เมื่อเผชิญกับสายตาที่คาดหวังขอทุกคน หลิงตู้ฉิงก็แจกจ่ายผลึกวิญญาณให้กับคนใกล้ตัวเขาที่เหลือเช่นกัน
“รีบนำพวกมันไปดูดซับให้หมดเถอะ” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ต่อให้ดวงจิตที่แท้จริงของพวกเจ้าจะยังไม่ก่อตัวเป็นรูปร่าง แต่มันก็ยังช่วยให้วิญญาณของพวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้”
หลังจากที่พูดจบ หลิงตู้ฉิงเองก็เริ่มดูดซับผลึกวิญญาณบ้างเช่นกัน
แต่ด้วยความแตกต่างกันของความแข็งแกร่งของรากฐานการบ่มเพาะ ความเร็วที่คนอื่น ๆ ใช้ในการดูดซับผลึกวิญญาณเพียงแค่ผลึกเดียว ซึ่งยังไม่ทันจะหมดแต่หลิงตู้ฉิงกลับดูดซับมันหมดไปแล้วถึง 5 อัน
หลังจากที่ดูดซับมันไปถึง 5 อันแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงนำยันต์สั่งสวรรค์ 2 อันที่เขาได้มาจากเย่ชิงเฉิงขึ้นมาและใช้ผลึกวิญญาณบดลงไปในพวกมัน และยื่นมันให้กับหญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์
หญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์มองไปที่หลิงตู้ฉิง และพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องให้พวกมันกับข้าหรอก พวกมันก็แค่เป็นพลังวิญญาณอันน้อยนิด มันไม่มีประโยชน์อะไรกับข้าสักเท่าไหร่ เจ้าก็น่าจะรู้อยู่”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ในเมื่อทุกคนได้กันหมด แล้วข้าจะไม่ให้เจ้าด้วยได้ยังไง”
หญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์หรี่ตามองเขา และพูดว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเริ่มกลายเป็นคนปกติมากขึ้นไปทุกวันแล้วสินะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงส่งยิ้มให้นางแต่ไม่ได้พยายามที่จะถามถึงความหมายที่แท้จริงในประโยคคำพูดที่ได้ยิน
ไม่นานต่อมา เย่ชิงฉิงที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าทุกคนในบรรดาภรรยาของเขา ก็ดูดวับผลึกวิญญาณเสร็จเรียบร้อยและเดินกลับมาหาหลิงตู้ฉิง
“สามี ข้ารู้สึกว่าพลังวิญญาณภายในร่างของข้ามันปั่นป่วนไม่หยุดราวกับว่าระดับการบ่มเพาะของข้ามันจะทะลวงขอบเขตขึ้นไปให้ได้” เย่ชิงฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้ามืดหม่น
ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของนางนั้นอยู่ที่ขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 13
แต่เป้าหมายของนางในการที่จะเข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับนั่นก็คือการยกระดับพรสวรรค์ของนาง และใช้มันในการบรรลุระดับไปสู่ระดับ 14 ของขอบเขตรวมแสงดารา
แต่ตอนนี้หลังจากเย่ชิงเฉิงดูดซับผลึกวิญญาณจนหมด นางรู้สึกได้ว่าระดับการบ่มเพาะของนางกำลังจะทะลวงไปยังขอบเขตนภาโดยที่นางแทบจะไม่สามารถระงับมันได้
ซึ่งหากนางทะลวงขอบเขตไปจริง ๆ การเข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอาจจะไม่มีประโยชน์กับนางเลย
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ต่อให้เจ้าจะเข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้วเจ้าก็คงไม่สามารถบรรลุไปถึงขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 14 ได้หรอก นับตั้งแต่สมัยโบราณกาลจนถึงตอนนี้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความสามารถในการเข้าสู่ระดับ 14 ของขอบเขตรวมแสงดารา จุดประสงค์ของการที่เจ้าจะเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ข้อแรกนั้นก็คือเพื่อฝึกฝนวิชาศักดิ์สิทธิ์มหาจันทราของเจ้า และข้อที่สองเพื่อก็คือสร้างสมบัติแห่งชะตาชีวิตของเจ้า ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้นเจ้าอย่าเพิ่งไปคิดถึงมันเลย”
เย่ชิงเฉิงกระพริบตาถี่มองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “สามี นี่ท่านหมายความว่าตอนนี้ข้าสามารถทะลวงขอบเขตให้เข้าสู่ขอบเขตนภาได้เลยงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้เจ้าต้องคงระดับการบ่มเพาะของเจ้าให้อยู่ที่ขอบเขตรวมแสงดาราเอาไว้ก่อน แม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถบรรลุไปถึงระดับ 14 ของขอบเขตรวมแสงดาราได้ แต่เจ้าต้องค้นหาวัสดุเพื่อสร้างสมบัติวิเศษแห่งชะตาชีวิต และในอนาคตเจ้าจะสามารถใช้มันเพื่อเติมเต็มช่องว่างที่เจ้าไม่สามารถบรรลุขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 14 ได้”
“งั้นข้าขอรีบไปสยบความปั่นป่วนของพลังวิญญาณในร่างก่อน!” เย่ชิงเฉิงรีบพูดและกลับเข้าไปในห้องของนางทันที
ตรงกันข้ามกับเย่ชิงเฉิง หลังจากมี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยได้ดูดซับผลึกวิญญาณแล้ว ระดับการบ่มเพาะของพวกนางกลับไม่มีสัญญาณของการเพิ่มระดับแต่อย่างใด
ดังนั้นเมื่อพวกนางดูดซับผลึกวิญญาณจนหมดแล้ว พวกนางจึงเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงและทำการบ่มเพาะแบบคู่กันไปคนละรอบ จากนั้นพวกนางทั้งคู่ก็พากันไปที่ห้องของมี่ไลเพื่อฝึกฝนวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งกันต่อ
ในขณะนี้เมื่อวิญญาณของพวกนางแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับ พวกนางจึงใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการฝึกวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งโดยเร็วที่สุด
สำหรับคนอื่น ๆ หลังจากที่พวกเขาดูดซับผลึกวิญญาณจนเสร็จแล้ว พวกเขาก็พากันฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง
เสี่ยวเยว่เฟิงเป็นคนเดียวที่ไม่ฝึกฝนอะไรต่อหลังจากดูดซับพลังวิญญาณจากผลึกวิญญาณทั้งหมด
อันที่จริงไม่ใช่ว่าเสี่ยวเยว่เฟิงไม่ต้องการฝึกฝน แต่นางทำไม่ได้
นางกังวลเป็นอย่างมาก กลัวว่าถ้าหลังจากเรื่องของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ แล้วถ้าหากระดับการบ่มเพาะของนางสูงเกินไป นางจะไม่สามารถกลับเข้าไปสู่ทะเลชางหมางได้ นั่นจะเป็นปัญหาที่ใหญ่เป็นอย่างมาก แต่นางยังโชคดีที่นางยังมีภารกิจอื่นที่สำคัญมากสำหรับนางในตอนนี้อยู่ นั่นก็คือการที่นางจะต้องช่วยให้น้องสาวของนางเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้เร็วที่สุด
หากเสี่ยวหลิงเฟิงยังไม่สามารถฝึกฝนไปถึงขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 ได้ทัน การเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก็จะไร้ประโยชน์ และน้องของนางคงจะต้องเสียสิทธิ์การเข้านี้ให้แก่ผู้อื่นแทน!
หลิงตู้ฉิงหมกตัวอยู่ในเรือนของเขาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน หลังจากรอให้สถานการณ์ภายในเมืองหยูหลันสงบลง เขาก็พาโม่เอ๋อไปที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์
เมื่อมาถึงที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์ อู่จิ๋วก็ปรากฏตัวขึ้นและยิ้ม “ท่านหลิง เจ้านายของข้ารอการมาเยือนของท่านมานานแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย และเดินตามอู่จิ๋วตรงเข้าไปในมิติของมหาค่ายกลถ้ำมหาสวรรค์
เมื่อเข้าไปด้านใน ใครก็ตามที่เห็นหลิงตู้ฉิงระหว่างทางจะโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อทักทาย
หลังจากการต่อสู้กับวิญญาณปีศาจ ทุกคนต่างรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลิงตู้ฉิงและลั่วหยุน และยังคงจำอำนาจและอิทธิพลของหลิงตู้ฉิงได้ นอกจากนี้ด้วยคำแนะนำของลั่วหยุน ผู้คนจากหอการค้าเชื่อมสวรรค์จึงต่างให้ความเคารพเขาเป็นอย่างมาก
เมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นลั่วหยุน ไม่เพียงแต่ดวงวิญญาณของลั่วหยุนจะฟื้นพลังคืนมาเท่านั้น แต่มันยังแข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย
“ท่านหลิงนี่ลึกลับจริง ๆ!” ทันทีที่ลั่วหยุนเห็นหลิงตู้ฉิง เขายิ้มทันทีและพูดว่า “วิชาที่สูญหายไปมากมายต่างปรากฏขึ้นจากท่าน ท่านนี่มันช่าง… อ๋อจริงสิ วิชาของสาว ๆ แห่งหุบเขาบุปผาอนันต์ที่พวกนางบ่มเพาะกันนั้น ตอนนี้มันเริ่มที่จะสร้างปัญหาให้กับพวกนางแล้ว แต่เนื่องจากที่พวกนางเองก็ช่วยข้าไว้มาก ข้าคงจะทิ้งพวกนางไม่ได้ ดังนั้นข้าจะดูแลพวกนางให้สักพัก ว่าแต่ลูกชายของท่านจะมาถึงเมื่อไหร่ ถ้าหากเขามาถึงเร็วไปพวกนางอาจจะยังมีพัฒนาความแข็งแกร่งได้ไม่ทันเวลา”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ไม่ว่าพวกนางจะแข็งแกร่งพอหรือไม่ พวกนางก็จะต้องติดตามลูกชายของข้าไปอยู่ดี ส่วนเจ้าเองเมื่อลูกชายของข้ามาถึง เจ้าเองก็ต้องไปเข้าร่วมกับเขาด้วยตามสัญญา”
“งั้นก็เอาอย่างที่ท่านว่าก็แล้วกัน” ลั่วหยุนหัวเราะ “และอีกอย่าง เนื่องจากเรื่องวิญญาณปีศาจมันก็จบมาได้สักพักแล้ว และการที่ข้ายังไม่ปล่อยให้พวกนางกลับไปที่หุบเขาบุปผาอนันต์ มันเลยทำให้พวกนางในตอนนี้เริ่มที่จะไม่สบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกนางก็ส่งคนมาถามข้าเกี่ยวกับว่าเมื่อไหร่พวกนางจะได้กลับไป ซึ่งข้าเองก็คิดว่าตอนนี้ทุกอย่างมันก็น่าจะพร้อมที่จะให้พวกนางกลับไปแล้วเช่นกัน ส่วนในเรื่องความปลอดภัยของพวกนาง ข้าจะให้ซือเสี่ยวฮุยคอยปกป้องพวกนางเอาไว้ แต่ถ้าหากสถานการณ์มันเริ่มบานปลาย ข้าก็จะเข้าไปช่วยอีกแรง ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะมีอะไรให้ต้องกังวล และโดยเฉพาะตอนนี้ที่ไม่มีวิญญาณปีศาจอีกแล้ว ข้าจึงสามารถออกจากเมืองหยูหลันได้ตลอดเวลา”
“แล้วค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีหลังจากที่ข้าให้ค่าตอบแทนแก่พวกนางแล้ว!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “แล้วนี่เจ้าได้คลายผนึกเจ้าหญิงภูตตนนั้นให้ข้าแล้วรึยัง? ถ้าหากเจ้าคลายออกแล้ว ข้าจะได้นำนางกลับไปกับข้า”
ลั่วหยุนไม่พูดอะไร แต่เขากลับตอบคำถามของหลิงตู้ฉิงด้วยการกระทำของเขาด้วยสะบัดมือขึ้นเบา ๆ และเจ้าหญิงภูตก็ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของหลิงตู้ฉิง
“เจ้าจงปล่อยข้าไปเดี๋ยว! ไม่งั้นข้ารับประกันได้ว่าพวกเจ้าทุกคนจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่แน่นอน!” เจ้าหญิงภูตตะโกนขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
“เจ้าชื่ออะไร?” หลิงตู้ฉิงถาม
“ข้าขอเตือนกับพวกเจ้าว่าตระกูลของข้ามีผู้หนุนหลังที่อยู่เหนือขอบเขตสวรรค์ ถ้าพวกเจ้ากล้าที่จะล่วงเกินข้า แม่ของข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปอย่างแน่นอน” เมื่อเห็นสีหน้าของหลิงตู้ฉิงที่ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไรเลย นางจึงเริ่มยิ่งกังวลมากขึ้น
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย “จะไม่มีใครรังแกเจ้าทั้งนั้น ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่ป่าภูตเอง แต่ตอนนี้เจ้าต้องบอกชื่อของเจ้ามาก่อน”
“ข้าชื่อ อี้ลั่วเอ๋อ!” เจ้าหญิงภูตตอบกลับอย่างกังวลว่า “เจ้าจะส่งข้ากลับไปที่ป่าภูตจริงหรือ?”
“ใช่!” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “จงตามข้ามาและอย่าได้คิดหนีไปไหน ไม่งั้นเจ้าจะเป็นอันตรายจริง ๆ แน่ ข้าต้องไปทำธุระของข้าต่ออีกนิดหน่อย”
Related