บทที่ 26 พ่อลูกตระกูลมี่[รีไรท์]
เมืองฟีนิกซ์ ตระกูลมี่
หลังจากมี่ไลพาถังชี่หยุนไปส่งที่เรือนหลิง เมื่อนางกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลมี่ นางก็ค่อนข้างกังวลมากเกี่ยวกับครูถังคนนี้
เนื่องจากเด็ก ๆ ที่ต้องสอนนั้นมีจำนวนถึง 7 คน คนโตเป็นบุตรชายอายุมากกว่า 9 ขวบ ส่วนบุตรีคนสุดท้องมีอายุเพียง 3 ขวบ เมื่อต้องเผชิญกับเด็กเล็ก ๆ จำนวนมาก ครูธรรมดาคงอาจจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ และถ้าหากครูถังประพฤติตนไม่เหมาะสมเมื่อสอนพวกเด็ก ๆ ผลเสียจะตกอยู่ที่ตระกูลมี่ ซึ่งเป็นผู้แนะนำครูคนนี้ให้กับหลิงตู้ฉิง พวกเขาไม่ต้องการที่จะทำให้หลิงตู้ฉิงขุ่นเคือง
สาเหตุที่พวกเขาเลือกถังชี่หยุน เนื่องจากถังชี่หยุนเป็นครูที่มีความสามารถและนางก็เคยเลี้ยงลูกตัวเองมาก่อน ด้วยคุณสมบัติเบื้องต้นของนางเช่นนี้ นางจึงเป็นตัวเลือกแรกของตระกูลมี่ที่ไว้ใจให้นางได้มาสอนลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิง อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะเชิญถังชี่หยุนมาให้หลิงตู้ฉิง มี่ไลได้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลถึง 3 ล้านเหรียญทอง
เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหลิงตู้ฉิง มี่ไลจึงนำถังชี่หยุนมาที่เรือนหลิง อันที่จริงมี่ไลต้องการที่จะบอกหลิงตู้ฉิงว่านางใช้จ่ายเงินตระกูลมี่เป็นจำนวนไม่น้อยเพื่อเชิญถังชี่หยุนมา แต่ก่อนที่นางจะทันได้พูดอะไร นางก็ถูกหลิงตู้ฉิงแจ้งให้เดินทางกลับ แม้จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่หลิงตู้ฉิงยังไม่รู้ราคาที่ตระกูลมี่ต้องจ่าย แต่นางก็ยังหันหลังกลับและเดินออกมา
หลังจากกลับถึงเรือน มี่ไลยังคงคิดว่าควรจะไปบอกหลิงตู้ฉิงดีหรือไม่ว่ามี่ตั้วตั้วพ่อของนางกลับมาแล้ว
เมื่อเห็นมี่ไล มี่ตั้วตั้วพูดขึ้นว่า “สาวน้อยของข้า ข้ากำลังยุ่งมากที่เมืองหลวง ทำไมเจ้าถึงพยายามเรียกร้องให้ข้ารีบกลับมากัน เจ้าบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับข้าให้ได้ ไหนเจ้าลองว่ามาสิว่ามีเรื่องอะไร?” ในขณะที่มี่ตั้วตั้วถามคำถามนี้เขานั่งลงและยังคงรอคำตอบของมี่ไลอย่างใจจดใจจ่อ
มี่ไลเคยชินกับการที่พ่อของนางทำสิ่งต่าง ๆ แบบไม่อ้อมค้อม นางจึงส่งกล่องปักลายสวยงามที่บรรจุโอสถดาราประสานให้กับพ่อของนาง
“ท่านพ่อลองดูของในกล่องก่อน! การประมูลในปีหน้าแค่เพียงโอสถที่อยู่ในกล่องนั่นเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนแตกตื่นได้แล้ว!” มี่ไลพูด
มี่ตั้วตั้วเปิดกล่องและเมื่อเขาเห็นเม็ดยาที่อยู่ด้านใน เขาส่งเสียงร้องอันน่าตกใจและเผลอทำกล่องหลุดมือโดยไม่ตั้งใจ โชคดีที่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเขาจึงคว้ากล่องกลับมาได้ทันก่อนกล่องจะตกถึงพื้น
เขาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าตระกูลเขาจู่ ๆ ก็ได้ครอบครองโอสถที่ล้ำค่าขนาดนี้
หลังจากอึ้งครู่หนึ่งมี่ตั้วตั้วก็พูดว่า “จะ เจ้า ได้ของพวกนี้มาได้ยังไง รีบบอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น?”
มี่ไลเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิงที่มาหาถึงตระกูลมี่ การหลอมโอสถประสานดารา และการตกลงร่วมมือกันในท้ายที่สุด
มี่ตั้วตั้วตบต้นขาตัวเองและหัวเราะเสียงดัง “ตอนนี้ข้าล่ะนับถือตัวข้าเองจริง ๆ! เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งกำลังอวยพรให้ตระกูลมี่ของเราแล้ว!”
“ตั้งแต่ข้าเปลี่ยนชื่อหอการค้าของตระกูลเป็นมี่ตั้วตั้ว และตั้งชื่อเจ้าให้เป็นมี่ไล ธุรกิจของเราก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น และในที่สุดตอนนี้ก็ถึงช่วงเวลารุ่งโรจน์ของตระกูลเราแล้ว!”
มี่ไลมองดูพ่อของนางและสาปแช่งเขาในใจ ในอดีตนางไม่เห็นด้วยกับชื่อของนางอย่างรุนแรง หญิงสาวที่ไหนกันที่จะมีชื่อที่ออกเสียงว่า ‘มี่ไล’ ?
อย่างไรก็ตาม หลังจากการคัดค้านหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับชื่อนี้ไป แต่พอหลังจากที่น้องชายของนางเกิดนางก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยก็ตรงที่ชื่อ มี่ไล นั้นอย่างน้อย ๆ ก็ดูดีกว่า มี่ยี่ถง แล้วกันใช่ไหม?
หลังจากหัวเราะจนหนำใจ มี่ตั้วตั้วก็พูดกับมี่ไล “ลูกข้า เจ้ามีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเขาอีกบ้าง? และเขาเรียกร้องอะไรจากเราเพิ่มอีกบ้างไหม? ในเมื่อเขาเป็นถึงปรมาจารย์หลอมโอสถเพราะฉะนั้นเราจะต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด”
มี่ไลส่ายหัว “เขาถูกเรียกว่า ตู้ฉิง อาศัยอยู่อย่างสันโดษเสมอในเรือนหลิงที่เสื่อมถอยและไม่มีใครใส่ใจเขามานานหลายปีแล้ว ส่วนเรื่องราวต่อจากนั้นข้าก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเขากลายมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าไม่กล้าที่จะถามเขา”
มี่ตั้วตั้วส่ายหัว “ลูกข้า นี่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ปรมาจารย์หลอมโอสถผู้นี้ไม่ได้มาจากตระกูลของเรา ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม เอ๊ะ! แต่จะว่าไปเราก็ยังมีโอกาสนี่นา! จากที่เจ้าเล่ามาเขายังไม่ได้แต่งงานใช่ไหม ทำไมเจ้าไม่แต่งงานกับเขาล่ะ เขาจะได้มาเป็นสมาชิกตระกูลเรา”
มี่ไลยิ่งพูดไม่ออก ทำไมพ่อของนางถึงต้องการให้นางแต่งเข้าตระกูลหลิง?
ก่อนที่มี่ไลจะพูดออกมา มี่ตั้วตั้วเองก็ปฏิเสธมันด้วยตัวเอง
“เอ๊ะ…ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ว่าเจ้าจะต้องไปแต่งงานกับเขา เจ้าจะต้องชื่อ มี่ไล เช่นเดิม หากเจ้าแต่งกับเขาไปแล้วแซ่ของเจ้าจะต้องเปลี่ยนไป และชื่อมี่ไลที่เป็นมงคลก็จะต้องหายไป แซ่ของเจ้าจะกลายเป็น ‘หลิง’ แทน นี่มันไม่เหมาะ ๆ นี่มันจะเป็นผลเสียต่อตระกูลเรา…ให้ข้าคิดก่อน…ใช่แล้ว! ให้เขาแต่งเข้าตระกูลเรา!” มี่ตั้วตั้วพูดอย่างตื่นเต้น
“ท่านพ่อ เราพูดถึงเรื่องอื่นได้ไหม?” ในที่สุดมี่ก็ไม่สามารถทนฟังได้ นางพูดว่า “เรามาพูดกันถึงเรื่องราคาของโอสถเหล่านี้ก่อน สำหรับราคาของพวกมัน ข้ามอบเหรียญทอง 1 ล้านเหรียญบวกกับวัสดุและสิ่งของต่าง ๆ ที่หลิงตู้ฉิงต้องการให้ ข้าซื้อให้้มูลค่ากว่า 2 ล้านเหรียญทอง และใช้อีก 3 ล้านเหรียญทองเพื่อเชิญครูผู้สอนให้ลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิง ซึ่งตอนนี้ข้ายังไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าการลงทุนครั้งนี้มันจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าพอไหม”
มี่ตั้วตั้วโบกมือ “เจ้าต้องเป็นผู้ให้ก่อนที่จะเป็นผู้รับ! นี่เป็นประสบการณ์ที่ข้าได้รับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา! แต่ตอนนี้ข้ากงวลว่าคนที่มีความสามารถเช่นเขาจะไม่ยอมรับเราซะมากกว่า ขอแค่เพียงได้รับการยอมรับจากหลิงตู้ฉิง เราจะมาเสียดายอะไรกับเงินแค่ไม่กี่ล้านเหรียญทอง ไม่ช้าก็เร็วเขาจะสามารถทำกำไรให้กับพวกเราได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ข้าว่าเราควรมาคิดเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานกันก่อน…ไม่สิ เราจะทำให้เขามาเป็นลูกเขยของข้าได้อย่างไร!”
มี่ไลกระทืบเท้าและพูดด้วยความโกรธ “ท่านพ่อ!”
“เจ้าเองก็โตเป็นสาวแล้ว ยังจะมาอายอะไรกับการพูดเรื่องเข้าหอ!” มี่ตั้วตั้วถอนหายใจ
ในเวลานี้ หวงยี่เฟยรีบกลับมาอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นมี่ตั้วตั้วเขาก็หยุดเดินและพูดว่า “ท่านผู้นำตระกูล ท่านกลับมาแล้ว!”
มี่ตั้วตั้วยืนขึ้นแล้วหัวเราะ “อาจารย์หวง ท่าทางท่านดูมีความสุขดีนี่”
มี่ไลพูดด้วยความเข้าใจว่า “อาจารย์หวง คงได้รับประโยชน์มาไม่น้อยเป็นแน่”
หวงยี่เฟยหัวเราะ “ข้าจะกล้าเรียกตัวเองว่าอาจารย์ได้อย่างไร? มีเพียงคนอย่างท่านหลิงเท่านั้นถึงเหมาะสมที่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นอาจารย์ เอ๊ะ ไม่สิปรมาจารย์ต่างหาก นายท่านกับคุณหนูใหญ่ ช่วงนี้ข้าคงต้องขอเก็บตัวเพื่อทบทวนทุกสิ่งที่ข้าเรียนรู้ในอดีตใหม่ทั้งหมด หลังจากเสร็จแล้วข้ามั่นใจว่าข้าจะสามารถทะลวงขึ้นสู่ระดับต่อไปของเต๋าแห่งโอสถได้อย่างแน่นอน!”
มี่ตั้วตั้วหัวเราะทันที “เช่นนั้นข้าขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับท่านด้วย อาจารย์หวง หากว่าท่านสิ้นสุดการเก็บตัวเมื่อไหร่ ข้าจะจัดงานเฉลิมฉลองให้ท่านอย่างสมเกียรติ!”
“เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณท่านล่วงหน้าเลยก็แล้วกันท่านผู้นำตระกูล!” หวงยี่เฟยหัวเราะ
แม้ว่าหวงยี่เฟยจะได้รับผลประโยชน์มาแต่เขาก็ไม่แสดงอาการเย่อหยิ่งต่อ มี่ตั้วตั้วนั่นเป็นเพราะผลประโยชน์ที่เขาได้รับมาจากหลิงตู้ฉิงนั้น ตระกูลมี่เป็นผู้สร้างโอกาสนั้นให้กับเขา ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลมี่ก็ดีกับเขามาโดยตลอด
“นายท่าน คุณหนูใหญ่ ถ้าพวกท่านต้องการสร้างความชอบกับปรมาจารย์หลิง ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด! ตอนข้าจากมา ข้าเห็นพวกคนจากตระกูลเจิ้นกำลังสร้างปัญหาให้กับเรือนของปรมาจารย์หลิง ข้าได้จัดการกับคนพวกนั้นไปแล้ว แต่พวกคนตระกูลเจิ้นต้องไม่เลิกราแค่นั้นแน่นอน เอาล่ะ ข้าคงตัวขอตัวปิดด่านทบทวนเต๋าโอสถของข้าก่อน”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวงยี่เฟย มี่ตั้วตั้วก็พูดกับมี่ไลทันที “งั้นเรารีบไปเรือนหลิงกันตอนนี้ก่อนเถอะ!”