บทที่ 432 เตรียมคิดบัญชีแค้น
ในความคิดของหลิงยู่ชานคือ ‘ข้าไม่สนใจว่าข้าจะเผชิญหน้ากับใคร แค่มาลองดูกันว่าใครจะมีพละกำลังมากที่สุดก็พอ’
‘ถ้าเจ้ามีพละกำลังมากกว่าข้าเจ้าก็ชนะ แต่ถ้าข้าแข็งแกร่งมากกว่าเจ้าก็แพ้’
นี่คือสิ่งที่เขาคิด และนี่คือสิ่งที่เขาใส่ลงไปในเจตจำนงแห่งหมัดของเขา
มันไม่มีแสงสีแปลกตาใด ๆ เลย กระบวนท่าของเขามีแต่หมัดลุ่น ๆ แพ้ชนะวัดกันด้วยพละกำลังโดยตรง
และถ้าหากวัดกันด้วยพละกำลัง ร่างกายของเขาที่มีสายเลือดทรราชสวรรค์ก็ยิ่งได้เปรียบเข้าไปใหญ่
ถึงแม้ว่าสายเลือดของเขาพึ่งจะปลดผนึกได้เพียงส่วนเดียวเท่านั้น แต่พละกำลังของเขาก็มากกว่าคนทั่วไปนับสิบเท่าได้
ดังนั้นเมื่อสายเลือดของเขารวมกับเจตจำนงหมัดที่เขาเข้าใจแล้ว เขาก็ได้กลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานอย่างสมบูรณ์ต่อผู้ที่อยูในขอบเขตการบ่มเพาะเดียวกันกับเขา!
“ยู่ชาน เจ้าควรจะตั้งชื่อหมัดนี้ของเจ้าด้วยนะ” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
หลิงยู่ชานที่มีความสุขเป็นอย่างมากจนแทบจะกลั้นไม่อยู่ เขามองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาคาดหวังและพูดว่า “ท่านพ่อ มันจะเป็นเกียรติแก่ข้าเป็นอย่างมากหากท่านตั้งชื่อหมัดนี้ให้กับข้า!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นพ่อจะตั้งชื่อหมัดแรกของเจ้าว่า หมัดสามัญเลิศล้ำ!”
“ขอบคุณ ท่านพ่อ!” หลิงยู่ชานพูดพลางโค้งคำนับให้กับหลิงตู้ฉิง
หลิงว่านจุนตะโกน “โธ่เอ๊ย ก็ท่านเป็นพี่ใหญ่นี่นาไม่ว่าจะยังไงท่านก็ต้องแข็งแกร่งกว่าข้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างข้าเองก็ไม่ค่อยจะถนัดการสู้ตัวต่อตัวสักเท่าไหร่ด้วย จุดเด่นของข้าคือการรบในสนามรบต่างหาก แต่ในเมื่อท่านแข็งแกร่งขึ้นแบบนี้ก็ดีเลย ตอนนี้ไอ้พวกชั่วอาณาจักรหลงซานได้มาถึงเกาะไท่อี้แล้ว ข้าต้องการให้ท่านเป็นแนวหน้าบุกทะลวงและสั่งสอนให้ไอ้พวกเลวนั่นได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของพวกเราพี่น้อง พร้อม ๆ กับให้ท่านใช้พวกมันเป็นเป้าซ้อมหมัดใหม่ของท่านไปด้วยในตัวเลย!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หมิงจู้ก็พูดเสริมอย่างกังวล “สามี พ่อของข้ายังอยู่ที่เกาะไท่อี้ ข้ากลัวว่าไอ้คนพวกนั้นมันจะไปรบกวนพ่อของข้า…”
หลิงยู่ชานพยักหน้าและพูดว่า “อืม เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ยอมให้ใครเข้าไปรบกวนหลุมฝังศพของพ่อตาแน่นอน น้องสี่ เจ้าเตรียมคนของเจ้าให้พร้อม เราจะออกเดินทางไปจัดการกับพวกมันเดี๋ยวนี้!”
เมื่อพูดกับหลิงว่านจุนเสร็จ เขาก็หันกลับมาและพูดกับหลิงตู้ฉิง “ท่านพ่อไปจัดการกับพวกคนจากอาณาจักรหลงซานกับพวกข้ากันเถอะ”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “พวกเจ้าไปกันก่อน พ่อต้องจัดการอะไรที่นี่อีกนิดหน่อย เสร็จแล้วเดี๋ยวพ่อจะรีบตามไปทันที แต่พวกเจ้าจงจำไว้ ถ้าหากว่าพวกเจ้าพบตัวหยูเฉิงฮุย จงปล่อยให้ว่านถิงตัดสินชะตาชีวิตของเขาด้วยตัวเองเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลือพวกเจ้าอยากจะทำอะไรก็ตามใจและโดยเฉพาะพวกผู้ที่ร่วมวางแผนการคนเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอีกต่อไป”
“รับทราบท่านพ่อ ไอ้พวกคนอาณาจักรหลงซานมันจะต้องชดใช้ที่ทำให้น้องสาวของข้าเสียใจ!” หลิงยู่ชานพยักหน้าอย่างหนักแน่น
หลิงว่านจุนหัวเราะอย่างน่ากลัว “พี่ใหญ่ไปกันเถอะ ข้าจะพาท่านไปเอง เราสองพี่น้องไปแข่งกันว่าใครจะตัดหัวไอ้พวกสุนัขหลงซานได้มากกว่ากัน!”
เมื่อพูดจบ หลิงว่านจุนจึงเดินนำหลิงยู่ชานไปหาคนของเขา จากนั้นเหล่าทหารของหลิงว่านจุนกว่า 190 คนก็ใช้ค่ายกลรวมตัวกันเป็นมังกรยักษ์และทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยมีหลิงว่านจุนถือธงเลือดทระนงยืนอยู่บนส่วนหัวของมังกรยักษ์พร้อมกับหลิงยู่ชาน จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปที่เกาะไท่อี้ พร้อมกับเจตจำนงแห่งการสังหาร
เมื่อกองทัพมังกรของหลิงว่านจุนเริ่มเคลื่อนไหว หลิงยี่เทียนก็บินเข้ามาพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ 3 คนและพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าได้นำรถม้าของท่านมาที่นี่ด้วย และข้าได้ส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญคนอื่น ๆ ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ดังนั้นข้าขอพาจูเหยียนและเหม่ยจู้ร่วมทางไปกับท่านด้วยก็แล้วกัน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ไม่มีปัญหา เราจะไปด้วยกัน”
“แล้วเราควรออกเดินทางเมื่อไหร่?” หลิงยี่เทียนถาม “คราวนี้ข้าจะเป็นผู้นำและทวงความยุติธรรมให้พี่สอง!”
หลิงตู้ฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เราจะออกเดินทางเมื่อเฟ่ยเอ๋อและว่านถิงออกมา”
อันที่จริงทุกคนในคฤหาสน์สราญรมย์ต่างก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางกันหมดแล้วเช่นกัน
สำหรับอาณาจักรจันทรานี่ถือเป็นสงครามระหว่างอาณาจักร
แต่สำหรับคนในครอบครัวของหลิงตู้ฉิง พวกเขาถือว่านี่เป็นความแค้นส่วนตัว
เนื่องจากคนของอาณาจักรหลงซานกล้าที่จะล้อเล่นกับความรู้สึกของหลิงว่านถิง แถมยังวางแผนร้ายต่อสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจึงมีความกระหายที่จะชำระหนี้แค้นครั้งนี้จากอาณาจักรหลงซานให้ได้
แน่นอนว่าสำหรับความรู้สึกของหลิงยี่เทียนนั้น ทั้งสองเหตุผลไม่มีความแตกต่างใด ๆ
“ท่านพ่อข้ารอไม่ไหวแล้ว อยากจะฆ่าไอ้นั่น เมื่อไหร่ป้าเฟ่ยและพี่สองจะออกมา?” หลิงฟ่างหัวบ่นพึมพำ
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “หลังจากจบเรื่องนี้ ว่านถิงจะจากพวกเราไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังสำนักเต๋าสวรรค์ ซึ่งนางคงจะไม่สามารถกลับมาได้อีกเป็นเวลานาน ดังนั้นก่อนที่นางจะจากไป แม่เฟ่ยเอ๋อของเจ้าจึงมีอะไรจะมอบให้ว่านถิงก่อนที่นางจะออกเดินทาง ฉะนั้นเราต้องรอพวกนางก่อน จากนั้นพวกเราค่อยไปพร้อมกัน”
ทุกคนในครอบครัวรู้เรื่องนี้
หลิงตู้ฉิงได้ตกลงที่จะให้หลิงว่านถิงไปที่สำนักเต๋าสวรรค์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ไม่แสดงความคิดเห็นขัดแย้งอะไรออกมา
พวกเขาอยากรู้มากว่าเหลียงเฟ่ยเอ๋อต้องการให้อะไรกับหลิงว่านถิง ทำไมถึงมาให้ตอนนี้ มีเวลาตั้งเยอะทำไมไม่ให้เสียแต่แรก?
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ แม้แต่หลิงว่านถิงในตอนนี้เองก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน นางมองไปที่เหลียงเฟ่ยเอ๋อ ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้านางแล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ป้าเฟ่ย ทำไมเราไม่ลืมเรื่องนี้ไปจะดีกว่า?”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อนั่งเผยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้าโดยมีหม้อเอกภพวางอยู่ข้างหน้า เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงว่านถิง นางก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ต้องให้ของที่พ่อของเจ้าสั่งให้ข้ามอบให้เจ้า เจ้าไม่ต้องกังวลมันจะดีขึ้นในไม่ช้า”
หลิงว่านถิงรู้สึกหมดหนทางพลางคิดในใจ ‘ถ้าท่านต้องการจะให้อะไรข้า ทำไมท่านไม่หยิบมันออกมาสักที ทำไมต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้ด้วย?’
หลิงว่านถิงรู้สึกทำอะไรไม่ถูก นางนั่งอยู่หน้าเหลียงเฟ่ยเอ๋อมา 3 วันแล้ว และยังไม่ได้รับอะไรเลย นางอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าท่านแม่ไม่เต็มใจที่จะมอบมันให้กับนางหรือไม่?
ขณะที่นางกำลังงงงวย หลิงตู้ฉิงก็เดินเข้ามาถามว่า “เสร็จแล้วรึยัง?”
“เดี๋ยวนี้แหละ!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อหัวเราะ “ดูจากสีหน้าเป็นกังวลแล้ว นางน่าจะกำลังบ่นข้าอยู่ในใจแน่ ๆ เลย!”
ขณะที่นางพูด นางก็มองไปที่หลิงว่านถิง
หลิงว่านถิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาที่ผสมปนเปไปด้วยความหงุดหงิดและทำอะไรไม่ถูก
นางรอรับของมา 3 วันแล้ว แต่เหลียงเฟ่ยเอ๋อไม่อธิบายอะไรและนางเองก็ทำอะไรไม่ถูก
แต่ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะได้พูดอะไร เหลียงเฟ่ยเอ๋อก็ยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ!”
หลังจากที่นางพูดจบ นางก็เอื้อมมือลงไปในหม้อเอกภพ และจากนั้นเมื่อนางดึงมือขึ้นมา ในอุ้งมือของนางก็มีน้ำปริศนาปรากฏขึ้น
จากนั้นเหลียงเฟ่ยเอ๋อก็ประคองน้ำที่อยู่ในอุ้งมือด้วยมือทั้งสอง และเทมันลงบนหัวของหลิงว่านถิง พร้อมกับส่งยิ้มและพูดว่า “สาวน้อย ข้าหวังว่าเจ้าจะเดินทางไปยังสำนักเต๋าสวรรค์โดยสวัสดิภาพ!”
ตอนนี้หลิงว่านถิงรู้สึกเสียใจมาก นี่นางรอน้ำอะไรก็ไม่รู้มา 3 วันงั้นเหรอ?
หากต้องการนำน้ำมารดหัวนางมันก็ควรทำได้เร็วกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?
แต่ทำไมน้ำนี่แปลกจัง ทำไมมันถึงไม่มีหยดน้ำไหลลงมาที่หน้านางเลย?
หลังจากสัมผัสกับหลิงว่านถิงแล้วน้ำนั้นก็หายเข้าไปในร่างกายของนางโดยไม่เหลือร่องรอยใด ๆ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เอาล่ะไปกันเถอะ ตอนนี้คนอื่น ๆ กำลังรอพวกเจ้าอยู่”
เขาเอื้อมมือไปจับมือของหลิงว่านถิง และพาเหลียงเฟ่ยเอ๋อเดินไปที่ลานหน้าคฤหาสน์พร้อม ๆ กัน