บทที่ 431 เจตจำนงแห่งหมัดของหลิงยู่ชาน
หลิงตู้ฉิง เมื่อมาถึงเรือนของหลิงยู่ชาน เขาก็ได้พบว่าในเรือนนั้นนอกจากหลิงยู่ชานและภรรยาของเขาแล้ว หมิงซิ่วพี่ชายของหมิงจู้ก็อยู่ด้วย
หลังจากที่ทั้งสามแสดงความเคารพต่อหลิงตู้ฉิง หลิงยู่ชานก็ถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านมาที่นี่มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ตอนที่พ่อกำลังบรรยาย พ่อสัมผัสได้ว่าเจ้าได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างแล้ว และดูเหมือนว่าเจ้าเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะบรรลุมันได้ ดังนั้นพ่อจึงมาหาเพื่อดูเจ้าสักหน่อย”
หลิงยู่ชานหัวเราะ “ข้าแค่ตระหนักรู้ถึงอะไรบางอย่างได้เล็กน้อยเท่านั้นเองท่านพ่อ แต่ข้าคิดว่าข้าคงยังไม่สามารถเข้าใจมันได้ในเร็ว ๆ นี้แน่นอน”
“นั่นคือเหตุผลที่พ่อมาที่นี่!” หลิงตู้ฉิงลุกขึ้นยืนและพูดกับหลิงยู่ชาน “ตามพ่อไปที่สนามซ้อม พ่อจะสู้กับเจ้าเอง”
หลิงตู้ฉิงรู้ว่าหลิงยู่ชานกำลังเผชิญกับปัญหาอะไร ซึ่งสิ่งนั้นก็คือการขาดแรงกดดัน ดังนั้นหลิงยู่ชานจึงไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เขาตระหนักรู้มาได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่เขาต้องทำคือใช้กำปั้นของเขาเพื่อช่วยชี้แนะให้หลิงยู่ชาน
เมื่อมาถึงสนามฝึกซ้อม หลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงยู่ชานว่า “ยู่ชาน เจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อมพ่อจะไม่ยั้งมือนะ และเมื่อเจ้าพร้อมแล้วจงตะโกนขึ้น จากนั้นพ่อจะเริ่มทันที”
หลิงยู่ชานที่รู้สึกกดดันหน่อย ๆ เริ่มปรับการหายใจ จากนั้นเขาพยักหน้าให้หลิงตู้ฉิงแล้วพูดว่า “ท่านพ่อข้าพร้อมแล้ว!”
แต่แล้วในวินาทีที่หลิงยู่ชานเอ่ยคำว่าพร้อมจบ ร่างของหลิงตู้ฉิงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และวิ่งวนไปรอบกายเขาพร้อมกับปล่อยพายุหมัดอย่างน้อย 17 หรือ 18 ครั้ง พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงยู่ชาน
การโจมตีด้วยหมัดทุกครั้งถูกสร้างขึ้นด้วยพลังขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12
หลิงตู้ฉิงไม่ออมพลังไว้เลย เพราะเขารู้ดีว่าในตอนนี้หลิงยู่ชานต้องการอะไรมากที่สุด
หลิงยู่ชานพยายามปัดป้องอย่างสุดความสามารถพร้อมกับพยายามจับความเคลื่อนไหวของหลิงตู้ฉิงที่แว่บไปแว่บมารอบกายเขา เพื่อพยายามหาจังหวะตอบโต้
แต่ยิ่งหลิงตู้ฉิงเคลื่อนที่นานขึ้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้นมากเท่านั้น และหมัดที่ประทับลงบนร่างของหลิงยู่ชานก็มีจำนวนมากขึ้นตามไปด้วย
หมัดเหล่านี้ที่หลิงตู้ฉิงได้ปล่อยออกไป เขาไม่ได้ใส่เจตจำนงแห่งหมัดของเขาเองลงไปแม้แต่น้อย เขาใช้เพียงแค่พลังงานวิญญาณของเขาเพียงเท่านั้นในการออกหมัด
เนื่องจากเขากลัวว่าหากเขาใช้เจตจำนงแห่งหมัดในการโจมตี หลิงยู่ชานจะจดจำมันไป และนำมันไปหลอมรวมเข้ากับเจตจำนงแห่งหมัดของตัวเอง ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เขาหวังเอาไว้
สิ่งที่หลิงตู้ฉิงคาดหวังเอาไว้ก็คือเขาต้องการให้หลิงยู่ชานสามารถเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง และไม่เดินซ้ำเส้นทางของเขาในชาติที่แล้ว
นี่เป็นสาเหตุที่เขาไม่ค่อยให้คำแนะนำแก่ลูก ๆ ของเขา หลังจากที่เขาถ่ายทอดเคล็ดวิชาต่าง ๆ ให้ไปแล้ว เนื่องจากความคิดของคนทุกคนย่อมแตกต่างกัน ซึ่งมันส่งผลให้เส้นทางที่เหมาะสมกับตนเองที่ทุกคนต้องเดินไปย่อมแตกต่างกัน
เมื่อเผชิญกับการโจมตีเช่นนี้ หลิงยู่ชานก็ตกตะลึง เนื่องจากเขารู้แล้วว่าแม้พวกเขาจะมีขอบเขตการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตเดียวกัน แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด
ในอดีต ต่อให้เขาจะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราหรือแม้แต่ผู้ที่อยู่ในขอบเขตนภา เขายังสามารถเอาชนะได้ด้วยหมัดของเขาอย่างไม่ยากเย็น
แต่พอมาตอนนี้ที่เขาต้องเผชิญกับพ่อของเขา เขาก็ได้รู้ซึ้งว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม โชคของเขายังค่อนข้างดีที่ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาที่อยู่ในตำแหน่งแนวหน้าสุดของหลิงว่านจุนมาตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และผ่านการต่อสู้มาหลายร้อยครั้ง
เมื่อเวลาผ่านไป เขาจึงเริ่มสงบลงและเริ่มคิดหาวิธีที่จะต่อต้านหมัดของพ่อของเขา
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่สามารถหยุดมันได้
ในความเป็นจริงเขาก็เริ่มตระหนักได้ว่ายิ่งเขามองมันหรือยิ่งคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งปกป้องตัวเองได้ยากมากขึ้นเท่านั้น
จากนั้นเขาก็ล้มเลิกที่จะคิดหาวิธีจัดการกับมันและเลิกที่จะมองรูปแบบหมัดเหล่านั้นที่พุ่งเข้ามา แต่เขากลับเลือกที่จะทำตามสัญชาตญาณในใจของเขาเพื่อรับมือกับหลิงตู้ฉิง
เมื่อเขาเริ่มใช้สัญชาตญาณ เขาก็เริ่มสามารถต้านทานมันได้เล็กน้อย ในบรรดาหมัด 10 ครั้งที่พุ่งเข้ามาหาเขา เขาสามารถสกัดกั้นพวกมันได้ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อย
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ยังห่างไกลจากความเพียงพอ
เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิงยู่ชานก็เริ่มใช้ความคิดอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อกรด้วยแถมพ่อของเขาก็ใช้วิธีการโจมตีที่ตรงไปตรงมา ซึ่งมันไม่น่าจะยากที่จะรับมือ แต่แล้วทำไมเขาถึงยังต่อต้านได้เพียงแค่นี้?
แต่แล้วในขณะที่เขาคิด หมัดที่เขาเคยปัดป้องได้ 3 หมัด เขาก็ไม่สามารถต้านทานมันได้อีกต่อไป
เขารีบคืนสติและใช้สัญชาตญาณของตัวเองดำเนินการต่อสู้ต่อไป
แต่แล้วเมื่อเขายิ่งสู้เขาก็ยิ่งหงุดหงิด พร้อมกับคิดขึ้นอีกครั้ง มันจะเป็นไปได้ไหมถ้าเขาสามารถจับเป้าพ่อของเขาได้และใช้กำลังปะทะเข้าโดยตรง? หากเป็นการวัดกันในแง่ของพละกำลัง ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 13 เขาแน่ใจว่าเขาสามารถเอาชนะพ่อของเขาได้แน่นอนที่อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12
เมื่อเขาคิดได้เช่นนี้ หมัดต่อไปที่เขาชกออกมามันก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป
หลิงตู้ฉิงที่รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบนร่างกายของหลิงยู่ชาน ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที เนื่องจากนี่คือสิ่งที่เขาอยากเห็นมันเกิดขึ้นกับหลิงยู่ชานมาตลอด
สิ่งนี้คือผลพวงที่หลิงยู่ชานสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้ของเขาเองมาเป็นเวลาหลายปี รวมไปถึงความรู้ความเข้าใจหลังจากการที่ได้ฟังการบรรยายของหลิงตู้ฉิงมาแล้วถึง 3 ครั้ง และการแสดงเจตจำนงแห่งหมัดของหลิงตู้ฉิงเองที่เคยแสดงให้หลิงยู่ชานเห็นเมื่อในอดีตนานมาแล้ว
ขณะนี้หลิงตู้ฉิงจึงเพิ่มความเร็วของเขาให้มากขึ้นเป็นสองเท่า เพื่อกดดันยู่ชานให้หนักมากขึ้นกว่าเดิม
ทางด้านของหลิงยู่ชานที่เผชิญกับหลิงตู้ฉิงที่เร็วขึ้นเรื่อย ๆ ในทางกลับกัน ความเร็วในการชกของหลิงยู่ชานกลับเริ่มช้าลงและช้าลง
อย่างไรก็ตาม หมัดของเขาในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ถึงแม้ว่าหมัดของเขาในตอนนี้ที่เหวี่ยงออกไปมันจะไม่ได้รุนแรงขึ้น แต่อำนาจของหมัดของเขาที่โจมตีออกมามันกลายเป็นครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดตามทิศทางที่ออกหมัดไป
จากนั้นพวกเขาสองพ่อลูก ต่างก็ต่อสู้กันโดยไม่หยุดพักจนในตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านมาถึง 3 วันแล้ว
ในตอนนี้ หลิงตู้ฉิงได้ใช้ความเร็วที่เหนือกว่ามาโผล่ที่ด้านหลังของหลิงยู่ชาน และปล่อยหมัดเข้าที่กลางหลังของลูกชายเขาทันที ซึ่งทางด้านของหลิงยู่ชานที่รู้ตัวทันก็หมุนตัวกลับและออกหมัดสวนหมายมั่นที่จะเข้าปะทะโดยตรงกับพ่อของเขาทันที
เมื่อเจอหมัดสวนเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงที่ในตอนแรกต้องการจู่โจมแบบสายฟ้าแล่บให้ลูกชายของเขาไม่รู้ตัวก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก พร้อมกับรู้สึกว่าหมัดนี้ของหลิงยู่ชานที่สวนมาเป็นหมัดที่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมันทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปะทะกับหมัดของหลิงยู่ชานโดยตรง
‘ตูม!!’
เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกัน เสียงระเบิดดังกึกก้องก็ดังกังวาลไปทั่วทั้งคฤหาสน์ จากนั้นทั้งพ่อและลูกต่างก็บินถอยออกจากกัน
“เอาล่ะ พอแล้ว!” หลิงตู้ฉิงมองไปที่หลิงยู่ชานด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจและพูดว่า “เอาล่ะ รูปแบบหมัดของตัวเจ้าเองได้ปรากฎขึ้นแล้ว และนี่คือจุดเริ่มต้นของรูปแบบหมัดของเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ต่อจากนี้เจ้าจงเดินตามเส้นทางนี้ไปเรื่อย ๆ”
“จากหมัดนี้เพียงอย่างเดียวพ่อสามารถบอกเจ้าได้เลยว่าภายใต้ขอบเขตเดียวกันไม่มีใครในมหาพิภพไร้จุดจบที่สามารถสู้กับเจ้าได้ ถึงต่อให้เป็นพ่อเองก็ตาม หากพ่อใช้เพียงแค่เพลงหมัดเพียงอย่างเดียว พ่อเองก็จะต้องแพ้เจ้าอย่างแน่นอน”
หลิงยู่ชานกลับมามีสติและยิ้มอย่างเขินอาย “ท่านพ่อ ท่านชมข้าเกินไปแล้ว!”
“มันเกินจริงไปหรือเปล่า?” เสียงของหลิงว่านจุนดังขึ้น
ปรากฎว่าการต่อสู้ระหว่างทั้งคู่ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่อยู่ในคฤหาสน์เช่นกัน
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่หลิงว่านจุนและพูดว่า “จะลองดูไหมล่ะ? แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 3 แล้ว แต่เจ้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่ใหญ่ของเจ้าหรอก หากเจ้าไม่ใช้อาวุธ”
หลิงว่านจุนส่ายหัวอย่างไม่ยินยอม และพูดไปทางหลิงยู่ชานว่า “เอาไงดีพี่ใหญ่ ท่านอยากลองกับข้าสักตั้งไหม? ท่านก็รู้ดีว่าร่างกายของข้าคืออะไร ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลว่าจะทำร้ายข้าได้หรอก เอาล่ะเตรียมพร้อมนะ เดี๋ยวข้าขอเริ่มก่อนเลยก็แล้วกัน!”
เมื่อเห็นว่าหลิงยู่ชานพร้อมแล้ว หลิงว่านจุนก็กลายร่างเป็นมังกรและพุ่งเข้าใส่ทันที
อย่างไรก็ตาม หลิงยู่ชานที่ยืนรอการโจมตีอยู่แล้วก็ไม่ได้ออกกระบวนท่าอะไรมากมาย
สิ่งที่เขาทำก็เพียงแค่ชกหมัดธรรมดาที่ไร้ซึ่งแสงสีตระกาลตาออกไปตรง ๆ แต่หมัดนี้กลับทำให้หลิงว่านจุนรู้สึกว่าเขาไม่สามารถหลบเลี่ยงมันได้เลย ซึ่งมันทำให้หลิงว่านจุนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเผชิญหน้ากับหมัดนี้โดยตรง ส่งผลให้เขาถูกหมัดกระแทกจนกระเด็นลอยละลิ่วกลับไปหลายเมตร
“อ้าาาาา พี่ใหญ่น่าไม่อาย!” หลิงว่านจุนตะโกนร้องโหยหวน
“พละกำลังก็เยอะกว่าชาวบ้านเขาอยู่แล้ว แล้วนี่พี่ยังใช้หมัดที่ชาวบ้านเขาหลบไม่ได้อีกแล้วใครจะไปชนะพี่ได้กัน ไอ้พี่บ้าเอ๊ย!”
“เห็นไหมพ่อบอกแล้วว่าพี่ใหญ่ของเจ้าน่ะแข็งแกร่งสุด ๆ ไปเลยล่ะ!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม