บทที่ 398 เจ้าไม่มีค่าพอจะใช้ชื่อนี้
เมื่อไม่สามารถทำลายอักขระที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกเพื่อออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ หวงซีก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้นางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างใหญ่หลวง
เพราะนอกจากการถอนตัวโดยการทำลายอักขระแล้วนางก็ไม่มีวิธีการเอาตัวรอดใด ๆ เหลืออีก ตอนนี้นางจึงได้แต่มองดูหลิงตู้ฉิงที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหานาง
ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกสังเวชตัวเองเป็นอย่างมาก ในฐานะที่นางเป็นอัจฉริยะที่กำเนิดขึ้นในรอบหมื่นปีของภูเขาฟีนิกซ์ ทำไมนางถึงต้องมาเจอกับคนที่พิสดารเช่นนี้ และต้องมาจบชีวิตลงทั้งทั้งที่นางเพิ่งบ่มเพาะไปได้แค่ขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 14 ด้วย? เอ๊ะไม่ ไม่ใช่สิ ชายคนนี้จะต้องไม่ใช่คนอย่างแน่นอน เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะสามารถใช้พลังแห่งกฎภายในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ แล้วมาผนึกนางได้แบบนี้แน่นอน
ขณะนี้นางเริ่มคิดไปถึงว่าชายผู้นี้จะต้องมีความแค้นฝังลึกกับนางเรื่องอื่นแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ผนึกนางไว้แบบนี้เพื่อสังหารนางเพียงเพราะแค่เรื่องชื่อของนางเท่านั้นแน่
เมื่อนางคิดว่าชะตาของตัวเองคงจบสิ้นแล้ว นางจึงถามไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าขบขัน “ชื่อของข้าถูกตั้งให้โดยผู้อาวุโสในตระกูลของข้า ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่ามันเกี่ยวอะไรกันกับเจ้าด้วย?”
ในเมื่อไม่ว่าจะยังไงนางก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นมันจะมีอะไรให้นางต้องกลัวอีก?
หลิงตู้ฉิงจ้องเขม็งไปที่หวงซีด้วยสายตาเย็นชา เขากำหมัดแน่นและตะคอกขึ้นว่า “ข้าจะทำให้ไอ้ผู้อาวุโสของเจ้าคนนั้นมันต้องเสียใจไปจนวันตายที่บังอาจตั้งชื่อเจ้าเป็นชื่อนี้!”
พูดจบ หลิงตู้ฉิงใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่กลางหน้าผากของนางทันที
หวงซีที่คิดว่าช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตนางกำลังมาถึงแล้วนางตัวสั่นเล็กน้อยพร้อมกับหลับตาลงยอมรับชะตากรรม
แต่หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว หลิงตู้ฉิงก็ดึงนิ้วชี้ของเขาออกและดีดหน้าผากนางเพื่อปลุกนางแทน
หวงซีลืมตาขึ้นด้วยอาการงุนงงและเมื่อนางตรวจสอบร่างกายนางแล้วเห็นว่าทุกอย่างยังคงปกติดี นางจึงใช้สองแขนกอดตัวเองและตะคอกขึ้น “เจ้า… เจ้าทำอะไรกับข้า!”
ในเมื่อเขามีโอกาส ทำไมเขาถึงยังไม่ฆ่า หรือว่าเขาต้องการทำมิดีมิร้ายแทน?
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เปลี่ยนชื่อซะ!”
หวงซีงุนงง นี่เขาลงทุนใช้วิธีการมากมายขนาดนี้้เพียงเพราะว่าต้องการให้นางเปลี่ยนชื่อแค่นั้นงั้นเหรอ?
มันก็แค่ชื่อไม่ใช่หรือยังไง ทำไมถึงต้องพยายามมากมายขนาดนี้?
ยิ่งนางคิดนางก็ยิ่งรู้สึกงุนงง โลกภายนอกมันมีสิ่งที่แปลกประหลาดขนาดนี้เลยเหรอ?
“ทำไมข้าต้องเปลี่ยนชื่อของข้าด้วย?” ด้วยความสงสัย หวงซีจึงต้องถามขึ้น
“เพราะว่าเจ้าไม่มีค่าพอจะใช้ชื่อนี้!” หลิงตู้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หวงซีเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มจะอารมณ์ขึ้นเช่นกัน “แล้วชื่อของข้ามันเกี่ยวอะไรกับเจ้า! หรือถ้าเจ้าว่างนักเจ้าก็ไปสนใจเรื่องของตัวเจ้าเองนู้น อย่ามายุ่งเรื่องของข้า!”
หลิงตู้ฉิงพ่นลมออกจมูกและพูดว่า “ข้าไม่สนใจเรื่องอื่นอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ข้าสนใจแค่เรื่องนี้ สรุปแล้วเจ้าจะเปลี่ยนชื่อหรือไม่เปลี่ยน?”
“ข้าไม่เปลี่ยน!” หวงซีตอบกลับทันที “มันคือชื่อที่ข้าชอบ เจ้าจะมาเดือดร้อนอะไรด้วย? แถมมันเป็นชื่อที่ปู่ของข้าตั้งให้มันไปหนักหัวของเจ้าตรงไหน? และที่สำคัญนี่มันเป็นเรื่องของภูเขาฟีนิกซ์ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแทรกแซง?”
หลิงตู้ฉิงเมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็ยิ่งโมโหจนเขาต้องการที่จะใช้วิธีรุนแรงจัดการกับหวงซี แต่เมื่อเขาย้อนนึกไปถึงสิ่งที่ถังชี่หยุนเคยพูดไว้ เขาจึงพ่นลมออกจมูกและพูดขึ้นว่า “งั้นข้าจะทำให้เจ้าต้องเปลี่ยนใจ!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงจับไหล่นางและพานางออกจากดาวทันที
เมื่อเผชิญกับความหยาบคายเช่นนี้ หวงซีก็ทนไม่ไหวตะโกนขึ้น “ไอ้คนชั่ว ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ เจ้าจะทำอะไรกับข้า? ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยนะถ้าข้าเป็นอะไรขึ้นมาเหล่าบรรพจารย์ของภูเขาฟีนิกซ์จะต้องตามล่าเจ้าอย่างแน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงเย้ยหยัน “งั้นเหรอ? ข้าจะบอกอะไรให้ หากไอ้พวกบรรพจารย์ของเจ้าได้มาเจอข้า สิ่งที่พวกมันทำได้ก็มีแต่จะต้องคุกเข่าลงคำนับข้า!”
เมื่อพูดจบเขาก็ไม่สนใจว่าหวงซีจะดิ้นรนยังไงอีก เขาบินพานางไปหาเย่ชิงเฉิงและพูดว่า “ข้าจะให้นางไว้กับเจ้า”
“สามี…” เย่ชิงเฉิงรู้สึกงุนงง
นี่เขาหายไปตั้งนานเพราะว่าเขาไปจับตัวผู้หญิงคนนี้มาน่ะเหรอ?
หลิงตู้ฉิงโยนหวงซีไปหาเย่ชิงเฉิง และพูดขึ้นต่อ “เจ้าจะทำยังไงกับนางก็ได้ ข้าต้องการให้นางยินยอมเปลี่ยนชื่อของนางด้วยตัวนางเอง”
จากนั้นเขาส่งข้อความทางโทรจิตไปหาเย่ชิงเฉิง “ผู้หญิงคนนี้มาจากภูเขาฟีนิกซ์ นางชื่อหวงซี เจ้าจะทำยังไงกับนางก็ได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของข้า ขอแค่อย่าทำให้นางตายเท่านั้นก็พอ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิงเฉิงก็รู้สึกถึงความไม่ปกติจากท่าทีของหลิงตู้ฉิง นางจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วถ้าเกิดว่านางผูกใจเจ็บจนยกพวกมาที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราจะทำยังไง? และถ้าข้าหนักมือไปนางอาจจะทำลายอักขระแล้วหนีไปก็ได้”
“อักขระของนางถูกข้าผนึกเอาไว้แล้วเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง นางไม่สามารถหนีออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้แน่นอน!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ส่วนเรื่องที่นางจะพาคนไปหาเรื่องสำนักของเจ้า ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าในอนาคตนางจะกล้าทำอย่างนั้นรึเปล่า!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็บินกลับไปที่ดาวสุริยะดวงนั้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกลับเข้าไปที่ดาวสุริยะแล้ว หวงซีก็ตะโกนร้องขึ้นทันที “นี่พวกเจ้าน่ะ! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ! พวกเจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ข้าคือ หวงซี แห่งภูเขาฟีนิกซ์! หากพวกเจ้าไม่ยอมปล่อยข้า ข้าจะให้เหล่าบรรพจารย์ของข้าฆ่าพวกเจ้าให้หมดเลยคอยดู!”
เย่ชิงเฉิงยิ้มและเดินไปเชยคางของหวงซี จากนั้นนางจึงพูดว่า “สาวน้อย ข้าคือคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคิดว่าข้าจำเป็นต้องกลัวภูเขาฟีนิกซ์ของเจ้างั้นเหรอ?”
หวงซีรู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่างเมื่อนางถูกสัมผัสโดยเย่ชิงเฉิง
นางพูดขึ้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว “จะ…เจ้าจะทำอะไรข้า?”
เย่ชิงเฉิงค่อย ๆ ลากนิ้วนางลงไปถึงตรงคอของหวงซี พร้อมกับเผยรอยยิ้มและพูดว่า “แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรจะทำอะไรกับเจ้าดีล่ะสาวน้อย? เจ้าไม่ได้ยินที่สามีของข้าพูดงั้นเหรอ? เอาล่ะถึงเวลาที่เจ้าต้องยอมเปลี่ยนชื่อตัวเองได้แล้ว ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน!”
ถึงแม้ว่าเย่ชิงเฉิงจะไม่รู้เหตุผลของหลิงตู้ฉิง แต่สำหรับนาง ไม่ว่าหลิงตู้ฉิงจะต้องการให้นางทำสิ่งใดให้ก็ตาม นางก็พร้อมที่จะทำให้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้
หวงซีในตอนนี้ยิ่งรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวมากเข้าไปใหญ่ เมื่อนางถูกเย่ชิงเฉิงสัมผัสที่คอ
“นี่เจ้า….เจ้า ต่อให้เจ้าจะฆ่าข้า ข้าก็ไม่มีวันเปลี่ยนชื่อของข้าแน่นอน!” หวงซีตะคอกกลับด้วยอารมณ์โกรธปนหวาดกลัว
นางจะเป็นคนโง่ได้อย่างไรในเมื่อนางมีพรสวรรค์ถึงระดับที่สามารถบ่มเพาะมาถึงขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 14 ได้
ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงอยากให้นางเปลี่ยนชื่อนัก แต่นางก็รู้ได้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ฆ่านางแน่นอน
เย่ชิงเฉิงส่ายหัว “ได้…เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเองนะ!”
เมื่อพูดจบ เย่ชิงเฉิงยกมือของนางขึ้นและฟาดมันลงไปที่ก้นของหวงซีอย่างหนักหน่วงทันที จนถึงขั้นนางต้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บปวด
“นังผู้หญิงบ้า เจ้าอย่าให้ข้าเจอเจ้าข้างนอกเชียวนะ ข้าฆ่าเจ้าแน่!” หวงซีตะโกนด่าพลางร้องไห้ไปด้วย
ในฐานะที่นางเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของภูเขาฟีนิกซ์ ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของนางจึงมีแต่ผู้คนคอยเอาอกเอาใจทะนุถนอม แต่ตอนนี้นางกลับต้องมาถูกใครก็ไม่รู้ตีก้นอย่างรุนแรง ซึ่งมันเป็นการดูหมิ่นนางอย่างที่นางไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต นางจึงทั้งรู้สึกแค้นทั้งรู้สึกเสียเป็นอย่างมากในเวลาเดียวกัน
เมื่อเห็นว่าหวงซีร้องไห้ฟูมฟายยกใหญ่ เย่ชิเฉิงก็ถึงกับผงะ
หญิงสาวผู้นี้ดูแล้วอายุไม่น่าจะน้อยแน่นอน แต่ทำไมนางถึงได้ร้องไห้เหมือนกับเด็กได้ขนาดนี้?
และที่สำคัญท่าทีของหลิงตู้ฉิงเองก็ดูไม่ปกติสักเท่าไหร่ในเวลาที่เขาปฏิบัติตัวกับหญิงสาวนางนี้ ซึ่งเขาน่าจะต้องมีอะไรเกี่ยวพันกับนางแน่ ๆ เมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่ชิเฉิงจึงไม่รู้ว่านางต้องทำยังไงต่อ
ในระหว่างที่นางกำลังสับสนไม่รู้ว่าต้องทำยังไง หลิงตู้ฉิงก็ออกมาจากดาวสุริยะพอดี
“เอ่อ..สามี…” เย่ชิงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปยังหวงซีที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย จากนั้นเขาสบถออกมา “ไม่ต้องไปเห็นใจนาง ตราบใดที่เจ้าไม่ทำให้นางพิการ เจ้าจะทำอะไรกับนางก็ได้ ไม่สิ ต่อให้เจ้าทำนางพิการมันก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะรักษานางเอง ตราบใดที่นางยังไม่ยอมเปลี่ยนชื่อ เราจะทรมานนางไปเรื่อย ๆ จนกว่านางจะเปลี่ยน!”
“ถ้างั้นข้าจะไม่เกรงใจล่ะนะ!” เย่ชิงเฉิงเผยรอยยิ้มชั่วร้ายทันที “การได้ตีก้นองค์หญิงน้อยแห่งภูเขาฟีนิกซ์นี่มันน่ารื่นรมย์ดีจริง ๆ”
“อืม แต่เดี๋ยวเราต้องรีบไปที่ดาวดวงอื่นต่อ ดังนั้นเจ้าก็แบกนางไปพร้อม ๆ กับตีนางไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน มันจะได้ไม่เป็นการเสียเวลาของพวกเรา” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
“ได้เลยสามี ข้ามั่นใจว่าข้าจะต้องปราบพยศนางได้แน่นอน!” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ
หวงซีที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น นางก็รู้สึกหนาวไปจนถึงขั้วกระดูก
ไอ้คู่ผัวเมียชั่วนี่ คงจะไม่ทำอย่างที่พวกมันพูดจริง ๆ ใช่ไหม? นางคือองค์หญิงน้อยแห่งภูเขาฟีนิกซ์เชียวนะ! หากใครได้มาเห็นภาพที่น่าอับหายแบบนั้นเข้าในอนาคตนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!?
“ถ้าพวกเจ้าแน่จริง พวกเจ้าก็ปลดผนึกข้าและสู้กับข้าอย่างยุติธรรมสิ! มันน่าภูมิใจตรงไหนที่เอาแต่รังแกคนไม่มีทางสู้ได้แบบนี้?” หวงซีตะโกนขึ้นด้วยอารมณ์โมโห
แต่หลังจากที่นางพูดจบประโยค นางก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดสาหัสที่ก้นของนางอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่ามันมาจากฝ่ามือของเย่ชิงเฉิงที่หวดเข้าไปที่ก้นของนางอีกรอบ!