บทที่ 20 เยือนเรือนหลิง[รีไรท์]
วันถัดมา มี่ไลและหวงยี่เฟยได้มาเยือนถึงเรือนตระกูลหลิงท่ามกลางผู้คุ้มกันจำนวนหนึ่ง
หวงยี่เฟยถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ “ปรมาจารย์นั่นอาศัยอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?” เขามองดูเรือนตระกูลหลิงที่ค่อนข้างเสื่อมโทรม
มี่ไลพยักหน้า “เท่าที่ข้าทราบมาก็น่าจะเป็นที่นี่ แต่ในตอนนี้ข้าเริ่มจะไม่แน่ใจสักเท่าไหร่แล้ว…”
มี่ไลสั่งให้ผู้คุ้มกันทั้งหมดรออยู่หน้าประตู จากนั้นนางจึงเดินไปเคาะที่ประตู
โม่หยูถังที่ได้ยินเสียงเคาะ จึงเปิดประตูออกมา
เมื่อพบกับบุคคลจำนวนหนึ่งมารออยู่ที่หน้าประตูและเขาได้เหลือบไปเห็นสัญลักษณ์ตระกูล ‘มี่’ บนรถม้า เขาจึงถามออกไป “มีธุระอะไรกับพวกเรางั้นหรือ?”
มี่ไลยิ้มแล้วจึงกล่าวว่า “ข้า มี่ไล และผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างข้าคือ อาจารย์หวง พวกเรามาเพื่อขอพบกับนายท่านของเจ้า”
“เช่นนั้นกรุณารอสักครู่” โม่หยูถังกล่าว แล้วจากนั้นจึงเดินกลับเข้าไปในเรือนและแจ้งข่าวแก่หลิงตู้ฉิง
“นายท่าน คนจากตระกูลมี่ มาเยือนเพื่อขอพบกับนายท่าน”
“ให้พวกเขาเข้ามา” หลิงตู้ฉิงกล่าวโดยไม่หันกลับมามอง
จากนั้นเขาก็เริ่มสอนหลิงยู่ชานต่อ “การออกหมัดจะต้องหนักหน่วง พละกำลังที่ใช้จะต้องสม่ำเสมอ เจ้าจะต้องอุทิศทั้งกายและใจเพื่อการฝึกฝน ต่อให้เทพขวางทางเจ้า เจ้าจะต้องขยี้พวกมันด้วยหมัดของเจ้า เมื่อใดที่จิตใจเจ้าไร้ข้อกังขา เมื่อนั้นหมัดของเจ้าจะไร้เทียมทาน! ฝึกต่อไป! จงมีสมาธิอย่าให้สิ่งใดมาทำให้เจ้าวอกแวกได้”
เมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นมี่ไลเดินเข้ามา เขาจึงปล่อยให้หลิงยู่ชานฝึกด้วยตนเองต่อ
หลิงยู่ชานจึงฝึกต่อโดยไม่แม้แต่จะสนใจสิ่งรอบข้าง
เด็กคนอื่น ๆ ก็นั่งจ้องหลิงยู่ชานฝึกอย่างตั้งใจเนื่องจากในตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถฝึกฝนได้
เว้นก็แต่หลิงไช่หยุน ซึ่งในตอนนี้กำลังนั่งฝึกโคจรพลังเพลิงอยู่ข้าง ๆ เขา แต่ในขณะที่นางฝึกนั้นบนร่างของนางไม่ได้สำแดงกลิ่นอายใด ๆ ของพลังวิญญาณออกมาแม้แต่น้อย มันเหมือนกับว่านางกำลังนั่งเล่นอยู่เฉย ๆ ตามประสาเด็ก ๆ
เมื่อมี่ไลมองเห็นภาพของกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรือนของหลิงตู้ฉิงนั้น นางถึงกับงุนงงเป็นอย่างมาก
เมื่อตอนที่สถาบันหงส์เพลิงเปิดทดสอบรับเหล่าเด็ก ๆ เข้าสถาบันในวันนั้นนางก็อยู่ด้วย แต่ในวันนี้นางได้เห็นภาพอันน่าแปลกประหลาดของหลิงยู่ชาน
นางสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่ปะทุออกมาจากร่างของหลิงยู่ชาน
ไม่ใช่ว่าเด็กคนนี้ไม่สามารถฝึกฝนได้หรอกเหรอ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีพลังวิญญาณไหลเวียนรอบตัวของเขาได้กัน? และยิ่งไปกว่านั้นระดับการบ่มเพาะของเขาไม่ใช่ว่ามันคือขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 2 หรือไงกัน?
ถ้าเช่นนั้นแล้วหลิงตู้ฉิงล่ะ…
ครั้งล่าสุดที่นางเจอกับหลิงตู้ฉิงนางยังไม่ได้สังเกตระดับของหลิงตู้ฉิงอย่างละเอียด
นางเริ่มมองสำรวจไปยังร่างของหลิงตู้ฉิงอย่างละเอียดในระหว่างที่เขากำลังเดินเข้ามาหานาง เมื่อนางเพ่งตรวจสอบที่ระดับการบ่มเพาะของเขา หัวใจนางก็แทบจะหยุดเต้น!
ขะ เขา…เขาระดับของเขาทำไมถึงกลายเป็นระดับ 10?!! ถ้านับจากครั้งแรกที่เขาปรากฎตัวที่สถาบันหงส์เพลิง นี่มันยังไม่ถึง 10 วันด้วยซ้ำ ระดับของเขาเพิ่มขึ้นเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?
ถ้าหากนางจำไม่ผิดเมื่อครั้งที่นางเห็นเขาที่สถาบันหงส์เพลิง เขาพึ่งอยู่ที่ระดับ 2 เอง
ในเวลาน้อยกว่า 10 วัน ระดับการบ่มเพาะของเค้าเพิ่มขึ้นมาถึง 8 ระดับ!? ต่อให้มันจะเป็นแค่ขอบเขตหลอมรวมลมปราณก็ตามแต่ความเร็วในการบ่มเพาะระดับนี้มันก็ไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อนถูกต้องไหม?
ระหว่างที่นางกำลังงุนงง เสียงของหลิงตู้ฉิงก็ได้ดึงสตินางกลับคืนมา
“เจ้าได้นำของที่ข้าต้องการมาหรือเปล่า?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยถาม
มี่ไลได้ยื่นแหวนมิติที่นางเตรียมมาให้กับหลิงตู้ฉิง แล้วจึงกล่าวอย่างสุภาพ “ของทุกอย่างที่ท่านต้องการอยู่ในแหวนนี้หมดแล้ว และนอกเหนือจากสิ่งของที่ท่านร้องขอมา ข้าได้ถือวิสาสะใส่เหรียญทองจำนวน 1 ล้านเหรียญเข้าไปให้ท่านอีกด้วย และข้าได้เตรียมสัญญาการว่าจ้างมาให้ท่านด้วย ไม่ทราบว่าท่านจะให้ข้านำมันขึ้นมาให้ท่านดูตอนนี้เลยไหม?”
หลิงตู้ฉิงรับแหวนมาจากนางแล้วจึงกล่าวด้วยความพอใจว่า “เจ้าเตรียมพร้อมมาดีมาก สำหรับสัญญาคงไม่จำเป็น ยิ่งเจ้าปฏิบัติต่อข้าดีเท่าไหร่ ในอนาคตข้าจะมอบผลประโยชน์ให้กับเจ้ามากขึ้นเท่านั้น!”
มี่ไลโค้งตัวเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้านางอย่างชัดเจน “ยินดีอย่างยิ่ง นับจากนี้ท่านจะเห็นถึงความจริงใจจากทางเราแน่นอน อันที่จริงต่อไปในเรื่องสำคัญต่าง ๆ พ่อของข้าจะเป็นผู้ติดต่อกับท่านโดยตรง แต่ว่าในตอนนี้พ่อของข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ พ่อข้าในตอนนี้ได้เดินทางไปยังเมืองหลวง เพื่อที่จะเตรียมงานเปิดตัวของหอประมูลของเราที่นั่น เมื่อไหร่ที่พ่อข้ากลับมายังเมืองฟินิกซ์ เขาจะมาเยือนที่เรือนของท่านอย่างแน่นอน ในระหว่างนี้หากว่าท่านมีความประสงค์สิ่งใดท่านสามารถแจ้งข้าได้ก่อน ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อสนองความต้องการให้กับท่าน”
ระหว่างการสนทนาพวกเขาไม่ได้เอ่ยถึง ‘โอสถดาราประสาน’ เลย
ที่หลิงตู้ฉิงไม่ได้เอ่ยถามถึงนั่นก็เพราะว่าเขาไม่ทราบถึงมูลค่าของโอสถดาราประสานว่าที่จริงแล้วมันมูลค่าเท่าไหร่
ส่วนมี่ไลไม่ได้เอ่ยถึงมันนั่นก็เพราะในครั้งนี้ตระกูลของนางได้ประโยชน์จากมันเป็นจำนวนมาก
ราคาตลาดของโอสถดาราประสานปกตินั้นอยู่ที่ประมาณ 300,000 เหรียญทองต่อเม็ด แต่ด้วยคุณภาพของโอสถที่หลิงตู้ฉิงหลอมขึ้นมานั้นมันอยู่ในระดับสูงสุดและที่สำคัญโอสถของเขานั้นฉาย ‘รัศมีแห่งโอสถ’ ออกมาจึงส่งผลให้ราคาของมันนั้นพุ่งสูงขึ้นเสียดฟ้า คุณภาพของตัวโอสถแต่ละระดับนั้นประสิทธิภาพมันนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว โดยเฉพาะยิ่งหากโอสถนั้นได้เปล่งรัศมีแห่งโอสถออกมาด้วยแล้วมันคือโอสถที่อยู่ในจุดสุดยอด! โอสถดาราประสานที่ได้มาจากหลิงตู้ฉิงนั้นจะทำให้ตระกูลมี่ได้กำไรเป็นอย่างมาก!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางจึงจ่ายไปมากกว่า 2 ล้านเหรียญทองสำหรับสิ่งของที่หลิงตู้ฉิงต้องการและยังเพิ่มเหรียญทองให้กับเขา เข้าไปอีก 1 ล้านเหรียญทองและตัวแหวนมิติที่นางมอบให้กับเขานั้นก็เป็นแหวนคุณภาพสูง ซึ่งมีภายในมี่พื้นที่เก็บของขนาดกว้างขวางเป็นอย่างมาก
ถึงต่อให้ตระกูลของนางยังดูเอาเปรียบอยู่เล็กน้อย แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการตอบแทนที่พอจะสมน้ำสมเนื้ออยู่บ้าง
“ข้ามีบางสิ่งที่จะร้องขอ” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นมา “ข้าต้องการให้เจ้าหาครูผู้สอนเกี่ยวกับการอ่านและเขียนให้กับบรรดาลูก ๆ ของข้า”
ต่อให้ความแข็งแกร่งของระดับบ่มเพาะนั้นจะสำคัญ แต่การอ่านและเขียนนั้นก็สำคัญไม่แตกต่างกัน ต่อให้ลูก ๆ ของเขาจะฉลาดแค่ไหนแต่ถ้าหากอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ มันก็ไม่เพียงพอ
มี่ไลยิ้มและตอบกลับ “หากท่านหลิงต้องการ ข้าสามารถช่วยให้ลูก ๆ ของท่านเข้าไปศึกษาในสถาบันหงส์เพลิงได้เลยทันที”
“ไอ้สถาบันสวะนั่นน่ะเหรอ? ไม่มีทาง!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยอย่างเหยียดหยัน
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะหาผู้สอนที่ดีที่สุดให้กับลูก ๆ ของท่านเอง” มี่ไลยิ้มอย่างขมขื่นและตอบกลับ
เมื่อจบประโยค หลิงตู้ฉิงจึงโบกมือเพื่อเป็นสัญญาณให้มี่ไลจากไปได้แล้ว
หวงยี่เฟยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แสร้งทำเป็นไม่เห็นสัญญาณ
มี่ไลเหลือบมองไปยังหวงยี่เฟยที่ยืนอยู่ข้างนางอย่างเป็นกังวลในใจ จากนั้นนางจึงกล่าวอย่างประหม่าว่า “ท่านหลิง อาจารย์หวงต้องการที่จะมาเยี่ยมท่านและปรึกษาบางอย่าง…”
อันที่จริงหวงยี่เฟยต้องการที่จะพูดกับหลิงตู้ฉิงตั้งแต่ขาของเขาก้าวพ้นธรณีประตูเรือนมาแล้ว แต่หลิงตู้ฉิงนั้นไม่แม้แต่จะชายตามองเขาเลย ทำให้เขาต้องกลืนคำที่จะกล่าวไปก็หลายรอบอยู่ ตอนนี้เมื่อได้โอกาสจากการแนะนำของมี่ไล เขาจึงรีบกล่าวขึ้นว่า “ปรมาจารย์หลิง ข้าอยากจะได้คำแนะนำจากท่านสักเล็กน้อยเกี่ยวกับการหลอมโอสถดาราประสาน ข้าสงสัยว่าเหตุใดท่านถึงใช้การผสานโอสถแบบนั้นกัน?”
หลิงตู้ฉิงเหลือบไปยังหวงยี่เฟยแล้วตอบ “ข้าก็แค่สุ่ม ๆ หลอมมันขึ้นมา!”
เขาไม่ชอบใจหวงยี่เฟยเท่าไหร่นัก เขาจึงไม่ต้องการเสียเวลาอธิบายเกี่ยวกับวิธีการหลอมโอสถให้กับหวงยี่เฟยได้ฟัง
มันไม่ใช่ว่าเขาจะหวงเคล็ดลับอะไรนักหนา แต่การที่เขาจะต้องอธิบายถึงวิธีการของการหลอมที่เขาใช้นั้นมันใช้จะต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก ซึ่งเค้าขี้เกียจเกินที่จะทำมัน โดยเฉพาะกับคนที่เขาไม่สนใจ
เมื่อได้ยินคำตอบของหลิงตู้ฉิงเช่นนี้ หวงยี่เฟยถึงกับพูดไม่ออก
ในขณะเดียวกัน หลิงตู้ฉิงก็ได้กล่าวสั่งกับโม่หยูถัง “ในอนาคตข้าไม่อนุญาตให้ใครก็ตามที่แต่งกายสกปรกซกมกไม่เรียบร้อยหรือทำตัวไม่มีมารยาทเข้ามาในเรือนของข้าอีก เพราะมันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่ลูก ๆ ของข้าเจ้าเข้าใจไหมพ่อบ้านโม่!”
เมื่อสั่งกับโม่หยูถังจบ หลิงตู้ฉิงจึงหันมาทางลูก ๆ ของเขาและพูดต่อ “ไอ้พวกปรมาจารย์บางคนมันหมกมุ่นแต่กับสิ่งที่มันสนใจ จนไม่ดูแลเกี่ยวกับสุขอนามัยของตนเอง อย่างที่พ่อเคยกล่าวกับพวกเจ้าไว้ หากพวกเจ้ายังไม่สามารถจัดการปัญหาเล็ก ๆ เช่นดูแลความสะอาดของตนเองได้ หากเป็นเช่นนั้นในอนาคตเวลาที่พวกเจ้าเจออุปสรรคที่ยากเข็ญพวกเจ้าจะผ่านพ้นมันไปได้อย่างไร พวกเจ้าจงจำคำสอนนี้เอาไว้ให้ดี ห้ามประพฤติตนเช่นนี้เป็นอันขาด!”
บรรดาเด็ก ๆ เมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงพูดจบ พวกเขาต่างพยักหน้ารับทราบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นจึงหันไปมองหวงยี่เฟยด้วยสายตาแปลกประหลาด
เมื่อหวงยี่เฟยถูกจ้องโดยบรรดาเหล่าเด็ก ๆ เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เขาไม่กล้าที่กล่าวสิ่งอื่นต่อไปอีก จากนั้นเขาจึงถอยกลับออกไปพร้อมกับสีหน้าอับอาย
มี่ไลเมื่อหันเช่นนั้นนางจึงกล่าวลาหลิงตู้ฉิงแล้วเดินออกจากเรือนไป