บทที่ 417 ราชันย์แห่งมวลมนุษย์
ไม่ต้องพูดถึงซือโถวเหวินหยวน แม้แต่มี่ไลและคนอื่น ๆ ก็ประหลาดใจมากกับคำพูดของหลิงตู้ฉิง
นอกจากเสี่ยวเยว่เฟิงแล้วไม่มีใครเข้าใจถึงความสำคัญของการร่วมพิธีขึ้นครองราชย์ของหลิงยี่เทียน เนื่องจากนางเป็นคนเดียวที่อยู่ที่นี่ที่ไปร่วมพิธีนั้น
“ข้ามีคำถามสำหรับเจ้า จงตอบอย่างจริงจัง” หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่ซือโถวเหวินหยวนและพูดว่า “เจ้าคิดว่าตัวเจ้าเองเป็นยังไงบ้างหากเทียบกับพ่อบ้านโม่?”
ซือโถวเหวินหยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความอับอาย “ข้าไม่ดีเท่าท่านพ่อบ้าน! เขาคือผู้ที่ใช้ระดับ 13 ขอบเขตนภาในการทะลวงสู่ขอบเขตสวรรค์สามัญ แถมตอนที่เขาทะลวงสำเร็จ เขายังอายุน้อยกว่าข้ามาก ดังนั้นความสำเร็จของเขาจึงสูงกว่าของข้า”
หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ ว่า “ในเมื่อเจ้าก็รู้ตัวดีว่าเจ้าไม่ดีเท่าพ่อบ้านโม่ งั้นข้าถามเจ้าหน่อย ทำไมเจ้าถึงไม่ไปร่วมพิธีขึ้นครองราชย์ของลูกชายข้า?”
ซือโถวเหวินหยวนยิ้มอย่างขมขื่นและไม่ตอบ
“เพราะเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนจากสำนักเต๋าสวรรค์ แถมยังเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภา ระดับ 12 เจ้าก็เลยไม่เต็มใจที่จะคุกเข่าให้กับเด็กที่ไม่มีแม้แต่ระดับการบ่มเพาะใช่ไหม?” หลิงตู้ฉิงตอบแทนเขา
ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ซือโถวเหวินหยวนคิดเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ไป
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดคำเหล่านี้ออกมาให้ใครได้ยิน
ยิ่งไปกว่านั้นแม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังคิดเหมือนเดิม
เขาเกิดมาในขุมกำลังโบราณที่เก่าแก่ที่สุดที่มีอิทธิพลระดับต้น ๆ ของโลกรวมไปถึงที่เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญแล้ว ทำไมเขาถึงต้องคุกเข่าและบูชาเด็กที่ไม่มีการบ่มเพาะใด ๆ ต่อให้เป็นจักรพรรดิแล้วจะยังไง? ก็แค่จักรพรรดิเด็กมีอะไรให้น่าเคารพบูชากัน?
หลิงตู้ฉิงมองไปที่การแสดงออกที่ไม่ยินยอมของซือโถวเหวินหยวน สีหน้าเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง จากนั้นเขาพูดขึ้นต่อ “เจ้าเองก็รู้ดีว่าลูกสาวคนที่สองของข้านั้นพิเศษมาก ๆ และลูกคนอื่น ๆ ของข้าก็เช่นกัน แล้วทำไมเจ้าไม่คิดว่ายี่เทียนก็พิเศษมากเช่นกัน? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมยี่เทียนถึงต้องกลายเป็นจักรพรรดิ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมผู้คนนับไม่ถ้วนถึงต้องคุกเข่าให้เขา? เพราะยี่เทียนเป็นราชันย์แห่งมวลมนุษย์! สายเลือดของเขาที่ไหลเวียนอยู่คือสายเลือดของราชันย์แห่งมวลมนุษย์! ในฐานะที่เจ้าคือมนุษย์เต็มตัวคนหนึ่งหากเจ้าไม่ยอมก้มหัวให้ ราชันย์แห่งมวลมนุษย์ ผู้ซึ่งเป็นผู้กุมชะตาของเหล่ามวลมนุษย์ทุกคน แล้วทีนี้เจ้าจะได้รับประโยชน์ใด ๆ ได้ยังไง?”
“ส่วนพวกข้านั้นแม้ว่าพวกข้าจะไม่ก้มหัวให้กับเขา พวกข้าก็ยังได้รับประโยชน์จากเขาอยู่ดีเพราะพวกข้าเป็นครอบครัวเดียวกัน หรือต่อให้พวกข้าไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากเขาเลย ตัวของข้าเองก็ยังดลบันดาลประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับครอบครัวของข้าได้ แตกต่างกับเจ้า เจ้ามันไม่ได้เป็นอะไรเลยแถมยังหยิ่งทะนงตนอีกต่างหาก แล้วแบบนี้เจ้าจะได้รับผลประโยชน์อะไรได้ยังไง?”
“อันที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เจ้าไม่สังเกตเลยเหรอว่าหลังจากที่ลูกชายของข้าขึ้นครองราชย์ บรรดาข้าราชบริพารทั้งหลายที่เข้าร่วมพิธีต่างก็บ่มเพาะได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วมากขึ้นเป็นเท่าตัว แล้วดูเจ้าสิ ตอนนี้เจ้ายังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญธรรมดา ๆ อยู่เลย!”
“ก่อนหน้านี้ข้าอุตส่าห์ให้โอกาสเจ้าตั้งมากมาย แต่เจ้ากลับปฏิเสธมันไปด้วยตัวเองทั้งหมด! ทีนี้เจ้าเข้าใจแล้วรึยัง? เจ้านั้นไม่ใช่คนโชคร้าย เจ้าเป็นคนโชคดี แต่ทุกอย่างมันเป็นเพราะเจ้าเอง ที่ได้ทิ้งโอกาสทั้งหมดของตัวเองไป”
เมื่อได้ยินคำอธิบายทั้งหมด สีหน้าของซือโถวเหวินหยวนก็ซีดลงจนขาวเหมือนกระดาษซึ่งเขาไม่สามารถพูดอะไรได้เลย
ส่วนคนอื่น ๆ ก็มองไปที่ ซือโถวเหวินหยวนด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน
แม้แต่หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ก็มองไปที่ซือโถวเหวินหยวนด้วยความประหลาดใจ
นี่เป็นเพราะในชีวิตของหลาย ๆ คนมันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากที่ได้พบกับโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองหลายครั้งหลายครา
แต่คนผู้นี้กลับปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปครั้งแล้วครั้งเล่า?
“นายท่าน ข้าขอตัวไปหาความสงบตามลำพังสักหน่อย” ซือโถวเหวินหยวนเอ่ยขึ้นอย่างเศร้า ๆ หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกจากกลุ่มและบินไปยังทะเลชางหมางด้วยตัวคนเดียว
เมื่อเห็นว่าซือโถวเหวินหยวนไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ อีกต่อไป เย่ชิงเฉิงจึงรีบพูดว่า “สามี ถ้าเป็นอย่างนั้นข้ากลัวว่าลูกชายของท่านจะตกรางวัลให้ข้าด้วยของขวัญที่เรานำมาให้เขาในคราวนี้!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ต่อให้พอไปถึงแล้วเจ้าไปคำนับเขา ประโยชน์ที่เจ้าจะได้รับมันคงไม่เท่ากับตอนที่เขาขึ้นครองราชย์หรอก แต่โชคดีที่ครั้งนี้ข้าได้รับผลึกดวงใจสวรรค์มาให้ยี่เทียนด้วย ดังนั้นพวกเราทุกคนจะได้รับประโยชน์อย่างมากแน่นอน นอกจากนี้อย่าลืมสิว่าพวกเจ้ายังมีข้า ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องกังวลว่าเจ้าจะไม่ได้รับประโยชน์หรอก”
“เป็นประโยชน์อะไร สามี?” มี่ไลถามอย่างเร่งรีบ
“พวกเจ้าจะรู้เองเมื่อถึงเวลา!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราทุกคนจะได้รับประโยชน์อย่างมาก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าทุกคนก็ดูมีความสุขขึ้นมากทันที แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือเหล่าคนที่คฤหาสน์สราญรมย์นั้นในตอนนี้ไม่ค่อยจะมีความสุขสักเท่าไหร่
เนื่องจากในเวลานี้สถานการณ์ของอาณาจักรจันทราค่อนข้างซับซ้อน เพราะว่าเมื่อ 10 กว่าปีก่อนได้มีการปรากฎกายของชายหนุ่มที่ดูน่าจะเป็นบุตรชายของตระกูลใหญ่ปริศนา มาที่อาณาจักรจันทราและทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
ชายหนุ่มผู้นี้หล่อเหลามากพอที่จะทำให้ผู้หญิงเกือบทั้งหมดในอาณาจักรจันทราคลั่งไคล้ไล่ตามชายผู้นี้
สิ่งนี้ทำให้ผู้ชายทุกคนในอาณาจักรจันทราทำอะไรไม่ได้ นอกจากหมั่นคอยดูแลผู้หญิงของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้นางถูกล่อลวงไป
ชายผู้นี้คือ หยูเฉิงฮุย
หยูเฉิงฮุยมาที่อาณาจักรจันทราเพราะเขามีภารกิจที่ต้องจัดการกับผู้หญิงของตระกูลหลิง
แน่นอนว่าเพื่อไม่ดึงดูดความสนใจใด ๆ เขาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น เปียนหยูหลิน
นอกจากนี้เพื่อปกปิดตัวตนของเขา หยูเฉิงฮุยจึงได้พาผู้คนของเขาท่องเที่ยวไปเกาะอื่น ๆ ในทะเลชางหมางก่อนจะมาที่อาณาจักรจันทราเมื่อ 7 หรือ 8 ปีก่อน
หยูเฉิงฮุยมาที่อาณาจักรจันทราก็เพราะเขาต้องการปั่นหัวผู้หญิงของตระกูลหลิงให้บ่อนทำลายอาณาจักรจันทราจากภายใน และจากนั้นเขาก็จะพาเหล่าผู้หญิงล้ำค่าเหล่านั้นกลับไปที่อาณาจักรหลงซานของเขา
ด้วยข้อมูลของจางหมิง อาณาจักรหลงซานของเขาจึงเข้าใจสถานการณ์และข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรจันทราเป็นอย่างดี ซึ่งมันรวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิและคนของตระกูลหลิงที่แน่นแฟ้นกันเป็นอย่างมาก
ในสายตาของหยูเฉิงฮุย ตราบใดที่พวกเขาสามารถโค่นตระกูลหลิงได้มันก็จะง่ายเหมือนกับการพลิกฝ่ามือในการจัดการอาณาจักรจันทรา แล้วเมื่อหลิงยี่เทียนพ่ายแพ้เมื่อไหร่ ผู้หญิงเหล่านั้นที่เป็นดั่งสมบัติล้ำค่า ทั้งร่างกายแก่นแท้ปฐพี ดอกไม้ฟื้นชีพ …พวกนางทั้งหมดล้วนเป็นสมบัติเดินได้ดี ๆ เหล่านี้จะต้องตกเป็นของอาณาจักรของเขา!
อย่างไรก็ตามหลังจากมาถึงอาณาจักรจันทรา พวกเขาก็ตระหนักว่าสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด
คฤหาสน์สราญรมย์ทั้งหมดถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์และอาจพูดได้ว่าไม่มีผู้หญิงของหลิงตู้ฉิงโผล่ออกมาแม้แต่คนเดียว
มีเพียงหลิงยี่เทียนเท่านั้นที่เข้าและออกจากคฤหาสน์สราญรมย์อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ของผู้ใดอีก
ในสายตาของหยูเฉิงฮุยและคนของเขา การบุกเข้าไปในคฤหาสน์สราญรมย์นั้นไม่ใช่แผนที่ฉลาดสักเท่าไหร่
เนื่องจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ของเขานั้นต่างสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ารอบบริเวณของคฤหาสน์สราญรมย์นั้นมีเจตจำนงแห่งการสังหารดำรงอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งมันทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไป
นอกจากนั้น นอกเหนือจากเหล่าผู้หญิงของหลิงตู้ฉิงแล้ว บรรดาสนมของหลิงยี่เทียนเหล่านั้นก็อยู่แต่ในวัง ซึ่งหยูเฉิงฮุยจะกล้าบุกเข้าไปในวังเพื่อพบกับเหล่านางสนมของจักรพรรดิได้ยังไง?
ส่วนบรรดาสตรีของจวนแม่ทัพใหญ่ พวกนางนั้นไม่ได้มีความใกล้ชิดกับจักรพรรดิมากสักเท่าไหร่ ดังนั้นพวกนางจึงไม่มีประโยชน์อะไรกับแผนการของเขา
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาไปล่อลวงผู้หญิงคนอื่น แล้วเขาจะเข้าใกล้ผู้หญิงของหลิงตู้ฉิงได้อย่างไร?
ในสถานการณ์ที่เขาไม่มีทางเลือกอื่น หยูเฉิงฮุยจึงหยุดพักที่อาณาจักรจันทราเพื่อรอหาโอกาสดีก่อน ๆ
และในระหว่างที่เขารอโอกาส เขาก็ได้ใช้เวลาที่ว่าง ๆ ไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็นกับคนอื่น ๆ จากนั้นเขาก็ดำเนินชีวิตอยู่เช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนมันกินเวลาไปประมาณ 10 ปี
หลังจาก 10 ปีที่พวกเขาอยู่ที่อาณาจักรจันทรา หยูเฉิงฮุยและคนของเขาก็ปลงตกคิดว่าแผนของพวกเขาคงล้มเหลวแล้วแน่นอน แต่ในขณะที่เขากำลังจะตัดสินใจถอนตัว การเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เกิดขึ้น
มีอยู่วันหนึ่งที่ หลิงว่านถิง ผู้ซึ่งกำลังเบื่อหน่ายจากการฝึกฝนอยู่หลังคฤหาสน์ได้เดินออกไปด้านนอก
จากนั้นด้วยความ ‘บังเอิญ’ หลิงว่านถิงก็ได้พบกับหยูเฉิงฮุย ซึ่งทำให้นางใจเต้นเข้าอย่างจัง!