บทที่ 187 เริ่มการทดสอบรับคนเข้าคณะ
หลังจากที่หมิงเซียนจ้าวจากไป หลายคนที่อยู่นอกศาลาศักดิ์สิทธิ์ก็ตระหนักว่าหมิงเซียนจ้าวคนนี้เป็นสมาชิกของสำนักต่างทวีป
และสิ่งที่ทุกคนรู้สึกสนใจก็คือ ถึงแม้จะเป็นคนที่มาจากสำนักต่างทวีป แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับศาลาศักดิ์สิทธิ์คนจากสำนักก็ยังต้องถอยกลับไป
ส่วนบทสนทนาเรื่องโอสถมนุษย์ระดับสวรรค์ที่หมิงเซียนจ้าวได้ตะโกนออกมานั้น หลายคนที่อยู่รอบ ๆ ล้วนได้ยิน ซึ่งหลายคนที่เป็นคนของอาณาจักรจันทราส่วนใหญ่พวกเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
อย่างไรก็ตามถึงแม้คนส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจ แต่มันก็ยังมีคนบางส่วนที่เข้าใจว่ามันคืออะไรอยู่ แววตาของพวกคนเหล่านั้นที่เข้าใจต่างส่องประกายไปด้วยความตื่นเต้นพลางรีบร้อนส่งข่าวไปยังตัวตนระดับสูงกว่าที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาทันทีเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ถ้าหากจะให้เทียบกับเรื่องโอสถมนุษย์ระดับสวรรค์ที่หลายคนไม่เข้าใจ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจเกี่ยวกับการทดสอบเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์มากกว่าว่าจะดำเนินการอย่างไร
ด้วยชื่อเสียงของศาลาศักดิ์สิทธิ์ที่โด่งดังแพร่กระจายไปทั่ว ทุกคนรู้ดีว่าการเข้าสู่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นมันสำคัญมากเพียงไหน
และแน่นอนว่าอาจารย์หลายคนที่มาจากสถาบันการศึกษาอื่น ๆ ก็ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับการเปิดรับนักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน โดยเฉพาะเหล่าอาจารย์ที่มาจากสถาบันหงส์เพลิง
บรรดาอาจารย์จากสถาบันอื่น ๆ ต่างมองไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ พลางถอนหายใจ อย่างไรก็ตามคนที่ผิดหวังที่สุดคือตู้เหลยโตว
ถ้าก่อนหน้านี้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลิงตู้ฉิง และเชิญเขาไปที่สถาบันหงส์เพลิงทุกอย่างที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์มีก็ควรจะปรากฏในสถาบันหงส์เพลิง
น่าเสียดายที่ความเป็นไปได้นี้ถูกทำลายโดยผู้คนจากตระกูลเจิ้นโดยไม่มีอะไรเหลือให้สานต่อ
ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงนำนักศึกษาที่โดดเด่นที่สุดเพียงไม่กี่คนในสถาบันหงส์เพลิงมารอการทดสอบเข้าสถาบันราชวงศ์และศาลาศักดิ์สิทธิ์
“ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ เจ้าเอาเปรียบข้า!” ตู้เหลยโตวสบถไปทางจ้าวปาเทียน
ทั้งสองดูเหมือนจะรู้จักกันและมีความสัมพันธ์ที่ดี
จ้าวปาเทียนหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า ตาแก่ตู้ เจ้าจะมาโทษข้าได้ยังไงในเมื่อเป็นเจ้าที่พลาดเอง”
“ไม่รู้แหละ ในเมื่อเจ้าเอาเปรียบข้าแบบนี้ ครั้งนี้ข้าได้นำนักศึกษาระดับหัวกะทิมา 2-3 คน อย่างน้อย ๆ เจ้าต้องให้ที่ว่างสัก 2 ที่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์แก่นักศึกษาของข้า!” ตู้เหลยโตวพูด
จ้าวปาเทียนยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “เจ้าจะมาขอข้าไม่ได้หรอก เพราะข้าเองก็ไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้เช่นกัน หากข้ากำหนดได้ข้าคงจะเพิ่มจำนวนที่ว่างรับนักศึกษาให้ถึงหลักร้อยด้วยซ้ำ เจ้าคิดดูสิ ขนาดนักศึกษาในสถาบันของข้าเองยังอยู่ในศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้แค่ 11 คนเองนะตอนนี้ เงื่อนไขการรับคนเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกกำหนดโดยหลิงตู้ฉิงแต่เพียงผู้เดียว ข้าทำอะไรไม่ได้กับเรื่องนี้หรอก ส่วนเรื่องนักศึกษาของเจ้า ถ้าหากพวกเขาเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ ข้าย่อมเต็มใจที่จะให้พวกเขา เข้าไปอยู่ในคณะอื่นของสถาบันข้าเช่นกัน”
ในขณะที่ทั้งสองคนยังคงคุยกันอยู่ โม่หยูถังก็เดินออกมาและพูดว่า “เตรียมตัวให้พร้อม หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยามการทดสอบเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มขึ้น!”
“กฎของการทดสอบคืออะไร?” มีคนถามอย่างเร่งรีบ
โม่หยูถังพูดเบา ๆ “เจ้าจะรู้คำตอบมันภายในหนึ่งชั่วยาม”
ในเวลานี้ภายในศาลาศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงกำลังวาดอักขระเวทย์ลงบนลานฝึกของคณะ
บรรดาอักขระเวทย์ที่หลิงตู้ฉิงวาดลงไปในลานนั้นหลอมรวมเข้ากับพื้นและพลังวิญญาณก็เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นรูปลักษณะโดมสีดำทึบสูงราว 3 เมตร เส้นผ้าศูนย์กลางราว 5 เมตร
ประมาณครึ่งชั่วยามผ่านไป หลิงตู้ฉิงที่ก่อรูปโดมจนเสร็จเรียบร้อยเรียกโม่หยูถังเข้ามาหา และพูดว่า “พ่อบ้านโม่ เจ้าช่วยใส่ภาพมายาของบรรดาตัวประหลาดที่ดูสยอง ๆ ของสำนักเจ้าลงไปในอาณาเขตค่ายกลที่ข้าสร้างขึ้นที ข้าต้องการเพิ่มความหลากหลายของการทดสอบให้ดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก”
พูดจบ หลิงตู้ฉิงจึงเริ่มแนะนำการเพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ ที่เขาจะใส่ลงไปในโดมที่ไว้ใช้สำหรับทดสอบนักศึกษาให้โม่หยูถังทำตาม พร้อมกับให้โม่หยูถังสร้างช่องประตูทางเข้าไว้ยังด้านหน้าคณะศาลาศักดิ์สิทธิ์
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น หลิงตู้ฉิงก็เดินออกจากศาลาศักดิ์สิทธิ์ชี้ไปที่ประตูทั้งสอง และพูดกับทุกคนที่อยู่ด้านนอก
“พวกเจ้าเห็นประตูทั้งสองนี้ไหม ตราบใดที่พวกเจ้าเดินเข้าไปในประตูด้านซ้ายและไปโผล่ด้านในศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้ นั่นจะหมายถึงว่าเจ้าผ่านการทดสอบและพวกเจ้าจะได้รับสถานะการเป็นนักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์ทันที แต่ถ้าพวกเจ้าไม่ผ่านการทดสอบพวกเจ้าจะถูกส่งตัวออกมาทางประตูด้านขวา นี่เป็นกฎเดียวสำหรับการทดสอบ และอีกอย่างตามข้อตกลงที่ข้าเคยประกาศไว้ตอนแรกกับสถาบันราชวงศ์ว่าข้าจะรับสมัครนักศึกษาใหม่ 10 คน แต่ถ้าหากมีคนที่น่าสนใจเข้าตาข้า ข้าอาจจะยกเว้นกฎรับคนเพิ่มบ้าง ฉะนั้นขอให้พวกเจ้าตั้งใจทำการทดสอบให้ดี เอาล่ะ หากใครพร้อมแล้วก็สามารถเข้าไปได้เลย”
หลังจากหลิงตู้ฉิงพูดจบเขาก็เดินกลับเข้าไปด้านในศาลาศักดิ์สิทธิ์
ทิ้งบรรดาผู้คนที่รอการทดสอบอย่างใจจดใจจ่ออยู่ด้านนอกให้งุนงงในทันที เมื่อพวกเขาได้ยินกฎการทดสอบและโตวต้าพิเศษของหลิงตู้ฉิง
พวกเขางุนงงกับกฎการทดสอบที่คลุมเครือเช่นนี้มาก
พวกเขาคิดว่าอย่างน้อย ๆ หลิงตู้ฉิงก็ควรอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมสักหน่อยว่าการทดสอบนี้มันจะเกี่ยวกับอะไรหรือมันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างหลังจากเข้าไปในประตูนี่?
แต่ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังงุนงง ผู้คนบางส่วนก็ได้เข้าไปด้านในกันบ้างแล้ว ส่งผลให้บรรดาคนที่ยังคงพะว้าพะวังอยู่รู้สึกกระวนวายใจกลัวว่าโควต้า 10 ที่ของศาลาศักดิ์สิทธิ์จะถูกเติมเต็มจนหมดก่อนหน้าพวกเขาจะได้เข้าไปทดสอบ
ในตอนนี้คนที่ยังอยู่ด้านนอกจึงรีบกรูกันเข้าไปยังประตูทางเข้าการทดสอบทันที
แต่น่าเสียดายที่ความกังวลของพวกเขานั้นมันกลายเป็นเรื่องตลกทันที เมื่อภาพที่พวกเขาเจอเมื่อก้าวขาพ้นเข้าไปด้านในประตู กลับกลายเป็นว่าพวกเขาต้องพบกับสภาวะแวดล้อมรอบด้านที่มืดมิดวังเวง มีสายลมหนาวและเสียงอันโหยหวนของบรรดาปีศาจที่บินกันว่อนอยู่เหนือหัวพวกเขา และไม่ใช่แค่บรรดาปีศาจเหล่านั้นจะบินลอยขู่พวกเขาแต่เพียงอย่างเดียว บางตัวกลับพุ่งตรงเข้าใส่พวกเขา หมายที่จะเปลี่ยนให้พวกเขาเป็นอาหารมื้อหลักอันโอชะของพวกมัน
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาต่างคนต่างวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนกในทันที ไม่นานต่อมาพวกเขาก็ถูกขับออกมาจากประตูทางออกด้วยใบหน้าซีดเซียว
และเมื่อพวกเขาได้เห็นแสงสว่างของภายนอกอีกครั้งและเห็นผู้คนมากมาย พวกเขาก็รู้สึกตัวว่าที่ที่พวกเขาถูกส่งตัวออกมานั้นเป็นด้านหน้าของศาลาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนี่หมายความว่าพวกเขานั้นไม่ผ่านการทดสอบ
พวกเขารู้ตัวทันทีว่าพวกเขาพลาดโอกาสที่จะได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ในตำนานแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พวกเจ้าเห็นอะไร?” บรรดาคนที่ยังอยู่ด้านนอกถามอย่างรีบร้อน
นักศึกษาคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว “มังกรปีศาจมันไล่ตามข้า ข้าวิ่งหนีมันอย่างสุดกำลังแต่ว่าข้า…”
นักศึกษาอีกคนพูดว่า “ของข้าเป็นผีดิบตัวใหญ่ มันต้องการดูดเลือดข้า…”
“ข้าเห็นมือสังหารมากมายที่พยายามจะฆ่าข้า…”
“ข้าเห็นก้อนหินก้อนใหญ่พยายามที่กลิ้งมาบดขยี้ข้าให้แหลกเป็นชิ้น ๆ!”
บรรดาผู้คนที่ยังไม่เข้าไปในประตูทดสอบต่างตกตะลึงกับคำตอบที่พวกเขาได้รับจากเหล่าคนที่ถูกขับออกมาจากประตูทางออก
พวกเขาต่างพึมพำกันในใจ
การทดสอบนี้มันคืออะไรกันแน่? ทำไมมันฟังดูน่ากลัวแบบนี้?
อาจารย์คนหนึ่งที่มาจากสถาบันอื่น ซึ่งคิดว่าตัวเองฉลาดตะโกนขึ้นว่า “อย่าไปกลัว ภาพพวกนี้ที่พวกเจ้าเจอล้วนเป็นเพียงภาพมายา พวกมันไม่อาจทำอันตรายใด ๆ กับพวกเจ้าได้ เมื่อพวกเจ้าเข้าไปด้านในพวกเจ้าอย่าได้ต่อต้านมัน พวกมันทำอะไรเจ้าไม่ได้นอกจากจะทำได้เพียงแค่หลอกหลอนให้หวาดกลัวเท่านั้น…”
ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น จู่ ๆ ร่างที่เปื้อนเลือดก็พุ่งออกมาจากประตูทางออก
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” อาจารย์ผู้หนึ่งรีบไปพุ่งไปหานักศึกษาที่โชกเลือดและถามอย่างรวดเร็ว
นักศึกษาคนนั้นพูดอย่างอเนจอนาถ “ข้าเจอกับสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ ซึ่งพยายามจะกัดข้าและข้าคิดว่ามันเป็นภาพมายา ฉะนั้นข้าจึงไม่หลบมันและสภาพของข้าก็เป็นเช่นนี้แหละ”
ภาพมายา?
ภาพมายาแบบไหนกันทำให้คนที่ออกมาโชกเลือดได้ขนาดนี้?
ทุกคนหันไปมองอาจารย์ที่บอกว่ามันเป็นแค่ภาพมายา
อาจารย์ผู้นั้นรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เขาจึงเบนหน้าหนีไปทางอื่นและไม่พูดอะไรอีกต่อไป
ขณะนี้ยังเหลือคนอยู่ด้านนอกอยู่อีกอย่างน้อย 300 คนยืนอยู่นอกศาลาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งยังไม่ได้เข้าไปทดสอบ
อาจารย์ผู้หนึ่งเมื่อเห็นสีหน้าของบรรดาผู้คนที่รอการทดสอบเริ่มหวาดกลัว เขาตะโกนกระตุ้นผู้เข้าร่วมทดสอบว่า “ถึงแม้ว่าการทดสอบนี้จะไม่ง่ายอย่างที่พวกเจ้าคิด แต่พวกเจ้าลืมกันไปรึเปล่าว่าตอนนี้พวกเจ้ากำลังทดสอบเข้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นสถานที่ในฝันสำหรับผู้บ่มเพาะของคนทั้งทวีป พูดตามตรงถ้าไม่ใช่เพราะข้าเป็นอาจารย์อยู่แล้ว ข้าก็อยากจะทดสอบเหมือนกัน พวกเจ้าจะละทิ้งโอกาสที่แม้แต่ข้าที่เป็นอาจารย์ยังใฝ่ฝันถึงเพราะความกลัวในใจของเจ้าเพียงแค่นี้น่ะเหรอ ถ้าหากพวกเจ้าคิดกันได้เพียงแค่นี้อนาคตเส้นทางการบ่มเพาะของพวกเจ้าก็คงไปไม่ถึงไหนกันหรอก!”
อาจารย์หลายคนก็เตือนนักศึกษาของพวกเขาด้วยวิธีนี้เช่นกัน เพราะถึงแม้การทดสอบนี้มันจะอันตราย แต่ความอันตรายนี้มันก็มาพร้อมกับโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตการบ่มเพาะของบรรดานักศึกษาของพวกเขาให้รุ่งโรจน์
ขณะที่หลาย ๆ คนยังคิดถึงเรื่องนี้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 5 จากสวนร้อยพฤกษาตะโกนถามขึ้นว่า “ข้าสามารถเข้าร่วมการทดสอบนี้ได้ไหม? แล้วถ้าข้าผ่านข้าจะเป็นนักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้รึเปล่า?”
โม่หยูถังปรากฏตัวขึ้นและตอบว่า “นายท่านบอกว่าใคร ๆ ก็สามารถเข้าทดสอบได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ศิษย์จากสวนร้อยพฤกษาตัดสินใจวิ่งเข้าไปยังประตูทดสอบทันที