บทที่ 239 ของขวัญมากมาย
ภายในรถม้าทุกคนต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยอาการตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่หลิงยี่เทียน
พวกเขาต่างคิดว่าที่หลิงตู้ฉิงทำลงไปทั้งหมดนี่ก็เพราะเขาต้องการเป็นจักรพรรดิ แต่ที่ไหนได้เขากลับจะให้หลิงยี่เทียนขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน
ในท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน จะมีก็แต่เหลียงเฟ่ยเอ๋อที่ดูไม่ค่อยจะรู้สึกอะไรเท่าไหร่ เพราะนางรู้เรื่องนี้มานานแล้ว และขณะนี้นางก็กำลังนั่งก้มหน้าเสียใจกับการตายของเหลียงซาน
“ท่านพ่อ ข้าจะได้เป็นจักรพรรดิงั้นเหรอ?” หลิงยี่เทียนรู้สึกประหลาดใจ “ข้าไม่อยากเป็นจักรพรรดิ ครูถังเคยบอกพวกเราเมื่อนานมาแล้วว่าการเป็นจักรพรรดินั้นเหนื่อยและน่าเบื่อมาก”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เจ้าเกิดมาเพื่อเป็นจักรพรรดิ มันน่าเสียดายนะถ้าเจ้าไม่ต้องการมัน ยิ่งไปกว่านั้นการบ่มเพาะของเจ้าเกี่ยวข้องกับการเป็นจักรพรรดิ ถ้าเจ้าไม่ได้เป็นจักรพรรดิแม้ว่าพ่อจะทำให้เจ้าบ่มเพาะได้ เจ้าก็เป็นแค่เศษขยะแต่ถ้าเจ้าได้เป็นจักรพรรดิ เจ้าก็จะเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ ฉะนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าเจ้าต้องการเลือกที่จะเป็นแบบไหน”
“จริงเหรอ?” หลิงยี่เทียนพูด “แต่การเป็นจักรพรรดินั้นมันต้องเหนื่อยมากแน่ ๆๆ”
ถังชี่หยุนยิ้มและพูดว่า “จักรพรรดิที่ดีจะไม่มีวันเหนื่อยเพราะจะมีคนจำนวนมากที่คอยช่วยเหลือ ส่วนจักรพรรดิที่ไม่ดีก็จะไม่เหนื่อยเช่นกัน แต่เขาคงจะมีชีวิตที่ไม่ยืนยาวนัก”
“จริงเหรอ ครูถัง?” หลิงยี่เทียนกระพริบตา
หลิงตู้ฉิงยังไม่เข้าใจหลักการการดำเนินชีวิตตามปกติของโลกใบนี้มากนัก แต่เขามั่นใจว่าสายเลือดของมหาจักรพรรดิโบราณของหลิงยี่เทียนจำเป็นต้องได้รับการถูกปลุกและบ่มเพาะผ่านการเป็นจักรพรรดิเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าตามน้ำไปกับที่ถังชี่หยุนพูดเพื่ออนาคตที่ดีที่สุดของลูกของเขา
หลิงว่านถิงหัวเราะ “น้องหกเจ้าจะกลัวอะไร ถ้าเจ้าได้เป็นจักรพรรดิพี่สองคนนี้จะคอยช่วยเจ้าแน่นอน เจ้าจะลืมพี่สองไม่ได้นะ”
“พี่ก็จะช่วยเจ้า!” หลิงยู่ชานพูด
หลิงยี่เทียนที่เห็นพ่อและอาจารย์ของเขาพยักหน้า รวมไปถึงพี่ชายและบรรดาแม่ ๆ ยังแสดงการสนับสนุน เขาลังเลเล็กน้อยและพูดว่า “งั้นข้าก็จะลองดู”
“ลองสิ เจ้าต้องลอง!” หลิงว่านถิงหัวเราะเบา ๆ ขณะที่นางพูด “ถ้าเจ้าได้เป็นจักรพรรดิ ข้าก็จะเป็นองค์หญิง”
หลิงยี่เทียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดว่า “เมื่อถึงเวลาข้าจะทำให้พี่สอง พี่ห้า และน้องเจ็ดเป็นองค์หญิงและข้าจะมอบตำแหน่งสูง ๆ ให้กับทุกคนทั้งหมดเลย! ว่าแต่ท่านพ่อและท่านน้าอยากจะเป็นอะไร?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “พ่อไม่ต้องการตำแหน่งอะไรหรอก พ่อขี้เกียจที่จะต้องมองเจ้าในท้องพระโรง! และแม่ของเจ้าถ้าพวกนางไม่ต้องการ เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องมอบตำแหน่งให้พวกนางด้วย ตอนนี้เจ้าคิดถึงสิ่งที่เจ้าควรทำเมื่อขึ้นครองบัลลังก์ในวันมะรืนนี้ให้ดี และกลับไปคิดด้วยว่าจะสร้างอาณาจักรของเจ้าให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้อย่างไร”
หลิงยี่เทียนพยักหน้าและพูดว่า “ข้าจะลองคิดดู! แต่ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เป็นจักรพรรดิ ท่านพ่อต้องช่วยข้านะ!”
“ไม่ต้องห่วง พ่อได้เตรียมของขวัญไว้ให้เจ้าแล้ว!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
“เยี่ยมเลย!” หลิงยี่เทียนพยักหน้า “ข้าจะขึ้นครองบัลลังก์ในอีก 3 วัน พวกท่านทุกคนต้องมาอยู่กับข้าด้วยนะ!”
หลิงยู่ชาน หลิงว่านถิงและคนอื่น ๆ พยักหน้า
อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงพูดว่า “วันมะรืนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของยี่เทียน ในช่วงเวลาที่เขาต้องขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ เราต้องก้มหัวให้เขาไม่เช่นนั้นเขาก็ยังไม่สามารถบ่มเพาะได้ หากใครไม่ต้องการคุกเข่าลงแสดงความเคารพต่อเขาแล้ว พวกเจ้าจงอย่าเข้าร่วมพิธีขึ้นครองราชย์ที่กำลังจะเกิดขึ้น”
“พวกเราต้องคุกเข่าให้กับเขาด้วยงั้นเหรอ?” หลิงฟ่างหัวตะโกนทันที “ข้าเป็นพี่สาวของเขา ข้าจะไม่ก้มหัวให้เขาหรอก!”
หลิงว่านถิงยังหัวเราะและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ไปเหมือนกัน!”
พี่ชายทั้งสามยิ้มทันทีและบอกว่าจะไม่ไป พวกเขาจะไปหลังจากที่น้องหกของพวกเขาขึ้นครองบัลลังก์
“ไม่นะ!” หลิงยี่เทียนวิงวอน “ถ้าข้าต้องขึ้นครองบัลลังก์อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีพวกท่านไปเลยสักคนแล้วมันจะไปมีความหมายอะไรกันต่อให้ข้าจะได้เป็นจักรพรรดิก็ตามเถอะ อย่างน้อย ๆ น้องเจ็ดเจ้าจะมาดูข้าขึ้นบัลลังก์ใช่ไหม?”
หลิงไช่หยุนหัวเราะและพูดว่า “ท่านพี่ ไม่ต้องกังวลพอถึงวันนั้นข้าจะไปคุกเข่าต่อหน้าท่านพี่แน่นอน แต่ว่า…ข้าไม่ทำให้เปล่า ๆ หรอกนะ ท่านต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกับข้าด้วยสิ หึหึ”
หลิงยี่เทียนโบกมือและพูดว่า “ไม่ว่าเจ้าจะต้องการอะไรในอนาคต ข้าจะหามาให้เจ้า!”
“งั้นตกลง ข้าจะไป!” หลิงไช่หยุนหัวเราะคิกคัก
เด็ก ๆ เหล่านี้ล้วนเติบโตกันหมดแล้ว หลิงไช่หยุนก็อายุปาเข้าไป 9 ขวบและหลิงยู่ชานก็กำลังจะโตเต็มวัยและพวกเขาต่างก็มีแนวทางการใช้ชีวิตของตัวเอง ซึ่งหลิงตู้ฉิงเป็นจำเป็นต้องไปชี้นำพวกเขาในเรื่องนี้
ในขณะนี้รถม้าได้กลับมาถึงที่คฤหาสน์สราญรมย์เรียบร้อยแล้ว ภาพของภายในลานคฤหาสน์ปัจจุบัน ศพของอสูรโลหิตและเหล่าขันทีจากอาณาจักรอ้าวเทียนยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไหน
“แหวนมิติมี 24 วง แต่ละคนเลือกไปคนละ 1 วง ส่วนยี่เทียนเจ้ายังมีภาระที่จะต้องทำอีกมากในอนาคตฉะนั้นเจ้าเลือกไป 3 วง ที่เหลือเป็นของพ่อทั้งหมด” หลิงตู้ฉิงยิ้มและสั่ง “นอกจากนี้บรรดาวัสดุระดับจักรพรรดิของคนที่ตายไปแล้วทั้งหมด ให้ยี่เทียนเก็บมันไปเช่นกัน สิ่งเหล่านี้เป็นของขวัญชิ้นแรกของพ่อที่จะให้กับเจ้า”
เมื่อได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิง บรรดาเด็ก ๆ ก็ลงมือก่อนเป็นพวกแรก พวกเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสภาพการตายที่น่ากลัวของศพเลย พวกเขาเพียงแค่คว้าแหวนมิติมาเลือกกันอย่างสนุกสนาน
หลังจากนั้นผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ก็ไปเลือกด้วยเช่นกัน แม้แต่ถังชี่หยุนและสามีของนางก็ไม่มีข้อยกเว้น
หลังจากจัดการเก็บกวาดสมบัติทั้งหมดแล้ว หลิงตู้ฉิงก็เก็บแหวนมิติที่เหลือไว้กับตัว ส่วนศพของเหล่าอสูรโลหิต เขามอบให้โจวจื่อซินนำมันไปเป็นอาหารของดอกบัวปีศาจกระหายโลหิต
หลังจากที่พวกเขาจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดกับเหล่าผู้คนที่ถูกตรึงอยู่ในลาน “เอาล่ะ ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะคุยกันแล้ว พวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์ของข้าอยู่หลายครั้งหลายหน ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะต้องจ่ายค่าชดเชยมาให้ข้า!”
“ข้าจะเริ่มจากการตีมูลค่าชีวิตของพวกเจ้าเป็นอันดับแรก ชีวิตของพวกเจ้าทุกคนจะมีค่าเท่ากับวัสดุระดับสวรรค์ 1 ชิ้นต่อ 1 คน หากใครที่สามารถนำมันออกมาจ่ายให้ข้าได้ ข้าก็จะปล่อยคนผู้นั้นไป ส่วนผู้ที่ไม่มีมัน หรือไม่ต้องการที่จะนำมันออกมาให้กับข้า คนผู้นั้นจะต้องกลายเป็นข้ารับใช้ของบุตรชายของข้า 100 ปี แต่ถ้าหากพวกเจ้ามีเพียงแค่วัสดุระดับจักรพรรดิ พวกเจ้าสามารถใช้มันลดระยะเวลาในการรับใช้ลูกชายข้าได้ 1 ชิ้นต่อ 10 ปี เอาล่ะ ยี่เทียน เจ้าเตรียมตัวรับของขวัญชิ้นที่สองได้”
ในบรรดาผู้คนจำนวนมากที่ถูกตรึงอยู่กลางลานตอนนี้ ระดับการบ่มเพาะของพวกเขามีตั้งแต่ระดับต่ำสุดอยู่ที่ขอบเขตนภาระดับ 9 สูงสุดอยู่ที่ขอบเขตครึ่งสวรรค์
สิ่งสำคัญที่สุดคืออัตลักษณ์ของพวกเขาบางคนนนั้นเป็นถึงเจ้าสำนักของสำนักต่าง ๆ หรือบางคนก็เป็นคนร้ายที่ลี้ภัยอยู่ในทะเลชางหมาง
ด้วยความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ หากหลิงยี่เทียนได้พวกเขามาเป็นข้ารับใช้หมดทุกคน มันจะช่วยเสริมสร้างรากฐานความแข็งแกร่งให้กับอาณาจักรจันทราเป็นอย่างมาก
หลิงยี่เทียนเดินมานั่งข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงอย่างตื่นเต้น อันที่จริงของขวัญอีกชิ้นที่พ่อเขาจะมอบให้ก็คือผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งพวกนี้งั้นเหรอ? นี่มันผิดจากที่เขาจินตนาการไว้ในตอนแรกเป็นอย่างมาก ซึ่งเขาคิดว่ามันคงจะเป็นแหวนมิติที่คนพวกนี้สวมใส่เท่านั้น!
“เอาล่ะ ใครต้องการเจรจากับข้าก่อน แต่ถ้าใครต้องการเลือกที่จะตายมากกว่ารับใช้ลูกชายข้า พวกเจ้าก็สามารถลองหนีหรือโจมตีมาที่ข้าได้” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
บรรดาผู้คนที่ถูกตรึงอยู่ที่ได้ยินเช่นนี้ต่างมองหน้ากัน แน่นอนว่าความคิดที่จะหนีไปนั้นไม่มีแน่นอน จากบทเรียนที่พวกเขาได้เห็นจากคู่นายและบ่าวจากตระกูลเฉิน ตอนนี้พวกเขาจึงเหลือความหวังเพียงอย่างเดียวคือการเจรจาลดความสูญเสียของพวกเขาให้มากที่สุด
ในขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้ากัน จือหมิงฮ่าวเดินออกมาเป็นคนแรกและถามด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน “ข้าขอถามคำถามท่านก่อนได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหา ถามมา!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
“ตอนนี้เจ้าสำนักของข้า เขาเป็นอย่างไรบ้าง?” จือหมิงฮ่าวถามขึ้น
พวกเขาทั้งหมดต่างถูกตรึงอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์ พวกเขาจึงไม่สามารถรู้ถึงเหตุการณ์ภายนอกได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงถามเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์โดยรวมก่อนว่าสถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้มันเลวร้ายถึงขั้นไหน
หลิงตู้ฉิงตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “เจ้าสำนักของเจ้า? ใช้ไอ้คนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ใช่รึเปล่า? ถ้าใช่ ข้าก็ฆ่าเขาไปแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็รู้สึกหนาวจนไปถึงขั้วกระดูกเลยทีเดียว ตอนนี้ความหวังอันริบหรี่ของพวกเขาได้ถูกทำลายจนไม่มีชิ้นดีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จือหมิงฮ่าวมึนงงเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะพูดว่า “ข้าไม่มีวัสดุใด ๆ เหลือให้ท่านหรอก ดังนั้นข้าจะยอมรับข้อเสนอยอมเป็นข้ารับใช้ของลูกท่าน!”
ทรัพยากรกว่าครึ่งหนึ่งของสวนร้อยพฤกษาก็ได้ถูกใช้ไปแล้วเพื่อสนับสนุนโจวจื่อซิน และตัวเขาเองก็ได้สูญเสียทรัพยากรไปจนแทบจะหมดกับการเตรียมการบุกคฤหาสน์สราญรมย์ ถ้าเขาจะเอาวัตถุดิบระดับสวรรค์ออกมาอีกชิ้นเขาก็คงจะต้องอกแตกตายไปก่อนที่จะแก่ตาย
“ดีมาก! แต่โทษฐานที่เจ้าเป็นหนึ่งในแกนนำของบรรดาพวกที่บุกเข้ามา ฉะนั้นเจ้าต้องอยู่รับใช้ลูกข้าเป็นเวลา 200 ปี!” หลิงตู้ฉิงเริ่มเขียนสัญญาทันที แล้วให้หลิงยี่เทียนและจือหมิงฮ่าวทำสัญญาเป็นนายและข้ารับใช้
Related