บทที่ 53 คนละหนึ่งคำถาม[รีไรท์]
มี่ตั้วตั้วและหวงยี่เฟยมีความสุขมากจนพูดอะไรไม่ออก
ก่อนที่เขาจะมาถึงเรือนหลิง หวงยี่เฟยยังคงใคร่ครวญว่าเขาจะอ้อนวอนให้หลิงตู้ฉิงสอนเคล็ดวิธีหลอมโอสถให้อย่างไรดี
แต่เมื่อเขามาถึงเรือนหลิงก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้กล่าวอะไร หลิงตู้ฉิงได้แสดงให้เขาเห็นถึงวิธีการหลอมโอสถรวมไปถึงอธิบายเคล็ดวิธีการหลอมให้อีกต่างหาก
แม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะหลอมโอสถให้ดูเพียงชนิดละ 3 ครั้ง แต่เท่านี้หวงยี่เฟยก็รู้สึกซาบซึ้งจนแทบจะก้มลงกราบแล้ว
หวงยี่เฟยในเวลานี้มีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เขามั่นใจว่าหลังจากที่เขากลับไปทบทวนเคล็ดวิธีหลอมโอสถที่หลิงตู้ฉิงอธิบายให้ฟังแล้ว ทักษะในด้านการหลอมโอสถของเขาจะต้องพัฒนาขึ้นอีกหลายเท่าตัวอย่างแน่นอน
สำหรับมี่ตั้วตั้วเขาเองก็มีความสุขเช่นกัน
แต่เดิมเขาคิดว่า หลิงตู้ฉิงที่พึ่งให้สูตรโอสถกำเนิดรากฐานกับพวกเขา หลิงตู้ฉิงคงยังไม่ต้องการแลกเปลี่ยนอะไรเพิ่มเติมกับเขาในเร็ว ๆ นี้
แต่เขาคาดผิดไปมหันต์ วันนี้หลิงตู้ฉิงไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มทักษะการหลอมโอสถให้หวงยี่เฟยแต่หลิงตู้ฉิงยังหลอมโอสถให้พวกเขาดู แถมยังนำโอสถที่หลอมมาได้แบ่งให้พวกเขาอีก! โอสถที่หลิงตู้ฉิงหลอมมาแต่ละเม็ดล้วนจัดอยู่ในคุณภาพสูงสุดทั้งหมด
เมื่อมองดูโอสถผสานลมปราณ มี่ตั้วตั้วรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นเพราะระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 9
หากเขานำเม็ดโอสถที่เก็บสะสมไว้จำนวนมากมาใช้ร่วมกับโอสถผสานลมปราณของหลิงตู้ฉิง การที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับ 10 คงเป็นเรื่องไม่ยากอีกต่อไป
เมื่อหลังจากไปถึงระดับ 10 เขาก็ยังมีโอสถดาราประสานของหลิงตู้ฉิงอยู่ที่คฤหาสน์ และในอนาคตเมื่อเขาไปถึงจุดสูงสุดประสานทะเลปราณแล้วถ้าเขากินโอสถดาราประสานที่หลิงตู้ฉิงหลอม ฝันที่เขาจะได้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราคงเป็นไปได้อย่างแน่นอน
ขอบเขตรวมแสงดาราเป็นระดับบ่มเพาะสูงสุดของทวีปเทียนหยวน ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าตนเองจะไปถึงจุดนั้น แต่ในเวลานี้เมื่อเขามีหลิงตู้ฉิงเขาแน่ใจว่าเขามีโอกาส
“ขอบคุณปรมาจารย์หลิง!” มี่ตั้วตั้วรับเม็ดโอสถจากมือของหลิงตู้ฉิงอย่างนอบน้อม “พระคุณที่ท่านมีต่อตระกูลมี่ของเรา ข้ามี่ตั้วตั้วไม่รู้ว่าจะตอบแทนพระคุณของท่านอย่างไรจึงจะหมด ต่อไปหากปรมาจารย์หลิงมีคำขอใด ๆ โปรดบอกกับข้าได้โดยตรง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟข้าก็จะจัดการให้สำเร็จ”
หลิงตู้ฉิงโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร พวกท่านเองก็ได้จัดหาวัตถุดิบมาให้ข้าเป็นจำนวนมากเท่านี้ก็ถือว่าพวกท่านช่วยข้าได้มากแล้ว”
ไม่ว่าหลิงตู้ฉิงจะแข็งแกร่งหรือมีความรอบรู้เพียงใด แต่ก็มีหลายสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว
หลิงตู้ฉิงมองว่ามี่ตั้วตั้วมีความฉลาดและรู้จักใช้จุดแข็งของตระกูลในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และที่สำคัญไม่ว่าหลิงตู้ฉิงต้องการสิ่งใด ตระกูลมี่ไม่เคยปฏิเสธและดำเนินการให้อย่างพิถีพิถัน สิ่งเหล่านี้ทำให้หลิงตู้ฉิงพึงพอใจอย่างมาก
นี่เป็นเหตุผลที่ในวันนี้หลิงตู้ฉิงเชิญมี่ตั้วตั้วและหวงยี่เฟยนั่งคุยในเรือน ตระกูลมี่ได้ผ่านการทดสอบจากเขาแล้ว
หลิงตู้ฉิงกล่าวเสริมต่อ “แต่ถ้าหากพวกท่านอยากตอบแทนข้าจริง ๆ พวกท่านแค่รวบรวมวัตถุดิบที่ขาดมาให้เร็วมากกว่าเดิมก็ดี เอาล่ะ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ข้าก็เห็นว่าพวกท่านขยันขันแข็งช่วยเหลือข้า”
“ข้าจะให้โอกาสพวกท่านถามคำถามข้าได้หนึ่งคำถาม…”
เมื่อมี่ตั้วตั้วได้ยินว่าเขาสามารถถามคำถามได้หนึ่งคำถาม จิตใจของเขาก็ปีติยินดีอย่างยิ่ง มี่ตั้วตั้วที่กำลังจะลืมตัวอ้าปากถามเขาก็รีบหุบปากทันที
ด้วยความดีใจเขาเกือบจะลืมครุ่นคิดถึงคำถามที่เขาจะถามกับหลิงตู้ฉิงว่าเขาควรจะถามเกี่ยวกับเรื่องอะไรถึงจะได้ประโยชน์มากที่สุด เขาร่วมมือกับหลิงตู้ฉิงหลายครั้ง เขาเข้าใจว่าโอกาสนี้มีความสำคัญกับเขาเป็นอย่างมาก ถ้าเขาไม่ถามคำถามให้รอบคอบ เขาจะต้องเสียใจไปจนวันตาย ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นเพียงคำถามไม่ใช่คำขอ ดังนั้นเขาต้องคิดทบทวนให้ดีก่อนตัดสินใจ
มี่ตั้วตั้วระงับความตื่นเต้นในหัวใจอย่างแรงเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามหลิงตู้ฉิงอย่างช้า ๆ
“ท่านปรมาจารย์หลิง ข้าจะพัฒนาการบ่มเพาะของตัวเองได้อย่างไร?”
หลิงตู้ฉิงประเมินมี่ตั้วตั้วตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าจากนั้นก็พูดว่า “ท่านอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 9 แต่ด้วยรากฐานการบ่มเพาะของท่านที่ไม่มั่นคงฉะนั้นท่านคงไม่สามารถก้าวหน้ามากไปกว่านี้ได้แล้วล่ะ…”
“แต่….มันก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีแก้ไข โอสถผสานลมปราณจำนวนมากที่ข้าให้กับท่าน เมื่อท่านกลับเรือนของท่านแล้ว ท่านจงใช้พวกมันเพื่อเพิ่มพูนความหนาแน่นของพลังวิญญาณในกาย แต่เมื่อพลังวิญญาณของท่านเพิ่มขึ้น ท่านจะต้องระงับตัวเองไม่ทะลวงระดับสู่ขั้นต่อไป ท่านต้องข่มระดับการบ่มเพาะไว้ให้ได้นานที่สุด ข่มระดับไว้จนท่านไม่เหลือวิธีที่จะข่มไว้ได้แล้ว ท่านค่อยทำการทะลวงระดับในทีเดียว”
“หากท่านสามารถข่มระดับได้จนท่านสะสมพลังวิญญาณได้ถึง 7 เท่า เมื่อถึงเวลาที่ท่านทะลวงระดับ ระดับของท่านจะทะลุไปจนถึงระดับ 12 ของขอบเขตประสานทะเลปราณ ด้วยรากฐานประสานทะเลปราณระดับ 12 ในอนาคตท่านจะไม่มีปัญหาอะไรหากท่านจะทะลวงไปสู่ขอบเขตนภา”
มี่ตั้วตั้วตะลึงจนอ้าปากค้างกับสิ่งที่หลิงตู้ฉิงกล่าว เมื่อเขารู้สึกตัวเขารีบถามกลับ “นี่ นี่ไม่ใช่ว่าขอบเขตประสานทะเลปราณมี 10 ระดับไม่ใช่หรือ?”
“เฮ่อ…ตอนนี้หากข้าอธิบายไปท่านก็คงไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี ข้าคิดว่าท่านควรจะไปบ่มเพาะให้ถึงระดับ 12 ก่อนแล้วค่อยกลับมาถามข้าจะดีกว่า” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “จะมีก็แต่พวกคิดสั้นเท่านั้นแหละ ที่ทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราด้วยขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 10”
“ไม่ว่าใครก็ตามที่บรรลุขอบเขตรวมแสงดาราด้วยขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 10 ตลอดทั้งชีวิตคนพวกนั้นจะไม่มีวันทะลวงไปยังขอบเขตถัดไปได้อย่างแน่นอน หากต้องการที่จะทะลวงไปยังขอบเขตรวมแสงดาราโดยไม่มีปัญหาอะไรในอนาคต อย่างน้อยที่สุดจะต้องอยู่ในระดับ 12 ขอบเขตประสานทะเลปราณขึ้นถึงจะเป็นอันใช้ได้”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ไม่สนใจมี่ตั้วตั้วอีกเขาหันมาให้ความสนใจกับหวงยี่เฟยแทนและกล่าวขึ้น “สำหรับเจ้า เจ้าควรใช้โอสถกำเนิดรากฐานที่ข้ามอบให้ผู้นำมี่แล้วเริ่มทำการบ่มเพาะทันทีที่เจ้าสร้างรากฐานจิตวิญญาณสำเร็จ”
“ขอบคุณท่านมาก ปรมาจารย์หลิง” หวงยี่เฟยกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นเขาหยิบโอสถกำเนิดรากฐานขึ้นมาแล้วถามหลิงตู้ฉิงว่า “ปรมาจารย์หลิง ข้าควรใช้มันอย่างไร?”
“กลืนมันเข้าไปโดยตรง โอสถกำเนิดรากฐานจะทำให้จุดตันเถียนของเจ้าจะได้รับการเปลี่ยนแปลงและรากฐานจิตวิญญาณของเจ้าจะค่อย ๆ ก่อรูปขึ้นมา เมื่อรากฐานจิตวิญญาณของเจ้าก่อรูปจนเสร็จเจ้าก็สามารถที่จะบ่มเพาะได้” หลิงตู้ฉิงอธิบายให้หวงยี่เฟยฟัง
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็หันไปทางหลิวเฟ่ยเฟ่ยและมอบโอสถกำเนิดรากฐานให้นางและเริ่มอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนการบ่มเพาะให้นางฟัง
มี่ตั้วตั้ว หวงยี่เฟยและคนอื่น ๆ เมื่อเห็นดังนั้น พวกเขาก็ลุกขึ้นและกล่าวคำอำลา อันที่จริงพวกเขาเองต้องการเห็นหลิวเฟ่ยเฟ่ยใช้โอสถกำเนิดรากฐานสร้างรากฐานจิตวิญญาณเช่นกัน
แต่หลิงตู้ฉิงไม่ได้กล่าวให้พวกเขาอยู่ต่อ พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะอยู่นานเกินไป หลังจากเดินออกจากลานกลางเรือน มี่ตั้วตั้วถามหวงยี่เฟยว่า “อาจารย์หวง ท่านเคยได้ยินว่าขอบเขตประสานทะเลปราณมี 12 ขั้นหรือไม่?”
หวงยี่เฟยส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นและพูดว่า “ข้าเองก็เคยได้ยินแต่ผู้บ่มเพาะทุกคนบรรลุขอบเขตรวมแสงดาราด้วยระดับที่สิบขอบเขตประสานทะเลปราณกันทั้งนั้น นอกจากนั้นข้ายังไม่เคยได้ยินเลยว่าระดับของขอบเขตประสานทะเลปราณจะบ่มเพาะได้มากกว่า 10 ระดับ แต่ยังไงซะ หากปรมาจารย์หลิงกล่าวว่ามันสามารถบ่มเพาะได้มากกว่าระดับ 10 มันก็ต้องบ่มเพาะได้มากกว่าระดับ 10 แน่นอน ข้าไม่เชื่อว่าปรมาจารย์หลิงจะโกหกเรา”
มี่ตั้วตั้วกล่าวอย่างจนใจ “หากเป็นจริงอย่างที่ปรมาจารย์หลิงกล่าว นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมบรรดาผู้เชี่ยวชาญในทวีปเทียนหยวนถึงไม่สามารถบรรลุขอบเขตที่เหนือกว่ารวมแสงดาราได้ มันกลายเป็นว่าเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถบรรลุขอบเขตที่เหนือกว่าได้ก็เพราะรากฐานในช่วงขอบเขตประสานทะเลปราณของพวกเขาไม่เพียงพอนั่นเอง”
“ข้าถือว่าโชคดีมากที่ได้มาพบกับปรมาจารย์หลิง หากข้าไม่ได้เจอกับเขาแล้วอนาคตการบ่มเพาะของข้าก็คงมีสภาพไม่ต่างจากผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ”
“ข้าเองก็ถือว่าโชคดีมากเช่นกันที่ได้ติดตามท่าน ท่านผู้นำ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีโอกาสได้รับผลประโยชน์มากมายจากปรมาจารย์หลิงแน่นอน” หวงยี่เฟยเอ่ยพลางถอนหายใจไม่หยุด
“ท่านผู้นำ ข้าเกรงว่าข้าจะขอแบ่งปันโอสถกำเนิดรากฐานของท่านมาบางส่วน ถึงข้าจะสามารถหลอมพวกมันได้ แต่คุณภาพที่ออกมาคงไม่มีทางเทียบกับโอสถที่ปรมาจารย์หลิงหลอมด้วยตัวเองแน่นอน”
มี่ตั้วตั้วไม่ลังเลเลยที่จะมอบเม็ดโอสถกำเนิดรากฐานให้หวงยี่เฟยครึ่งขวด โดยที่มี่ตั้วตั้วได้รับมาชนิดละ 3 ขวด 1 ขวดบรรจุ 81 เม็ด และยิ้ม “ข้าเชื่อว่าหลังจากอาจารย์หวงได้รับคำชี้แนะในวันนี้ ทักษะการหลอมโอสถของท่านจะต้องเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมากแน่นอน”
“อย่างไรก็ตามในอนาคตตระกูลมี่ของเรายังหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์หวง หากท่านต้องการสิ่งใดอย่าได้ลังเลที่จะบอกข้า”
หวงยี่เฟยยิ้ม “ท่านผู้นำไม่ต้องกังวล ถ้าไม่ได้ท่านข้าคงจะไม่ได้รับประโยชน์มากมายเช่นนี้ ดังนั้นข้าจะติดตามตระกูลมี่ต่อไป”
เมื่อทั้งสองที่เยินยอกันจนพอใจแล้ว จึงแยกกันไปเตรียมตัวสำหรับการเก็บตัวบ่มเพาะ
ในลานกลางเรือนตระกูลหลิงหลังจากได้ยินสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูด หลิงไช่หยุนจึงพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อ ในอนาคตข้าจะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเข้าสู่ระดับที่สิบสองขอบเขตประสานทะเลปราณ”
หลิงตู้ฉิงพูดเสียงดัง “ระดับที่สิบสองก็พอแล้วงั้นหรือ เจ้าขี้เกียจฝึกฝนนักหรือไง? สำหรับข้าอย่างน้อยเจ้าต้องบ่มเพาะไปถึงระดับที่สิบสามขอบเขตประสานทะเลปราณเท่านั้น!”