บทที่ 277 ลาภก้อนใหญ่ที่ไม่คาดคิด
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ที่อยู่รอบ ๆ เห็นเพียงแค่หลิงตู้ฉิงเป่าเพียงครั้งเดียวก่อนที่เขาจะได้ยันต์สั่งสวรรค์มา
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นว่าระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงลดลงไป 1 ระดับ ที่สำคัญกว่านั้นการย่างก้าวของหลิงตู้ฉิงนั้นดูสั่นไหวไม่เหมือนก่อนหน้านี้ นั่นหมายความว่าการได้ยันต์สั่งสวรรค์นี้มาไม่ใช่เรื่องง่าย
แม้ว่ามี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยจะไม่สามารถรู้ได้ว่าระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงลดลง แต่พวกนางสามารถเห็นได้ว่าร่างกายของหลิงตู้ฉิงกำลังสั่นเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงค่อย ๆ ออกมาจากระยะอาณาเขตป้องกันของค่ายกลอย่างช้า ๆ พวกนางก็รีบวิ่งเข้าไปหาหลิงตู้ฉิงประกบซ้ายและขวาของเขา
“สามี ท่านเป็นอะไรมากไหม?” มี่ไลถามอย่างกังวล นางรู้ว่าหลิงตู้ฉิงไม่เคยมีอาการแบบนี้แม้ว่าเขาจะเคยต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์หลายสิบ หรือแม้แต่ตอนที่เขาสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ด้วยหมัดเดียว เขาก็ไม่มีอาการเช่นนี้
หลิวเฟ่ยเฟ่ยพูด “สามี รีบไปพักผ่อนเถอะ!”
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “เมื่อเทียบกับการได้รับยันต์สั่งสวรรค์มา มันก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว”
เสี่ยวเยว่เฟิงและซือโถวเหวินหยวนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าจริงจัง ขณะที่หลิวเฟ่ยเฟ่ยและมี่ไลถามขึ้นด้วยความกังวล
พวกเขารู้ดีว่าจำนวนพลังวิญญาณที่หลิงตู้ฉิงต้องใช้ในการทะลวงขอบเขตนั้นมหาศาลเกินมนุษย์ปกติไปมาก และตอนนี้พวกเขาก็ได้สังเกตเห็นว่าระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงหล่นมา 1 ระดับ ซึ่งมันนับได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของเขา
เสี่ยวเยว่เฟิงเดินเข้าไปอยู่ข้าง ๆ ของหลิงตู้ฉิง และเริ่มถ่ายโอนพลังวิญญาณของนางไปยังร่างกายของเขา
“เฟิงไม่ต้อง!” หลิงตู้ฉิงหยุดนาง สำหรับคนอื่น ๆ ทะเลวิญญาณของเขาเป็นเหมือนหลุมลึกที่ไร้ก้นบึ้ง ถ้าเขาต้องการเติมเต็มมัน เขาจะต้องใช้พลังวิญญาณของเสี่ยวเยว่เฟิงมากเกินกว่าที่นางจะรับไหว
จื่อเซี่ยงและจางเฉียนที่เฝ้าดูอยู่รอบนอก เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงได้รับยันต์สั่งสวรรค์แล้ว พวกเขาก็เผยรอยยิ้มอันมีเลศนัยและจากไป
ในสายตาของพวกเขา ยันต์สั่งสวรรค์นี้เป็นของที่อยู่ในกระเป๋าพวกเขาไปแล้ว เพียงแค่ต้องตกลงกันว่าจะแบ่งกันอย่างไร
“ยันต์สั่งสวรรค์?” จื่อคงและจางหานอุทานด้วยความประหลาดใจ
ยันต์สั่งสวรรค์นี้ปรากฎมาหลายปีแล้ว และตอนนี้ก็ถูกชิงไปในที่สุด?
ในชั่วพริบตา อารมณ์ของพวกเขาก็กลายเป็นเริ่มตื่นเต้น ทั้งสองมองหน้ากันและถามเกือบจะพร้อมกันว่า “เราจะแบ่งมันยังไง?”
ตอนนี้มียันต์สั่งสวรรค์มาเพิ่มเติม ทั้งสองตระกูลจึงเริ่มการต่อรองกันอย่างเข้มข้น
ในเวลานี้ภายในสวนด้านหลังของหมู่ตึกหยูอี่ จงขุยมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความตื่นเต้นและตื่นตะลึง ในที่สุดคนที่พวกเขาตามหาก็ปรากฏจนได้
แม้ว่าวิธีการที่ได้รับยันต์สั่งสวรรค์จะผิดปกติไปเล็กน้อย แต่บรรพบุรุษของพวกเขาได้พูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าใครก็ตามที่ได้รับมันจะเป็นคนที่ถูกผูกชะตาไว้และควรถูกมองว่าเป็นแขกที่มีค่าที่สุด
นอกจากนี้ในฐานะผู้พิทักษ์ของหมู่ตึกหยูอี่ เขาเข้าใจดีกว่าคนอื่น ๆ อีกมากมายว่าการได้รับยันต์สั่งสวรรค์นั้นยากเย็นเพียงใด
พูดอีกนัยหนึ่งยิ่งพวกเขาเข้าใกล้ยันต์สั่งสวรรค์มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
แม้แต่เขาก็เอาออกมันออกมาไม่ได้นับประสาอะไรกับคนอื่น
นอกจากนี้เขายังได้เห็นความเสียหายต่อร่างกายของหลิงตู้ฉิงจากการลดระดับของการบ่มเพาะของเขา แต่แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่การสามารถเป่ายันต์สั่งสวรรค์ออกมาก็ยังคงเป็นทักษะ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้อย่างชัดเจนว่ายันต์สั่งสวรรค์นั้นเป็นศูนย์กลางของค่ายกลป้องกันของสวน!
“น่าทึ่ง! มันน่าทึ่งจริง ๆ!” จงขุยปรบมือและชมเชย
ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เสียใจที่หลิงตู้ฉิงได้รับยันต์สั่งสวรรค์ด้วยการเป่าลมเพียงครั้งเดียว
“ตราบเท่าที่ข้าสามารถเข้าไปในระยะ 1 เมตรจากยันต์สั่งสวรรค์ได้ ข้าก็คงได้มันมาเช่นกัน!” ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์หลายคนพูดอย่างไม่พอใจ
น่าเสียดายที่จงขุยจะไม่ให้โอกาสพวกเขาอีก
“บุคคลที่ถูกชะตากำหนดที่เรารอคอยได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว สำหรับแขกผู้มีเกียรติกรุณารอสักครู่ ข้ามีของขวัญอันล้ำค่านอกจากยันต์สั่งสวรรค์เอาไว้ให้ท่านด้วย” เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงและคนของเขากำลังจะจากไป จงขุยจึงรีบหยุดพวกเขาไว้
หลิงตู้ฉิงยิ้มเล็กน้อย “ท่านจะกลับคำพูดเหรอ?”
จงขุยยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่าไม่! ยันต์สั่งสวรรค์นั่นเป็นของท่านแน่นอน”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมถึงให้เราอยู่ที่นี่?” หลิงตู้ฉิงทำท่าจะจากไป
หลิงตู้ฉิงสามารถบอกได้ว่าหมู่ตึกหยูอี่ได้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อหาคนที่ชะตากำหนดไว้ และเขาได้กลายเป็นบุคคลที่พวกเขาตามหาไปแล้ว ซึ่งแน่นอนหลิงตู้ฉิงเองก็ไม่รู้ว่าทำไมคนของหมู่ตึกหยูอี่ถึงต้องตามหาคนที่ถูกชะตากำหนดไว้อะไรนี่กัน
จงขุยรีบพูดว่า “ได้โปรดรอสักครู่ ข้ามีบางอย่างที่สำคัญมากจะบอกท่าน และแน่นอนข้ามีของขวัญล้ำค่าจะมอบให้ท่านด้วย ข้าแน่ใจว่าท่านจะสนใจ”
หลิงตู้ฉิง เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาจึงตอบกลับไปด้วยความสนใจเล็กน้อย “เอาล่ะ มาดูกันว่าท่านต้องการจะพูดอะไร?”
จากนั้น บรรดาคนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องต่างก็ถูกจงขุยเชิญออกจากหมู่ตึกหยูอี่ของเขาไปจนหมด เหลือไว้แต่เพียงหลิงตู้ฉิงและกลุ่มคนของเขา
เมื่อเห็นว่าคนออกไปหมดแล้ว จงขุยจึงพูดต่อ “ข้าขอแนะนำตัวกับท่านก่อนเป็นอันดับแรก ข้าเป็นผู้ที่มาจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์มีนามว่า จงขุย ข้าขอคารวะแขกผู้มีเกียรติ และว่าแต่ผู้คนที่อยู่ข้างกายท่านเป็นใครกันบ้างงั้นหรือ?”
หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วและพูดว่า “อ๋อ? สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์สินะ ข้าชื่อหลิงตู้ฉิง ส่วนหญิงสาวสองคนนี้เป็นภรรยาของข้า และนี่คือลูกชายของข้า”
มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยต่างมองหน้ากัน สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ คือสำนักอะไรกัน?
เสี่ยวเยว่เฟิงและซือโถวเหวินหยวนเองก็มองหน้ากัน พวกเขาต่างสงสัยว่าเหตุใดสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ไกลโพ้นมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อเหตุอะไร?
“ที่แท้ท่านก็มีนามว่าหลิงตู้ฉิงนี่เอง!” จงขุยพูดอย่างสุภาพว่า “ท่านเป็นปรมาจารย์หนุ่มที่ฉลาดและมีพรสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยากจริง ๆ! เรารอคอยท่านที่เป็นผู้ถูกชะตากำหนดมาหลายพันปีแล้ว ในที่สุดเราก็ได้พบกับท่านเสียที! ท่านนั้นช่าง…”
“เข้าประเด็นเถอะ!” หลิงตู้ฉิงพูดขัดขึ้นด้วยความรู้สึกเริ่มรำคาญ
จงขุยเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “ท่านน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราใช่ไหม?”
“ข้ารับใช้ของข้ามาจากภูเขาฟีนิกซ์และสำนักเต๋าสวรรค์” หลิงตู้ฉิงเตือนเขา
จงขุยพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ในขณะที่เขาก็แสดงท่าทีสุภาพมากขึ้นและหัวเราะ “สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราต้องการให้ท่านหลิงช่วยเราในบางสิ่ง ตราบเท่าที่ท่านหลิงตกลง เราจะตอบแทนท่านหลิงจนพอใจอย่างแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “นี่ท่านไม่เห็นสภาพของข้างั้นเหรอ ว่ามันลำบากแค่ไหนกว่าจะเอายันต์สั่งสวรรค์ของพวกท่านออกมาได้ แล้วข้าจะให้ความช่วยเหลือที่แม้แต่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของท่านไม่สามารถทำได้ ได้ยังไง?”
จงขุยรีบพูด “ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะของท่านยังไม่สูงนัก แต่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเรารอท่านมาหลายพันปีแล้ว ดังนั้นเราจึงสามารถที่จะรอต่อไปเพื่อให้ท่านหลิงเติบโตขึ้นไปได้อีก ตราบใดที่ท่านแข็งแกร่งพอท่านย่อมสามารถช่วยเหลือเราได้”
“อืม” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “แล้วที่ท่านบอกว่าต้องการให้ของขวัญอันล้ำค่ากับข้า มันคืออะไร?”
จงขุยยิ้ม “หากท่านหลิงเต็มใจช่วยเหลือ ท่านสามารถร้องขอได้ทุกอย่างที่ท่านต้องการ หากต้องการผู้หญิง ท่านสามารถเลือกเทพธิดาของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์หรือแม้แต่จักรพรรดินีก็ย่อมได้ หรือไม่หากท่านหลิงเต็มใจที่จะฝึกฝนในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเรา เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือในการบ่มเพาะของท่านทุกด้าน ข้าสามารถรับประกันได้ว่าเส้นทางการบ่มเพาะในอนาคตของท่านจะราบรื่นอย่างแน่นอน”
“แต่ถ้าหากท่านหลิงไม่เต็มใจที่จะเข้าสู่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเรา เราสามารถมอบอาวุธระดับบรรพกาลให้กับท่านได้…”
เสี่ยวเยว่เฟิงและซือโถวเหวินหยวนอ้าปากค้าง พวกเขาล้วนงุนงงว่าที่สำนักอักจระศักดิ์สิทธิ์นั้นมีเหตุการณ์ใหญ่อะไรเกิดขึ้นกันแน่ถึงขนาดที่พวกเขายอมมอบอาวุธระดับบรรพกาลให้กันได้?
นั่นมันคือสมบัติอันล้ำค่าอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าต่อจะให้เป็นเด็ก 5 ขวบ หากใช้อาวุธระดับบรรพกาล เขาก็สามารถสังหารใครก็ได้ที่ยังคงอยู่ภายในขอบเขตสวรรค์
ในทางกลับกัน มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย นี่สามีของนางกำลังจะมีผู้หญิงมาเพิ่มอีกคนงั้นเหรอ? อย่างไรก็ตามเมื่อพวกนางคิดถึงเรื่องความทรหดของการบ่มเพาะแบบคู่กับหลิงตู้ฉิงแล้ว พวกนางจึงไม่คัดค้านเรื่องนี้และไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “อย่าพูดถึงเรื่องไกลตัวแบบนั้น ข้าต้องการอะไรก็ตามที่มันมีประโยชน์และนำมาใช้ได้จริงในตอนนี้”
จงขุย เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็เริ่มปวดหัวพลางถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะขอมอบหมู่ตึกหยูอี่นี้ให้ท่านหลิงก็แล้วกัน เนื่องจากภารกิจของข้าเองก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว และข้าเองก็ไม่มีเหตุผลจะรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของหลิงตู้ฉิงเปล่งประกายขึ้นทันทีและถามขึ้นว่า “ที่นี่ยังมียันต์ผิวหยกเหลืออยู่อีกรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงไม่ได้เอ่ยถึงยันต์สั่งสวรรค์ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จงขุยจะมีมันอีก
“ที่นี่ยังมียันต์ผิวหยกเก็บไว้อยู่อีกมากกว่า 30 แผ่น!” จงขุยพูดอย่างกังวล
“นอกเหนือจากนี้ยังมีเหรียญคริสตัลระดับสวรรค์อยู่อีกจำนวนมาก และสมบัติสำหรับผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์อื่น ๆ อีกที่เรายังไม่ได้นำมันออกมาใช้…”
หลิงตู้ฉิงโบกมือ “พอแล้ว ท่านบอกข้ามาได้เลยว่าปัญหาของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์คืออะไร?”
ตอนนี้หลิงตู้ฉิงกำลังอยู่ในช่วงอารมณ์ที่มีความสุขมาก เพราะยันต์ผิวหยกกว่า 30 แผ่นนี้ถือว่าเป็นลาภก้อนใหญ่สำหรับเขาทีเดียว
ทางด้านเสี่ยวเยว่เฟิงและซือโถวเหวินหยวนก็มองไปที่จงขุยอย่างอยากรู้อยากเห็น
การที่เขายินยอมจ่ายราคาสูงขนาดนี้ ปัญหาของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์คืออะไรกันแน่?
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาเห็นคือสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นบึ้งตึงของจงขุย
หลังจากนั้นไม่นาน จงขุยก็พูดอย่างหดหู่ว่า “เจ้าสำนักของสำนักข้าได้หายตัวไป!”
Related