บทที่ 436 ความเศร้าสลดของมังกร
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจบรรดาคนที่หนีไปแม้แต่น้อย
เขาหันมาสั่งให้หลิงฉุยฟงจับตัวกลุ่มคนฝั่งตรงข้ามที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมานั่งรวมกัน ไม่ว่าจะยังไงคนเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ ซึ่งในสถานที่เช่นทะเลชางหมางพวกเขาคือตัวตนที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับสูงสุด ดังนั้นหากจับตัวคนเหล่านี้ให้หลิงยี่เทียนนำไปใช้งานในอนาคตมันจะมีประโยชน์มากกว่าการฆ่าทิ้งเป็นอย่างมาก
จากผู้เชี่ยวชาญ 70 คนที่หลงเฉินนำมา มี 30 คนถูกจับอยู่ที่นี่ ส่วนอีก 40 คนต่างก็หนีไปได้
หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็เดินไปหาหลงเฉิน และเรียกให้เจี้ยนหนีฉางออกมาจากค่ายกลสัตว์เทวะตุ่นอเวจีเพื่อให้กำจัดพิษออกจากร่างของหลงเฉิน จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ถามว่า “เจ้าอยากตายหรืออยากมีชีวิตอยู่? ถ้าเจ้าต้องการมีชีวิตอยู่ก็จงมาลากรถม้าให้ข้าเป็นเวลา 300 ปี แต่ถ้าเจ้าปฏิเสธ ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะแล้วค่อยไปถามเผ่ามังกรคนอื่นที่เจ้าพามาแทน”
หลงเฉินมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างขมขื่น อันที่จริงในใจเขาตกตะลึงมาก คนกลุ่มนี้ที่ค้นหาความลับของทะเลชางหมางเจอแล้ว น่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ?
เขาไม่คิดว่าจะมีใครในทะเลชางหมางจะมีความแข็งแกร่งกว่าเขาได้แบบนี้หากไม่ได้รับความลับของทะเลชางหมาง
“ข้าเป็นคนจากภูเขาเอ้อหลง เจ้าควรปล่อยข้าไปดีกว่าไม่อย่างนั้นเจ้าจะไม่มีทางรอดจากการไล่ล่าของภูเขาเอ้อหลงได้” หลงเฉินพูดกับหลิงตู้ฉิง แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการตายและเขาก็ไม่ต้องการลากรถม้าด้วยเช่นกัน
คนของเผ่ามังกรจะกลายเป็นสัตว์วิเศษที่คอยลากรถม้าได้ยังไง?
หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “เจ้าแค่ตอบข้าสั้น ๆ เจ้าต้องการลากรถให้ข้าหรือไม่? แต่ถ้าเจ้าไม่เข้าใจในคำถามของข้า ข้าจะเปลี่ยนไปถามคนอื่นแทนที่ฉลาดและฟังภาษาคนได้รู้เรื่องมากกว่าเจ้า”
หลงเฉินเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มรู้สึกกดดัน แต่เขาก็ยังไม่ตอบอะไร
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ต้องการ ถ้าอย่างนั้น…”
“ข้าเต็มใจ!” หลงเฉินรีบตอบทันที เนื่องจากเมื่อครู่เขารู้สึกได้ถึงเจตจำนงแห่งการสังหารที่ชัดเจนแผ่ออกมาจากหลิงตู้ฉิง ซึ่งมันทำให้จิตใต้สำนึกของเขาร่ำร้องออกมาว่าหากเขาไม่ตอบ วันนี้ของปีหน้าคงเป็นวันครบรอบวันตายของเขาแน่นอน
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะตอบไปเช่นนั้น ในใจของเขาก็คิดแผนการตุกติกไว้มากมาย อย่างน้อย ๆ เขาก็คิดไว้เบื้องต้นว่าเขาจะยอมเล่นตามน้ำไปก่อนและเมื่อไหร่ที่เขาออกจากทะเลชางหมาง เขาจะหาทางส่งสัญญาณให้บรรดาผู้อาวุโสของภูเขาเอ้อหลงมาช่วยเขาทันที ซึ่งเขาไม่เชื่อว่าคนตรงหน้าเขาตอนนี้จะสามารถต่อต้านเหล่าผู้อาวุโสของเขาได้และจากนั้นภูเขาเอ้อหลงของเขาอาจจะได้รู้ความลับของทะเลชางหมางจากคนผู้นี้ได้อีกด้วย
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่หลงเฉิน จากนั้นเขาก็มองสลับไปที่เผ่ามังกรอีก 2 คนที่อยู่ด้านข้างและเมื่อเขาพบว่าแท้จริงแล้ว หลงเฉินเป็นคนที่มีศักยภาพมากที่สุด เขาจึงพูดกับหลงเฉินว่า “เนื่องจากเจ้าเต็มใจ ถ้างั้นเจ้าก็จงลงชื่อในสัญญาของข้าซะ จากนั้นเจ้าก็จงลากรถม้าให้ข้าเป็นเวลา 300 ปี!”
เมื่อมองไปที่สัญญากฎสวรรค์ที่หลิงตู้ฉิงกำลังร่างขึ้นกลางอากาศ หัวใจของหลงเฉินก็หล่นลงไปที่ตาตุ่มทันที เขารู้ดีว่าหลังจากที่เขาลงชื่อในสัญญานี้เมื่อไหร่เขาจะต้องทำหน้าที่ลากรถม้าไปอีก 300 ปีอย่างแน่นอน ต่อให้แม้ว่าผู้อาวุโสของเขาจะมาช่วยเขาก็ตาม
แต่เมื่อเขามองไปที่หลิงตู้ฉิงที่ร่างสัญญาเสร็จแล้วแแถมยังจ้องหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา เขาก็ทำได้เพียงกลืนน้ำลายอันขมขื่นลงคอและลงชื่อในสัญญาพร้อมกับหลั่งน้ำตาในใจ
หลังจากที่หลงเฉินลงชื่อในสัญญาแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดกับกงหนิวว่า “แม้ว่าความเร็วของเจ้าจะเร็วกว่าเล็กน้อย แต่ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นน้อยเกินไป ซึ่งมันทำให้เจ้าไม่อาจจะรับมือกับภัยคุกคามที่ข้าอาจจะต้องเผชิญในอนาคตได้ แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เนื่องจากเจ้าเองก็ทำงานให้ข้ามาหลายปีแล้ว ข้าจะให้รางวัลเจ้าด้วยผลึกวิญญาณเพื่อให้เจ้านำมันไปเลี้ยงดูลูกหลานของเจ้า”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ส่งผลึกวิญญาณให้กับกงหนิว ซึ่งกงหนิวก็รับมาด้วยใบหน้าซาบซึ้งพร้อมกับพูดว่า “ข้าขอขอบคุณสำหรับความเมตตาของนายท่านที่มีให้กับข้ามาโดยตลอดในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ถ้าหากในอนาคตหากนายท่านต้องการเรียกใช้ข้าเมื่อไหร่ ท่านสามารถเรียกใช้ข้าได้ทุกเวลาทันที”
หลิงยี่เทียนที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ได้พูดแทรกขึ้นว่า “แม้ว่าท่านพ่อของข้าจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าอีกแล้ว แต่ด้วยความเร็วของเจ้าที่เหนือกว่าสัตว์วิเศษทั้งหลายของข้า ถ้าเจ้าเต็มใจเจ้าก็จงมารับใช้ข้าแทน ข้าจะมอบตำแหน่งที่เหมาะสมกับเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กงหนิวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขารีบตอบกลับทันที “ขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาก็หันศีรษะไปหาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญคนอื่น ๆ ที่นั่งรวมกันอยู่ที่พื้นและพูดว่า “ลูกชายของข้ายังต้องการผู้ติดตามเพิ่มเติมอยู่ ถ้าพวกเจ้าต้องการเป็นอิสระ พวกเจ้าจะต้องรับใช้ลูกชายของข้าเป็นเวลา 300 ปี จากนั้นพวกเจ้าทุกคนก็ไปได้”
พวกเขาทุกคนรู้ว่าข้อเสนอที่หลิงตู้ฉิงเอ่ยมานั้นเป็นข้อเสนอที่พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้ถ้าพวกเขาไม่อยากตาย ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเอ่ยทัดทานอะไรขึ้นและพากันเดินไปลงชื่อในสัญญาของหลิงตู้ฉิง ซึ่งมันทำให้ในตอนนี้กลายเป็นว่าหลิงยี่เทียนได้มีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเพิ่มขึ้นมาอีกถึง 30 คนแบบง่าย ๆ
หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ทำการรักษาอาการบาดเจ็บของผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับบาดเจ็บหนักและพูดกับเสี่ยวเยว่เฟิงว่า “เฟิง ออกเดินทางต่อ!”
เมื่อได้รับคำสั่ง เสี่ยวเยว่เฟิงก็พยักหน้าและมองไปที่หลงเฉิน
หลงเฉินที่ได้รับการส่งสัญญาณจากสายตาก็รู้ตัวดีว่าต้องทำอะไรต่อ เขานำโซ่ที่อยู่หน้ารถม้ามาพันรอบตัวเขาด้วยสีหน้าราวกับว่าวันนี้คือวันที่เขาจะต้องเดินไปยังลานประหาร จากนั้นเขาก็กลายเป็นร่างเป็นมังกรและเริ่มลากรถม้าขึ้นฟ้าพุ่งตรงกลับไปยังสนามรบอีกด้านหนึ่งของเกาะไท่อี้
แต่เมื่อหลงเฉินได้ลองลากรถม้าคันนี้ดู เขากลับต้องรู้สึกประหลาดใจที่น้ำหนักของมันนั้นหนักมากกว่าที่เขาคาด ซึ่งมันทำให้เขาตระหนักได้ว่ารถม้าคันนี้มันไม่ใช่รถม้าธรรมดาแต่มันคือพาหนะวิเศษที่ด้านในคือพื้นที่อาณาเขตสวรรค์จำลอง! เมื่อรู้เช่นนี้เขาก็พาลคิดไปว่ารถม้าคันนี้น่าจะเป็นสมบัติที่ซ่อนอยู่ในทะเลชางหมางอีกชิ้นหนึ่งแน่นอน
ส่วนผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอีก 30 คนที่ถูกทำให้แปรพักตร์เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็บินตามหลังรถม้าอย่างหดหู่
ในเวลานี้อีกด้านหนึ่งของเกาะไท่อี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของหลงเฉินอีก 150 คน และผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของเหยียนฮ่าวหัวอีกร้อยกว่าคนที่เป็นกลุ่มที่คอยปิดล้อมสนามรบไม่ให้พวกผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของอาณาจักรจันทราฝ่าวงล้อมกลับไปช่วยทางเมืองหลวงได้ก็อยู่ในอาการผ่อนคลาย เนื่องจากความแตกต่างของจำนวนคนนั้นมากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากสักเท่าไหร่ในการสกัดกั้นฝั่งตรงข้าม
ส่วนทางด้านในสนามรบ แม้ว่าการสู้รบจะดำเนินมาได้สักพักแล้ว แต่จำนวนของผู้ที่เสียชีวิตก็ยังมีไม่มากสักเท่าไหร่ เนื่องจากกองกำลังของทั้งสองอาณาจักรนั้นก็เริ่มผ่อนความรุนแรง เนื่องจากแต่ละอาณาจักรต่างก็มีเป้าหมายของตัวเอง
ทางด้านของอาณาจักรหลงซานนั้นพวกเขาแค่สู้เพื่อถ่วงเวลาไว้รอให้พวกของหลงเฉินนำชัยชนะจากเมืองหลวงของอาณาจักรจันทรากลับมา และกดดันให้ฝั่งตรงข้ามยอมจำนน เพราะถ้าพวกเขาเปลี่ยนไปใช้แผนการรบเอาชนะแตกหักในตอนนี้ฝั่งตรงข้ามก็ต้องสู้ยิบตา ซึ่งแน่นอนว่าฝั่งพวกเขาเองก็ต้องเกิดการบาดเจ็บล้มตาย ต้องเข้าใจว่าแม้พวกเขาจะถูกสั่งให้มารบแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครอยากจะตาย ดังนั้นมันจึงดีกว่าถ้าหากให้ฝั่งตรงข้ามยอมจำนนแต่โดยดีที่พวกเขาไม่ต้องสูญเสีย
ส่วนทางด้านของผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรจันทราก็เช่นกัน พวกเขาเองก็สู้เพื่อถ่วงเวลารอให้ตัวตนที่เป็นดั่งตำนานของพวกเขาปรากฎกายขึ้นเช่นกัน แต่ความคิดนี้มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดเหมือนกันหมด เนื่องจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญหน้าใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมกับอาณาจักรจันทราได้ไม่นานและยังไม่เคยเห็นความพิสดารของหลิงตู้ฉิง พวกเขาจึงไม่มีความมั่นใจอะไรในอาณาจักรของตัวเองขนาดนั้น และเริ่มที่จะวางแผนหาโอกาสลอบหนีออกจากสนามรบ
“พวกเราน่าจะต้องถ่วงเวลาไว้อีกไม่เกิน 2 วัน ผู้บัญชาการหลงและคนของเขาก็คงจะกลับมา”
“อืม ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเขาน่าจะยังไปไม่ถึงเกาะเทียนหยวน ระยะห่างระหว่างเกาะทั้งสองมันก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ”
“อ่า ข้าล่ะอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกเราจะได้ส่วนแบ่งอะไรบ้างหลังจากเสร็จงานนี้!”
ในเวลานี้บรรดากลุ่มคนของทางฝั่งอาณาจักรหลงซานกำลังจินตนาการกันถึงผลตอบแทนที่จะได้รับอย่างฝันหวาน
แต่แล้วจู่ ๆ พวกเขาก็สังเกตเห็นว่ามีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญจำนวนมากกำลังบินตรงมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็วจากทิศทางที่จะไปเกาะเทียนหยวน
เกิดอะไรขึ้น? หลงเฉินและผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอีก 70 คนเพิ่งมุ่งหน้าไปทิศทางนี้ไม่ใช่หรือ?
จากนั้นเมื่อพวกเขาเพ่งมองดี ๆ และกลุ่มคนเหล่านั้นได้บินใกล้เข้ามา พวกเขาก็เห็นว่ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่กำลังบินมาทางพวกเขาก็คือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่หลงเฉินพาไปเมื่อไม่นานมานี้!
“ทำไมพวกท่านถึงกลับมา?” มีคนถามด้วยความประหลาดใจ “นี่…หรือว่าพวกท่านทำภารกิจโจมตีเมืองหลวงของอาณาจักรจันทราสำเร็จแล้ว?”
ใครบางคนถามด้วยรอยยิ้ม “ตู้ฉิว นี่พวกท่านโจมตีสำเร็จแล้วใช่ไหม? ว่าแต่ผู้บัญชาการหลงล่ะ ทำไมเขาถึงไม่กลับมาด้วย?”
ความตื่นตระหนกถูกเขียนขึ้นทั่วใบหน้าของตู้ฉิว ในขณะที่เขาพูดอย่างกังวลว่า “ผู้บัญชาการหลงและคนอื่น ๆ กำลังเกิดปัญหา! จงส่งคนให้ข้า ข้าจะกลับไปช่วยผู้บัญชาการหลงกลับมาจากคนพวกนั้น!”