บทที่ 44 หลิวเฟ่ยเฟ่ย[รีไรท์]
เจิ้นป่าเจ่าเคยส่งคนให้ไปสืบเรื่องราวของหลิงตู้ฉิงมาแล้วหลายครั้ง
เขาพอจะรู้ว่าพ่อของหลิงตู้ฉิงนั้นเป็นลูกคนใหญ่คนโตในเมืองหลวง แต่ความสัมพันธ์พ่อของหลิงตู้ฉิงกับญาติทางเมืองหลวงนั้นไม่ค่อยจะดีนัก และเมื่อไม่กี่ปีมานี้พ่อและแม่ของหลิงตู้ฉิงได้หายตัวไป ส่งผลให้ฐานะของหลิงตู้ฉิงหลิงเริ่มตกต่ำลง เขายากจนข้นแค้นเป็นอย่างมากถึงขั้นต้องนำสมบัติเก่ามาขายเพื่อประทังชีวิต ส่วนในด้านความสามารถส่วนตัวนั้นก็ไม่ได้มีอะไรดีเด่เลย กระทั่งรากฐานทางจิตวิญญาณยังไม่มี หลิงตู้ฉิงมีชื่อเสียงในทางดีเพียงอย่างเดียวคือใจบุญสุนทานอุปการะเด็กกำพร้าจำนวน 7 คนเอาไว้ในบ้าน
ในเวลานี้ เจิ้นป่าเจ่ารู้สึกเหมือนว่าข้อมูลที่เขาเคยได้รับมาทั้งหมด มันคือขยะ! คนไม่มีรากฐานจิตวิญญาณบ้าอะไรสามารถฆ่าฝูงผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของตระกูลเขาได้เหมือนผักปลา แต่ก็ยังมีบางอย่างที่เจิ้นป่าเจ่าแน่ใจ เขาแน่ใจว่าต่อให้หลิงตู้ฉิงจะบ่มเพาะได้แต่หลิงตู้ฉิงต้องไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราแน่นอน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันต้องมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา!
“ไปตามทุกคนที่เห็นเหตุการณ์มาเล่าให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้!” เจิ้นป่าเจ่าตะโกน
มีเพียงไม่กี่คนในหอมรกตแดงที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานั้น
เด็กสาวคนหนึ่งพูดว่า “ข้าเห็นผู้คนมากมายวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ละ แล้ว…ราชาปีศาจนั่นก็เพียงแค่สะบัดนิ้วและคนทั้งหมดก็ตายไป”
ผู้หญิงอีกคนพูดว่า “ข้าเห็นเขาโบกมือและคนเหล่านี้ก็ตายไปหมด”
ทุกคนเริ่มพูดถึงสิ่งที่เห็น อย่างไรก็ตามผู้หญิงเหล่านี้เป็นแค่คนธรรมดาพวกเขาจะเข้าใจบุคคลที่ผิดธรรมชาติอย่างหลิงตู้ฉิงได้อย่างไร
ในที่สุดเจิ้นป่าเจ่าก็ได้ข้อสรุป เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน “เป็นไปได้ไหมว่ามันใช้อาวุธวิเศษระดับสูง?”
“เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้มันอยู่ที่ขอบเขตหลอมรวมลมปราณเท่านั้นเอง หรือว่าเป็นคนอื่น? หรือจะเป็นนางคณิกาที่ปรนนิบัตรมัน? แต่ถ้านางคณิกาผู้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับสูงจริง ๆ แล้วนางมาทำอะไรที่นี่?”
เจิ้นป่าเจ่าถามหงเหม่ยซ้ำแล้วซ้ำอีกในเรื่องของหลิวเฟ่ยเฟ่ย ซึ่งหงเหม่ยเองก็ยืนยันซ้ำ ๆ เช่นกันว่า หลิวเฟ่ยเฟ่ยเป็นนางคณิการธรรมดาคนหนึ่งจริง ๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจิ้นป่าเจ่าก็เหลือเพียงข้อสันนิษฐานเดียวซึ่งคล้ายกันกับของจ้าวเหมิงลู่ที่เคยเดาว่าหลิงตู้ฉิงสังหารอสูรเกราะเหล็กได้โดยการใช้อาวุธวิเศษระดับสูง นี่เป็นคำอธิบายเดียวที่เขานึกออกได้ในเวลานี้
“ข้าไม่สนใจว่ามันมีของดีอะไร แต่มันกล้าฆ่าน้องชายของข้า ข้าจะกวาดล้างคนของมันให้หมด!” เจิ้นป่าเจาคิดในใจอย่างดุเดือด จากนั้นเขาจึงสั่งให้คนไปนำศพเจิ้นสีชวงกลับไปยังตระกูล
สำหรับเหตุการณ์ทั้งหมด เจิ้นป่าเจ่าไม่ได้เอาผิดกับหอมรกตแดง เนื่องจากเขาเข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงนั้นทรงพลังเกินกว่าที่คนของทางหอมรกตแดงจะทำอะไรได้
หลังจากกลับถึงเรือน เจิ้นป่าเจ่าเรียกหาบ่าวคนสนิทที่เชื่อถือได้คนหนึ่งที่ชื่อว่า จี้ชิงหยวน และพูดว่า “เจ้าไปที่เมืองหลวงเข้าพบพ่อของข้า แจ้งข่าวแก่เขาว่าเกิดอะไรขึ้นที่เมืองฟินิกซ์ และบอกแก่เขาด้วยว่าข้ากำลังจะใช้งานคนกลุ่มนั้น!”
“รับทราบนายน้อย! ข้าจะส่งข่าวไปถึงมือนายท่านแน่นอน!” จี้ชิงหยวนตอบรับ
คืนนั้น จี้ชิงหยวนเดินทางออกจากเมืองฟีนิกซ์
หลิงตู้ฉิงผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับแผนต่อไปของตระกูลเจิ้น ในขณะนี้เขากำลังพัฒนาเต๋าตู้ฉิงอีกครั้ง รัศมีพลังวิญญาณค่อย ๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
รัศมีนี้ส่งผลทำให้หลิวเฟ่ยเฟ่ยตื่นขึ้นมา
ในฐานะนางคณิกาที่ถูกไถ่ตัวมา นางพร้อมที่จะเสียสละตัวเองได้ทุกเมื่อ นางไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงต้องการการปรนนิบัติจากนางหรือไม่เมื่อเขาบ่มเพาะเสร็จ ดังนั้นนางจึงนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ เพื่อรอเขาเรียกนาง
หลิวเฟ่ยเฟ่ยลืมตาและมองดูหลิงตู้ฉิงอย่างระมัดระวัง นางสังเกตเห็นว่าหลิงตู้ฉิงหลับตาแต่มีรอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของเขา
ในขณะที่นางกำลังมองไปยังใบหน้าของหลิงตู้ฉิง และกำลังเดาว่าหลิงตู้ฉิงกำลังคิดอะไรอยู่ ทันใดนั้นหลิงตู้ฉิงลืมตาขึ้น นางสะดุ้งตกใจและถอนสายตามองไปยังทิศทางอื่นอย่างรวดเร็ว
หลิวเฟ่ยเฟ่ยรีบลุกขึ้นยืนและพูดว่า “นายท่าน ข้าจะเตรียมอ่างมาให้ท่านล้างหน้า”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าไม่ต้องการสิ่งเหล่านั้น เจ้ามานั่งตรงนี้ข้ามีบางอย่างจะคุยกับเจ้า”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยเดินมานั่งอยู่ด้านข้างหลิงตู้ฉิง นางพยายามหลีกเลี่ยงไม่มองในตาเขาพร้อมกับค่อย ๆ เอ่ยถามว่า “นายท่าน ท่านต้องการสิ่งใดบอกข้าได้เลย ข้าจะทำตามคำสั่งของท่าน…”
“ข้าเพียงแค่จะกล่าวขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเจ้า ที่เจ้าทำให้ข้าเข้าใจและแก้ไขปัญหาของตัวข้าเองได้ ดังนั้นข้าคิดว่าข้าจะตอบแทนเจ้าโดยการสอนเคล็ดวิชาบางอย่างไว้ให้เจ้าป้องกันตัวในอนาคต” หลิงตู้ฉิงกล่าว
หลิวเฟ่ยเฟ่ยก้มหัวลงแล้วพูดว่า “นายท่าน ข้ารับใช้ที่ต่ำต้อยผู้นี้ไม่มีรากฐานทางจิตวิญญาณเลย ข้าเกรงว่าคงไม่อาจฝึกได้…”
ถ้านางสามารถบ่มเพาะได้ นางจะถูกขายให้หอมรกตแดงได้อย่างไร? หรือต่อให้นางเป็นผู้ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณจริง นางคงจะถูกขายให้กับครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจไม่ใช่มาลงเอยในหอนางโลมแบบนี้
หลิงตู้ฉิงได้ยินเช่นนั้นเขาส่ายหัวและพูดขึ้นว่า “เจ้าอย่าพึ่งด่วนตัดใจ เจ้าเข้ามาใกล้ ๆ ให้ข้าได้ตรวจสอบร่างกายของเจ้าก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยรีบไปนั่งข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงพร้อมกับมองหลิงตู้ฉิงอย่างคาดหวัง
หลิงตู้ฉิงตรวจสอบนางไปสักพักก็พบว่านางไม่มีอะไรพิเศษ หลังจากนั้นเขาก็ตรวจดูจุดตันเถียนและก็พบว่ามันว่างเปล่า เขาตรวจสอบเส้นลมปราณอย่างละเอียดก็พบว่าแท้จริงแล้วนางมีเพียงร่างกายมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีรากฐานทางจิตวิญญาณ จากนั้นเขาก็เอาเลือดของหลิวเฟ่ยเฟ่ยอีกหยดหนึ่งมาตรวจดู และก็พบว่าสายเลือดของนางเป็นเพียงสายเลือดของมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
“ร่างกายธรรมดาและสายเลือดธรรมดา ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่มีรากฐานทางจิตวิญญาณไม่มีโอกาสจะบำเพ็ญเพียร แต่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปได้หากอยู่ต่อหน้าของข้า ให้เวลาข้าคิดสักหน่อยเกี่ยวกับวิธีที่ข้าจะชี้แนะให้เจ้า” เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบ เขาสังเกตเห็นสีหน้าของหลิวเฟ่ยเฟ่ยแดงขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
ด้วยความงุนงงหลิงตู้ฉิงจึงถามนางต่อ “เจ้าเป็นอะไร? ทำไมดูเจ้าเหมือนจะไม่สบาย?”
ในใจของหลิวเฟ่ยเฟ่ยในตอนนี้สุดจะยุ่งเหยิง นางสบตากับหลิงตู้ฉิงและพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติจากนั้นนางพูดว่า “นายท่าน ข้าไม่เป็นอะไร ข้าสบายดี”
ตอนที่หลิงตู้ฉิงตรวจสอบร่างกายของนาง หลิงตู้ฉิงได้เปลื้องเสื้อของนางออกและสัมผัสร่างกายของนางในหลาย ๆ จุด ซึ่งมันจะเป็นไปได้ยังไงที่สาวบริสุทธิ์อย่างนางจะไม่รู้สึกเขินอาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเจอกับเจ้านายที่ไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เอาเสียเลย นางไม่มีทางเลือกนอกจากจะบอกว่านางสบายดี
“หากจ้าไม่เป็นอะไรเจ้าก็ใส่เสื้อผ้าให้ดีแล้วออกไปก่อน คนอื่น ๆ ในเรือนน่าจะเริ่มตื่นกันแล้ว” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
เมื่อหลิวเฟ่ยเฟ่ยสวมเสื้อผ้าเสร็จ หลิงตู้ฉิงได้พานางไปที่ลานกลางเรือน นอกเหนือจากโม่หยูถัง ทุกคนในลานกลางเรือนก็ตะลึงงัน พวกเด็ก ๆ ต่างมองหลิวเฟ่ยเฟ่ยด้วยสายตาสงสัยเป็นอย่างมาก
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงปรากฏตัวพร้อมกับพ่อของพวกเขา?
ถังชี่หยุนพลันนึกถึงคำถามของหลิงตู้ฉิงเมื่อวาน นางจึงเข้าใจได้ทันทีว่าแม่นางคนนี้น่าจะเป็นผลจากคำถามแปลก ๆ ของหลิงตู้ฉิง นางอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดกับเด็ก ๆ “วันนี้ครูมีบทเรียนเรียนพิเศษที่จะสอนพวกเจ้า บทเรียนในวันนี้คือวิชาสรีรวิทยา! แต่วิชานี้ไม่สามารถเรียนที่นี่ได้ พวกเจ้าต้องเรียนในห้องของครูเท่านั้นและครูต้องสอนพวกเจ้าแยกกลุ่มกันระหว่างชายและหญิง หลิงยู่ชาน เจ้าพาเหล่าน้องชายของเจ้ามาที่ห้องของครูก่อนเป็นกลุ่มแรก”
หลิงยู่ชานและเด็กคนอื่น ๆ มองตากันด้วยความประหลาดใจ เมื่อหลิวเฟ่ยเฟ่ยมาถึง พวกเขาไม่รู้ว่าหลิวเฟ่ยเฟ่ยจะมาเป็นแม่ของพวกเขาอีกคนหรือไม่ แต่เมื่อพวกเขาได้ยินคำสั่งของถังชี่หยุนพวกเขาจึงต้องละความสนใจในตัวหลิวเฟ่ยเฟ่ยชั่วคราว และติดตามถังชี่หยุนไปเรียนวิชาสรีรวิทยา
ส่วนบรรดาเด็กผู้หญิง หลิงฟ่างหัว หลิงว่านถิงและหลิงไช่หยุน พวกนางต่างมายืนล้อมรอบหลิงตู้ฉิงและหลิวเฟ่ยเฟ่ยด้วยความประหลาดใจ หลังจากมองหลิวเฟ่ยเฟ่ยสักพักหลิงไช่หยุนจึงถามเป็นคนแรกว่า “ท่านพ่อ เราจะเรียกนางว่าอะไร? ให้เราเรียกว่าท่านแม่ หรืออะไรอย่างอื่น?”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยรู้สึกประหลาดใจมาก นางไม่คิดว่าหลิงตู้ฉิงจะมีลูกมากมายขนาดนี้ นางจึงถามว่า “นายท่าน ท่านมีบุตรชายบุตรสาวจำนวนมากจริง ๆ ข้ายังไม่ได้ทำความเคารพต่อนายหญิงเลย ข้าอยากถามท่านว่านางอยู่ที่ไหน?”
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงมีลูกอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก นางจึงคิดไปเองว่าหลิงตู้ฉิงจะต้องมีภรรยาแล้วแน่นอน และในฐานะที่นางเป็นนางคณิกาที่ถูกไถ่ตัวมา นางคงจะไม่โดนกดขี่โดยภรรยาหลวงใช่ไหม? นางรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก