บทที่ 3 ขยะก็คือขยะ[รีไรท์]
เวทีทดสอบไม่ได้สูงเท่าไหร่นักและหลิงยู่ชานไม่ได้ตกลงมาแรงเกินไป
หลิงยู่ชานโศกเศร้าที่ความฝันการเป็นผู้เชี่ยวชาญของเขาพังทลายจนลืมความเจ็บปวด
เขาลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับใบหน้าที่มอมแมมไปด้วยฝุ่นดิน หลิงยู่ชานเดินไปหาหลิงตู้ฉิงด้วยความหดหู่
หลิงตู้ฉิงเหลือบตามองไปที่เสาทดสอบด้วยสายตาเย็นชา เสาทดสอบพลังนี้ทำไมถึงไม่สามารถตรวจจับสายเลือดที่แข็งแกร่งอย่างผู้สืบสายเลือดแห่งทรราชย์สวรรค์ได้ เสาตรวจจับสับปะรังเคนี้มันอะไรกัน?
เมื่อเห็นหลิงยู่ชาน ผู้ผิดหวังและหดหู่ หลิงตู้ฉิงจึงปลอบโยนเขาด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น “ตอนแรกพ่ออยากให้เจ้าได้เข้าฝึกที่สถาบันหงส์เพลิงนี้ แต่ในตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้ว เดี๋ยวพ่อจะสอนเจ้าเองหลังจากพ่อจัดการเรื่องในตระกูลเราเสร็จ ในเมื่อพวกเขามีตาหามีแววไม่ เอาแต่พึ่งพาเครื่องมือขยะ มองข้ามพรสวรรค์ของเจ้า ส่วนอาจารย์ของสถาบันก็แย่ยิ่งกว่า เขาถึงกับกล้าลงมือกับเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นจะต้องกลับมาที่นี่อีก”
“กลับเรือนกันก่อน เมื่อถึงเวลาพ่อจะสอนเจ้าเป็นการส่วนตัวเอง พ่อรับประกันได้ว่าดีกว่าเข้าฝึกที่สถาบันหงส์เพลิงเป็นหมื่นเท่า แต่ก่อนที่เราจะกลับเรือนพ่อจะช่วยเจ้ากู้หน้าสักหน่อย เจ้าอาจารย์ขยะนี่มันกล้าเขวี้ยงเจ้าออกมาจากแท่นทดสอบ ดังนั้นพ่อของเจ้าก็จะเขวี้ยงมันลงมาจากแท่นทดสอบด้วยเช่นกัน”
หลิงยู่ชานรีบห้ามหลิงตู้ฉิง “ท่านพ่อไม่ต้องหรอก ลืมมันไปเถอะ ข้าไม่เป็นอะไร ข้ายังสบายดี พวกเรารีบกลับเรือนกันเถอะ ข้าเคยได้ยินมาว่าอาจารย์คนนี้เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 9 แล้ว เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมาก ท่านพ่อสู้กับเขาไม่ได้หรอก!”
หลิงยู่ชานแน่ใจว่าพ่อของเขาไม่เคยรู้เรื่องการบ่มเพาะ ถ้าเกิดได้รับบาดเจ็บกลางงานทดสอบของสถาบันมันจะกลายเป็นเรื่องตลกอันเหลือเชื่อ
ยิ่งไปกว่านั้นสถาบันหงส์เพลิงเป็นสถาบันที่โด่งดังสูงส่งของเมืองฟินิกซ์ โดยเฉพาะเจิ้นสีชวงเองนั้นเป็นสมาชิกของตระกูลเจิ้น ไม่ว่าจะเป็นในสถาบันหงส์เพลิงหรือเมืองฟีนิกซ์ เขาก็มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่มากเกินที่คนธรรมดาอย่างพวกเขามีปัญหาด้วยได้
หลิงตู้ฉิงรับรู้ถึงความห่วงใยจากบุตรชายก็รู้สึกอบอุ่นโดยไม่รู้ตัว จากนั้นพลังวิญญาณในกายของหลิงตู้ฉิงเริ่มที่จะหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง การบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งระดับในทันทีซึ่งหมายความว่าเขาบรรลุขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 2 แล้ว
หลิงตู้ฉิงส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “เจิ้นสีชวงตาบอดปฏิเสธไม่ให้เจ้าเข้าสถาบันหงส์เพลิง นั้นเป็นเรื่องที่พ่อยังพอรับได้ แต่เรื่องที่เขาทำให้เจ้าตกจากแท่น ถ้าพ่อไม่ทำอะไรสักอย่างพ่อจะยังเป็นพ่อเจ้าอยู่อีกได้ยังไง? ไม่เป็นไร เจ้ารอดูความเก่งกาจของพ่ออยู่ที่นี่เถอะ”
หลิงตู้ฉิงตบบ่าของบุตรชายคนโตแล้วเดินไปที่แท่นทดสอบ
เจิ้นสีชวงได้ยินการสนทนาทั้งหมดของคู่พ่อลูก
เขามองไปยังหลิงตู้ฉิงที่กล้าจะขึ้นมาบนแท่นทดสอบ จากนั้นจึงยิ้มเยาะ “เจ้าคิดจะแก้แค้นแทนลูกชายเจ้างั้นสินะ? เจ้าคิดว่าคนธรรมดาอย่างเจ้าจะทำได้? เจ้าคิดว่าการที่เจ้าสามารถอุปการะเด็กกำพร้าไม่กี่คนและพอจะมีชื่อเสียงในเมืองฟีนิกซ์เล็กน้อย เจ้าเลยคิดว่าตัวเองจะมีสิทธิพิเศษเหนือกว่าคนอื่นงั้นหรือ? เจ้ามาผิดที่แล้ว! สถาบันหงส์เพลิงไม่อนุญาตให้คนธรรมดาอย่างเจ้าทำตัวกำแหงที่นี่!”
“เจ้านี่มันโง่งมจริง ๆ! เจ้ามันไม่ได้เรื่องพอ ๆ กับเสาทดสอบสับปะรังเคนี่ เสาบ้าอะไรถึงตรวจสอบมุกล้ำค่าอย่างลูกชายของข้าให้กลายเป็นคนธรรมดาไปได้ หากลูกชายข้าเป็นคนธรรมดา คนในที่นี่ทั้งหมดก็คงไม่ต่างจากเศษขยะหากเทียบกับเขา!”
คำพูดของหลิงตู้ฉิงทำให้ผู้ที่กำลังรอรับทดสอบเข้าสถาบันหงส์เพลิงไม่พอใจในทันที
ก่อนที่เจิ้นสีชวงจะพูดอะไรออกมา หวงตู้กู่ก็ยืนขึ้นแล้วตะคอกว่า “เจ้าเรียกใครว่าเศษขยะ!”
อัจฉริยะระดับเหนือชั้นหวงหลิงซานเป็นลูกสาวของเขาเอง แล้วเขาจะยอมรับคำพูดของหลิงตู้ฉิงได้อย่างไร
หลิงตู้ฉิงยิ้มพลางพูดว่า “อันที่จริงลูกของเจ้าก็มีดีอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าหากนำลูกเจ้ามาเทียบกับลูกข้า ลูกของเจ้ามันก็ไม่ต่างอะไรกับเศษขยะเหมือนเดิม!”
หวงตู้กู่ที่กำลังจะออกอาการเบิกบานใจจากคำชมของหลิงตู้ฉิงในประโยคแรก แต่เมื่อฟังคำพูดประโยคถัดมาของหลิงตู้ฉิง มันทำให้เขาเกือบจะกระอักเลือด
“ใช่! ถ้าเทียบกับบุตรชายข้า ทุกคนในที่นี่ล้วนมีค่าไม่ต่างจากเศษขยะ!” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างหนักแน่น
บนสวรรค์แม้แต่เทพยังต้องไว้หน้าใครก็ตามที่มีสายเลือดทรราชย์!
เทียบกับสายเลือดนี้ รากฐานทางจิตวิญญาณต่าง ๆ ล้วนเป็นเศษสวะ
หวงตู้กู่โกรธจนเกือบจะอาเจียนเป็นเลือด เขาหันหลังกลับแล้วพูดกับเจิ้นสีชวงที่อยู่บนเวทีทดสอบ “อาจารย์เจิ้น ข้าแนะนำว่าเราควรรีบเตะเจ้าคนยโสผู้นี้ออกจากที่นี่โดยไวน่าจะดีที่สุด! คนผู้นี้ตัวมันเองบ่มเพาะไม่ได้ยังไม่พอ พอเห็นลูกตัวเองฝึกฝนไม่ได้ยังริษยาผู้อื่น ว่าร้ายสถาบัน แถมยังดูถูกทุกคนที่อยู่ที่แห่งนี้อีก”
เจิ้นสีชวงพยักหน้าและหันไปหาหลิงตู้ฉิง จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หยุดก่อกวนการทดสอบเข้าสถาบันหงส์เพลิงของข้าได้แล้ว ข้าจะเมตตาเห็นแก่ที่เจ้ารับอุปการะเด็กกำพร้าไว้มากมาย จงรีบหายหัวไปซะ แล้วข้าจะคิดว่าข้าไม่เคยเจอเจ้า มิฉะนั้นเจ้าต้องรับผิดชอบกับผลที่จะตามมา!”
“ฮ่า ฮ่า” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าเป็นคนที่รับผิดชอบคำพูดของตัวเองเสมอ อย่างแรกเลยข้าจะพิสูจน์ว่าเสาทดสอบพลังของพวกเจ้าเป็นขยะ”
หลิงตู้ฉิงควบคุมพลังทางวิญญาณทั้งหมดของเขาและปิดกั้นเต๋าอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นก็ยื่นมือไปกดลงบนเสาทดสอบพลังวิญญาณ
อย่างที่คาดไว้ ไม่มีแสงใด ๆ เปล่งออกมาจากเสาทดสอบนั้น
เจิ้นสีชวงพูดจาเสียดสี “สุดท้ายใครกันแน่ที่เป็นขยะ?”
จากเบื้องล่าง เสียงหัวเราะที่สะใจของหวงตู้กู่ดังขึ้น แต่หลิงตู้ฉิงไม่ได้สนใจอะไร
“ต่อไป ข้าจะพิสูจน์ว่าเจ้าต่างหากคือเศษขยะ!” หลิงตู้ฉิงค่อย ๆ เดินไปหาเจิ้นสีชวง และรัศมีพลังวิญญาณขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 2 ของเขาก็เปล่งประกายขึ้นบนร่างกาย
เมื่อเห็นเช่นนั้นไม่เพียงแต่เจิ้นสีชวงจะตกตะลึง แต่ผู้คนที่เยาะเย้ยหลิงตู้ฉิงก่อนหน้านี้ก็พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
เห็นชัด ๆ ว่าผลทดสอบของเสาทดสอบแสดงออกมาว่าเขาไม่มีรากฐานทางจิตวิญญาณ แต่เขากลับมีรัศมีพลังขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 2 ได้ยังไง?
หรือว่าเสาทดสอบเป็นแค่เสาหินห่วย ๆ ต้นหนึ่งจริง ๆ อย่างที่ชายผู้นี้บอกงั้นเหรอ?
ฝูงชนด้านล่างเวทีทดสอบเริ่มบังเกิดความเคลือบแคลงใจ
แม้แต่เจิ้นสีชวงยังรู้สึกตกตะลึง แต่เมื่อเขาตะหนักได้ว่าหลิงตู้ฉิงมีระดับการบ่มเพาะแค่ระดับ 2 เท่านั้นเขาจึงยังคงแสดงสีหน้าดูถูกและพูดว่า “เฮอะ เสาทดสอบของเราไม่มีวันพลาด! แต่ต้องเป็นเจ้าที่ใช้วิชามารอะไรสักอย่างกับเสาทดสอบ เพื่อทำให้สถาบันของข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง! นอกจากนี้ด้วยวัยที่ล่วงเลยมาจนป่านนี้เจ้ายังมีพลังแค่ขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 2 เท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญระดับเศษดินอย่างเจ้าเอาสิทธิ์อะไรมากล่าวหาผู้อื่นว่าเป็นเศษขยะ!?”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ต่อให้ข้ามีพลังวิญญาณเพียงระดับที่สองแต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับขยะอย่างเจ้า วันนี้ถึงแม้ข้าจะไม่สังหารเจ้าแต่ข้าจะทำให้เจ้านอนหยอดข้าวต้มไปสักพัก เพื่อชดใช้ให้กับความอับอายของลูกข้า!”
หลิงตู้ฉิงเหยียดนิ้วออก กระแสพลังวิญญาณถูกปล่อยออกมาเป็นเส้นบาง ๆ จากปลายนิ้วลอยไปที่เจิ้นสีชวง มันพุ่งตรงไปเร็วขึ้นและเร็วขึ้นมุ่งไปยังเจิ้นสีชวง ในขณะเดียวกันจากเส้นพลังวิญญาณบางเท่าเข็ม ระหว่างที่มันมุ่งตรงไปหาเป้าหมาย มันกลับรวมตัวกับพลังวิญญาณที่อยู่บริเวณโดยรอบ เมื่อจวนจะถึงตัวเจิ้นสีชวงมันก็กลายเป็นพลังวิญญาณขนาดเท่ากำปั้น!
เจิ้นสีชวงที่กำลังตื่นตะลึงกับภาพที่เห็นของพลังวิญญาณที่เล็กเท่าเข็มแต่พอถึงตัวเขากลับกลายเป็นขนาดใหญ่เท่ากำปั้น เขาจึงโดนปะทะเข้าไปเต็ม ๆ และกระเด็นออกไปยังด้านล่างของเวทีและสลบไป
“ถ้าข้าบอกว่าเจ้าเป็นขยะเจ้าก็เป็นแค่ขยะ!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นไปทางเจิ้นสีชวงที่นอนสลบอยู่ด้านล่าง
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเจิ้นสีชวงบนพื้นอีก แต่หันกลับมาแล้วดึงหลิงยู่ชานและพูดว่า “กลับเรือนกันเถอะ”
หลิงตู้ฉิงและหลิงยู่ชานที่เพิ่งจะเดินไปแค่ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ร่างของชายชราผู้หนึ่งกลับปรากฎขึ้นขวางทางของพวกเขาไว้อย่างกระทันหัน
ชายชราขมวดคิ้วในขณะที่มองหลิงตู้ฉิงอย่างสงสัย “เจ้าเริ่มบ่มเพาะได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ถ้าเจ้าอยากจะบ่มเพาะ เจ้าสามารถเข้าร่วมกับสถาบันของข้าได้ ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเจ้าสนใจไหม?”
หลิงตู้ฉิงรู้สึกว่าชายชราจำเขาได้ แต่เขาเองกลับจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักชายชราผู้นี้มาก่อน จากนั้นเขาก็ตอบว่า “ข้าเพิ่งเริ่มบ่มเพาะได้เมื่อวาน”
“เจ้าหมายความว่าเจ้าเริ่มบ่มเพาะตั้งแต่เมื่อวานและตอนนี้ก็ฝึกได้ขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 2 แล้ว?” ชายชราพูดอย่างประหลาดใจ
“ใช่” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
ชายชราอัศจรรย์ใจ เขามองขึ้นมองลงอยู่สักพักแล้วพูดว่า “ดูจากสีหน้าเจ้า เจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นใครใช่ไหม?”
“ท่านเป็นใคร?” หลิงตู้ฉิงถาม
ชายชราส่ายหัว “ข้าก็คืออธิการบดีของสถาบันหงส์เพลิง และปู่ของเจ้าก็เคยเป็นลูกศิษย์ของข้า”
“อ๋อ” หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วขึ้น
“เพื่อเห็นแก่ปู่ของเจ้า ข้าจะไม่ถือสาที่เจ้าทำร้ายอาจารย์ในสถาบันของข้า อย่างไรก็ตามคนที่เจ้าพึ่งทำร้ายคือคนของตระกูลเจิ้น ต่อจากนี้เจ้าจงเตรียมตัวกับผลที่จะตามมาเอาไว้ด้วย เอาล่ะรีบพาบุตรชายเจ้ากลับเรือนไปซะเถอะ”
หลังจากนั้น ตู้เหลยโตวก็ไม่ได้สนใจพวกเขาอีกต่อไป เขาขานชื่อผู้เข้าทดสอบและให้ทำการทดสอบอีกครั้ง