ปล้นชิงโอสถ[รีไรท์]
มี่ตั้วตั้ว ในเวลานี้เมื่อเขาได้ยินชื่อของเหลียงเจียฮุย เขาไม่ได้มีความรู้สึกหวั่นเกรงใด ๆ เลยแม้แต่นิด ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราแล้วรวมกับเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ เขามั่นใจ แม้ว่าเหลียงเจียฮุยจะมาด้วยจุดประสงค์ร้าย เขาก็สามารถรับมือได้อย่างสบาย
เหลียงเจียฮุยและมี่ตั้วตั้ว เมื่อพบหน้ากัน พวกเขาคุยกันอยู่แค่เพียงครู่เดียว ก่อนที่เหลียงเจียฮุยจะจากไปด้วยความเร่งรีบ
“ฝ่าบาท ข้าสอบถามเกี่ยวกับโอสถนั่นมาอย่างละเอียดแล้ว โอสถนั่นมีชื่อเรียกว่า โอสถกำเนิดรากฐาน มี่ตั้วตั้วยังแจ้งอีกว่าเขาสามารถขายโอสถนี้ให้กับฝ่าบาทได้บางส่วนโดยตรง และที่สำคัญฝ่าบาท โอสถนี้ผู้ที่จัดหามันให้กับตระกูลมี่คือหลิงตู้ฉิง พะยะค่ะ” เหลียงเจียฮุยคุกเข่ารายงานผลการไปเยือนตระกูลมี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เหลียงซานขมวดคิ้วพลางคิดในใจ “มันเป็นหลิงตู้ฉิงที่อยู่เบื้องหลังจริง ๆ สินะ ไอ้หลิงตู้ฉิงนี่มันเป็นใครกัน? มันมาจากขุมกำลังไหน? แล้วไอ้โอสถกำเนิดรากฐานนี่มันอะไรกัน? ต่อให้บรรดาสำนักของทวีปอื่น ๆ จะรู้วิธีทำให้คนธรรมดาสามารถบ่มเพาะได้ก็ตาม แต่ไม่มีสำนักไหนที่สามารถคิดค้นสูตรยาที่สามารถทำให้คนธรรมดาบ่มเพาะได้ง่าย ๆ แบบนี้ คนที่ข้าส่งไปสืบเรื่องของมันก็ยังไม่กลับมารายงาน ตอนนี้คงจะทำอะไรบุ่มบ่ามผลีผลามไม่ได้”
เหลียงเจียฮุย เมื่อเห็นว่าเหลียงซานเงียบไปอยู่สักพักแล้วจึงได้ถามขึ้น “ฝ่าบาทสำนัก ยอดเขาหยกจักรพรรดิของเราไม่เห็นจำเป็นต้องไปกลัวอะไรใครเลย ทำไมท่านไม่ให้ข้าส่งข่าวกลับไปที่สำนักให้พวกเขาส่งบรรดาผู้อาวุโสมาจัดการกับเรื่องนี้ล่ะฝ่าบาท”
เหลียงซานส่ายหัวและตอบกลับว่า “ยังก่อน ยังไม่ถึงเวลา ข้าได้ส่งคนออกไปสืบเรื่องของหลิงตู้ฉิงแล้ว รอให้ข่าวถูกส่งกลับมาก่อนจากนั้นข้าค่อยตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป”
หลังจากบอกให้เหลียงเจียฮุยออกไป เหลียงซานวางแผนการกดดันตระกูลหลิงอีกครั้ง เหลียงซานตั้งใจจะยัดเยียดตำแหน่งหลานเขยให้กับหลิงตู้ฉิง โดยการจับคู่หลิงตู้ฉิงกับหลานสาวสักคนหนึ่งของเขา เพื่อที่เขาจะได้ลากหลิงตู้ฉิงมาไว้อยู่ใกล้ตัวเพื่อควบคุมได้สะดวกและยังเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ของตระกูลหลิงและตระกูลจ้าวไปอีกทาง หรือหากหลิงตู้ฉิงกล้าปฏิเสธ เขาจะได้มีข้ออ้างอีกข้อในการดำเนินแผนการจัดการกับตระกูลหลิงให้เด็ดขาด
ในระหว่างที่เหลียงซานกำลังวางรายละเอียดของแผนการอยู่นั้น เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณที่แพร่กระจายออกมาจากทิศทางที่ตระกูลมี่ตั้งอยู่
“เกิดอะไรขึ้นกันอีก?” เหลียงซานตะโกนดังลั่น
เหลียงเจียฮุยรีบวิ่งเข้ามาหาและรายงานทันที “ฝ่าบาท ดูเหมือนว่าจะมีบางคนเริ่มทนไม่ไหวกับเนื้อชิ้นโตที่แขวนอยู่บนคอตระกูลมี่แล้วฝ่าบาท ท่านคิดว่าเราควรจะอาศัยสถานการณ์นี้เข้าไปร่วมแบ่งผลประโยชน์มาด้วยดีหรือไม่?”
เหลียงซานคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงส่ายหัวและพูดว่า “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำลายตระกูลมี่ เจ้าจงนำทหารมุ่งหน้าไปที่ตระกูลมี่ ช่วยพวกเขาให้ขับไล่ศัตรูออกไป”
เหลียงเจียฮุยประสานมือก้มหน้ารับคำสั่ง และจากนั้นจึงรีบหมุนตัวจากไปรวบรวมกำลังทหารและมุ่งหน้าตรงไปยังตระกูลมี่ทันที
ทางด้านในศาลาศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงรู้สึกถึงความผันผวนของพลังวิญญาณ เขามองไปยังทิศทางของตระกูลมี่และส่ายหัว
“นายท่าน ให้ข้าไปดูไหม?” เสี่ยวเยว่เฟิงถาม
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่จำเป็นหรอก บรรดาคนที่มาสร้างปัญหาอยู่แค่ขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 3 เท่านั้นและพวกเขามีกันแค่ 3 คน หากเจอแค่นี้มี่ตั้วตั้วยังรับมือไม่ได้ ต่อไปในอนาคตเขาคงต้องเปลี่ยนมือให้ผู้อื่นนำตระกูลแทนแล้วล่ะ”
มี่ไลซึ่งอยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้นจึงขอร้องทันที “นายท่าน ท่านอนุญาตให้ข้าไปช่วยท่านพ่อได้ไหม?”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่นางและถามว่า “เจ้าต้องการไปช่วยทั้งที่ตัวเองอยู่แค่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 2 เท่านั้นน่ะเหรอ? เจ้าควรจะรู้ไว้ว่าทุกคนที่บุกไปยังตระกูลมี่ตอนนี้ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราทั้งสิ้น”
“แต่นั่นคือพ่อของข้า ตระกูลของข้าตกอยู่ในอันตรายข้าไม่สามารถยืนดูเฉย ๆ ได้ นายท่าน ได้โปรดให้ข้ายืมหลิงจู้ด้วย” มี่ไลพูดด้วยสายตามุ่งมั่น
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าจะให้เจ้านำหลิงจู้ไปก็ได้ แต่มันสามารถใช้ได้เพียงเพื่อป้องกันการโจมตีที่พุ่งเป้ามาที่เจ้าเท่านั้นและเจ้าไม่สามารถใช้หลิงจู้โจมตีผู้อื่นได้”
“ขอบคุณนายท่าน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว” มี่ไลกล่าวอย่างซาบซึ้ง นางลุกขึ้นและถือหลิงจู้จากไปอย่างรีบร้อน
อันที่จริงแล้ว มี่ไลเข้าใจชัดเจนว่าถ้านางถือหลิงจู้อยู่ในมือ นางไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย ตราบใดที่นางยืนอยู่ตรงนั้นโดยมีหลิงจู้อยู่ในมือ นางสามารถใช้มันขู่บรรดาผู้บุกรุกให้ถอยกลับไปได้ นั่นคือเหตุผลที่นางต้องการยืมหลิงจู้มา
ขณะนี้ที่หน้าคฤหาสน์ตระกูลมี่ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราผู้หนึ่งกล่าวกับมี่ตั้วตั้ว ว่า “ผู้นำตระกูลมี่ ข้ามาที่นี่เพียงแค่อยากจะเจรจากับท่าน ข้าเองไม่ได้ต้องการอะไรมาก ข้าแค่ต้องการให้ท่านแบ่งโอสถดาราประสานมาให้ข้าสักหน่อยและสำเนาของสูตรหลอมโอสถที่ท่านปล่อยข่าวว่าสามารถสร้างรากฐานจิตวิญญาณให้กับคนธรรมดาได้ เมื่อท่านมอบพวกมันให้ข้าแล้วข้าจะจากไปทันที และข้าให้สัญญาว่าข้าจะไม่นำพวกมันมาขายแข่งกับท่านในอาณาจักรจันทราแน่นอน”
มี่ตั้วตั้วหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านี่มันตลกจริง ๆ แม้แต่โอสถดาราประสานยังไม่มีทางที่ข้าจะมอบพวกมันให้เจ้าและจะนับประสาอะไรกับสูตรหลอมโอสถ เลิกฝันเรื่องพวกนี้ไปได้เลย เจ้าและบรรดาทุกคนที่มาที่นี่จงรีบหันหลังกลับไปซะ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะต้องเสียใจ!”
“ผู้นำตระกูลมี่ ท่านแน่ใจงั้นเหรอว่าจะเลือกต่อต้านพวกข้าจริง ๆ ต่อให้ท่านจะมีความมั่นใจในตัวเองที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราแล้วจะสามารถหนีรอดจากพวกเราไปได้ แต่ท่านไม่คิดบ้างเหรอว่าคนอื่น ๆ ในตระกูลท่านจะเอาตัวรอดได้ยังไงเมื่อท่านหนีไปแล้ว ท่านไม่กลัวว่าพวกข้าจะฆ่าล้างตระกูลท่านในวันนี้งั้นเหรอ?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราอีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พวกเจ้านี่ช่างประเมินตัวเองสูงเกินไป แถมยังประเมินข้าต่ำเกินไปอีกด้วย” มี่ตั้วตั้วส่ายหัว
“หรือว่านี่ท่านกำลังถ่วงเวลารอลูกเขยอยู่งั้นเหรอ? ถึงแม้ว่าเขาจะมีอาวุธอันทรงพลัง แต่ท่านต้องอย่าลืมว่าระดับพลังของเขาอ่อนแอจนน่าสมเพช และข้าไม่ใช่ไก่อ่อนที่เพิ่งทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราเหมือนกับคนที่ลูกเขยท่านสังหารไป ฉะนั้นหากท่านจะพึ่งเขาในวันนี้ท่านเลิกหวังไปได้เลย!”
ขณะที่มี่ตั้วตั้วและผู้เชี่ยวชาญอีกสองคนกำลังเถียงกัน
บุรุษที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราอีกคนที่ปกปิดใบหน้าเขาด้วยพลังวิญญาณก็ปรากฏตัวขึ้นขั้นกลางระหว่างมี่ตั้วตั้วและผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ
“เอาสูตรหลอมโอสถมาให้ข้า!” บุรุษผู้นั้นตะคอกอย่างดุดัน
มี่ตั้วตั้วหัวเราะต่อหน้าบุรุษที่มาใหม่และชี้ไปที่ผู้เชี่ยวชาญอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังที่เถียงกับมี่ตั้วตั้วก่อนหน้านี้และพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะต้องการในสิ่งเดียวกันนะ เอาแบบนี้เป็นไง พวกเจ้าก็ลองสู้กันสักรอบหาผู้ชนะ หากใครชนะข้าจะยอมเจรจาด้วยก็แล้วกัน เอาแบบนี้ดีไหม?”
ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราทั้งสามต่างมองไปที่มี่ตั้วตั้วอย่างเย็นชา พวกเขาทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกันคือสูตรหลอมโอสถ
มี่ตั้วตั้ว เองในตอนนี้เขาไม่ได้มีความกลัวแม้แต่น้อย เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าเมื่อไหร่ที่เขาปล่อยข่าวเรื่องโอสถกำเนิดรากฐานออกไป เขาจะต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างแน่นอน
และด้วยพลังของเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ที่เขาพึ่งได้ครอบครอง มี่ตั้วตั้วตั้งใจแสดงพลังของตนเองโดยการสังหารผู้เชี่ยวชาญที่นี่ทั้งหมด เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ที่ยังไม่มาในวันนี้เกิดความกลัว
ในขณะเดียวกับที่สถานการณ์ต่าง ๆ กำลังจะถึงจุดเดือดสุด เสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงจำนวนมากลอยดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนผู้คนเริ่มหันไปมอง
ที่มาของเสียงฝีเท้าเหล่านี้เป็นของเหลียงเจียฮุย และบรรดาทหารของเขาที่นำออกมาจากวังหลวง
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้มี่ตั้วตั้วก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
มี่ตั้วตั้วไม่รู้ว่าทำไมเหลียงเจียฮุยถึงมาที่นี่ หากไม่จำเป็นเขาก็ไม่ต้องการเริ่มความขัดแย้งกับจักรพรรดิของอาณาจักรเร็วขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ข่าวมาจากหลิงตู้ฉิงว่าจักรพรรดิผู้นี้มาจากสำนักยอดเขาหยกจักรพรรดิ
“พวกเจ้าเป็นใคร? พวกเจ้าไม่รู้หรือไงว่านี่คือเมืองหลวงของอาณาจักรจันทรา? พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงได้มาสร้างความวุ่นวายที่นี่!” เหลียงเจียฮุยตะโกนมาแต่ไกล
เมื่อเหลียงเจียฮุยและบรรดาทหารของเขามาถึงหน้าตระกูลมี่ พวกเขาเริ่มจัดกระบวนทัพ ตั้งท่าเตรียมพร้อมจู่โจมบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่ลอยอยู่บนฟ้าทุกเมื่อ
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่ก่อนหน้านี้เถียงกับมี่ตั้วตั้วพูดขึ้น “นี่เป็นเรื่องขัดแย้งส่วนตัวของพวกเรา ข้าหวังว่าจักรพรรดิของอาณาจักรนี้จะไม่เข้ามายุ่ง! แม้ว่าพวกเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่พวกข้าเองก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน วันนี้ไม่ว่ายังไงข้าจะต้องได้สูตรหลอมโอสถ หากใครกล้าขวางข้า ตายสถานเดียว!”
“ปากเก่งจริง ๆ ข้าอยากเห็นโฉมหน้าของพวกเจ้าจริงๆ ว่าเป็นใครกันที่กล้าปล้นตระกูลของข้า?” มี่ไลโอบหลิงจู้อยู่ในอ้อมอกของนางและเดินเข้ามาด้วยท่าทีสบาย ๆ
แม้ว่านางจะเดินเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ แต่จริง ๆ แล้วนางนั้นกังวลในใจมาก เนื่องจากทั้งหมดที่นางทำเป็นเพียงแค่การแสดง นางพยายามถือหลิงจู้ให้ทุกคนเห็นอย่างเปิดเผยเพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่จริง ๆ แล้วนางไม่สามารถใช้หลิงจู้ได้
การปรากฏตัวของมี่ไลที่ถือหลิงจู้อยู่ในเวลานี้ เริ่มทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราที่มาบุกรุกเริ่มตื่นตระหนก ถึงแม้ว่าปากของพวกเขาจะเคยพูดว่าพวกเขาไม่กลัวอาวุธนี่ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่คำขู่
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราคนไหนบ้างจะไม่กลัวอาวุธนี่กัน แค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตควบแน่นลมปราณใช้มันยังสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราได้ภายในพริบตา แล้วนี่ประสาอะไรกับตอนนี้ที่คนถือมันมาอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณ พวกเขาไม่กล้าลองของกับอาวุธวิเศษพิสดารเช่นนี้
“พวกเจ้าต้องการที่จะปล้นตระกูลข้างั้นเหรอ?” มี่ไลถามขึ้นด้วยเสียงกังวาน
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราที่ข่มขู่มี่ตั้วตั้วคนแรกพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ข่าวเรื่องโอสถของพวกเจ้าได้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งทวีปแล้ว ต่อจากนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญมาที่นี่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และผู้เชี่ยวชาญที่กำลังจะมาอาจจะไม่ใจดีแบบข้า ข้าอุตส่าห์มาที่นี่เพื่อช่วยแบ่งปันความกดดันนี้ร่วมกับพวกเจ้า โดยการนำสำเนาสูตรโอสถที่พวกเจ้ามอบให้ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นแบ่งออกมาหาข้าบ้าง แต่ในเมื่อพวกเจ้าดื้อดึงคิดเก็บสูตรโอสถไว้คนเดียวต่อไปแบบนี้ พวกเจ้าจะต้องเสียใจภายหลังที่ไม่ตกลงในข้อเสนอของข้า!”
หลังจากที่พูดจบเขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและจากไป
เมื่อมีคนหนึ่งจากไป อีกสองคนที่เหลือก็เหลือบไปมองมี่ตั้วตั้วและจากไปเช่นกัน