แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะมีช่องว่างมากขึ้น เนื่องจากความขัดแย้งก่อนหน้านี้ แต่กับเย่ชิงเฉิง หานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิง พวกเขาก็ยังคงเป็นคนร่วมสำนักเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ กู่ตงฉิงจึงพาหานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิงมาที่นี่ เพราะว่าพวกเขาต้องการเข้าร่วมการประมูลของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ด้วยเช่นกัน
และด้วยสถานะที่พวกเขาเป็นคนร่วมสำนักเดียวกัน ถ้าหากพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมประมูลด้วยกัน สิ่งนี้จะทำให้คนอื่น ๆ คิดกันไปได้ในประเด็นต่าง ๆ นานา
และโดยเฉพาะที่ช่วงนี้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ปกติ ในฐานะที่พวกเขาเป็นคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจึงจำเป็นต้องเอาผลประโยชน์ของสำนักเป็นที่ตั้ง
ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิงและคนของเขาที่จะเข้าร่วมการประมูลหรือไม่นั้น กู่ตงฉิงเองไม่เคยจะใส่ใจ
ถ้าหากพวกเขาไปด้วยกันมันก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าพวกของหลิงตู้ฉิงไม่ไปมันก็ไม่มีผลอะไร
แต่เมื่อพวกของกู่ตงฉิงเข้ามาด้านใน พวกเขากลับเห็นภาพที่ไม่เคยจะคาดคิดว่าจะได้เห็นนั่นก็คือ ภาพที่หลิงตู้ฉิงกำลังปรับแต่งหุ่นเชิดระดับนักบุญ
พวกเขาทุกคนต่างตกตะลึงพลางคิดในใจ ไม่ใช่ว่าวิธีการปรับแต่งหุ่นเชิดจากศพของมนุษย์เป็นวิถีการบ่มเพาะของเหล่ามารไม่ใช่งั้นเหรอ? และไม่เพียงแค่นั้น หากดูจากสภาพศพของผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญผู้นี้มันดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่งตายมาได้ไม่นานมานี้ใช่ไหม? ว่าแต่ใครเป็นคนฆ่าเขา?
หรือว่าหลิงตู้ฉิง ผู้นี้จะมาจากสำนักมารที่ไหนสักแห่ง?
แม้ว่าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาและเหล่าผู้บ่มเพาะวิถีมารทั้งหลายจะไม่ได้มีความขัดแย้งกัน แต่วิธีการทำสิ่งต่าง ๆ ของเหล่าผู้บ่มเพาะวิถีมารนั้นค่อนข้างรุนแรงและขัดลูกหูลูกตาแก่ผู้พบเห็น
เมื่อเผชิญกับการจ้องมองอย่างอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้อธิบายอะไร และโม่เอ๋อก็ไม่ได้พูดอะไร
อย่างไรก็ตาม หานซ่งหยวนและคนที่เหลือก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรหลิงตู้ฉิง แต่หันไปถามโม่เอ๋อแทน “โม่เอ๋อ เจ้าจงไปตามศิษย์น้องของข้ามาที่นี่ที ข้าต้องการที่จะคุยกับนางเรื่องการประมูลของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่กำลังจะเปิดขึ้น”
ในเวลานี้ หยูจิ้งเฉิงและหานซ่งหยวนยังคงคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ และเนื่องจากพวกเขาได้ยินว่าในการประมูลครั้งนี้จะมีสิทธิ์การเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับออกประมูลขายด้วย พวกเขาจึงตั้งใจอยากจะคุยกับเย่ชิงเฉิง ว่าจะแก้ปัญหาที่พวกเขามีสิทธิ์การเข้าไม่เพียงพอนี้ได้อย่างเหมาะสมหรือไม่?
โม่เอ๋อมองไปที่หลิงตู้ฉิง เพราะนางไม่สามารถรุกล้ำเข้าไปในห้องที่เย่ชิงเฉิงอยู่ได้เช่นกัน นางจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากหลิงตู้ฉิงซะก่อนว่าเขาต้องการให้ไปเรียกเย่ชิงเฉิงออกมาหรือไม่
หลิงตู้ฉิง ซึ่งกำลังปรับแต่งหุ่นเชิดเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อถึงเวลาพวกเราทุกคนจะไปงานประมูลด้วยกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานซ่งหยวนพยักหน้าและหยุดถามอะไรต่อ สำหรับกู่ตงฉิง เขาถามเย่หยูหลันเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของเมืองหยูหลัน และจากนั้นก็ไม่ได้สอบถามเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติมใด ๆ หลังจากพบว่าไม่มีสถานการณ์อะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษ
ผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็ปรับแต่งหุ่นเชิดจนเสร็จ แม้ว่าหุ่นเชิดตัวนี้จะดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญเมื่อมันยังมีชีวิตอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถใช้พลังแห่งกฎใด ๆ ได้เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญที่ยังมีชีวิตอยู่
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและปล่อยให้หุ่นเชิดยืนแข็งค้างไว้ที่กลางลาน ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องของมี่ไล
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงเข้ามา หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ก็มองข้ามไปทันทีและพูดว่า “เมื่อครู่มีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณได้เข้ามาที่นี่อีกระลอก ตอนที่นังหนูนั่นถูกล่อออกไปข้างนอก”
หลิงตู้ฉิงเข้าใจว่าหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์หมายถึงช่วงเวลาที่เย่หยูหลันถูกล่อออกไป หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญคนหนึ่งบุกมาที่เรือนของพวกเขา เขาพยักหน้า “ในไม่ช้าที่นี่จะคึกคักมากสักหน่อย เจ้าก็เตรียมตัวให้พร้อมไว้ก็แล้วกัน”
หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์เย้ยหยัน “เจ้ากำลังจะสร้างเรื่องขึ้นอีกแล้วใช่ไหมล่ะ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและไม่พูดคุยกับหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ต่อ เขาหันกลับมาและพูดกับมี่ไลและคนอื่น ๆ ว่า “หยุดบ่มเพาะก่อน ตอนนี้พวกเราจะไปเข้าร่วมการประมูลกันก่อนและเมื่อการประมูลจบลงพวกเจ้าค่อยกลับมาฝึกกันต่อ”
“ข้าเองก็กำลังคิดอยู่พอดีเลยว่าพวกเราจะได้ไปเข้าร่วมการประมูลด้วยรึเปล่า!” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ
หลังจากพูดจบ ทุกคนก็พากันไปทำความสะอาดร่างกาย จากนั้นเย่ชิงเฉิงก็เก็บค่ายกลกระบี่เหินเมฆาไว้ที่ตัวนางเพื่อนำมันติดไปที่หอการค้าเชื่อมสวรรค์ และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่หลิงตู้ฉิงพาทุกคนไปเข้าร่วมการประมูล เนื่องจากการขายสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับครั้งนี้จะมีบรรดาสำนักใหญ่มากมายที่เข้าร่วมการประมูล ซึ่งถ้าหากเขาไม่มีความแข็งแกร่งเพียงที่จะต่อกรกับเหล่าสำนักใหญ่ที่อยู่ที่นั่น เขาจะกลายเป็นผู้ที่เสียเปรียบเมื่อมีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้น และอีกเหตุผลก็คือหลังจากนำค่ายกลกระบี่เหินเมฆาออกไป ผู้คนที่เหลืออยู่ในเรือนจะเสี่ยงอันตรายมากขึ้น
เมื่อทุกคนเตรียมตัวเสร็จ พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังหอการค้าเชื่อมสวรรค์โดยทิ้งหุ่นเชิดไว้ปกป้องเรือนที่ว่างเปล่า
หลังจากมาถึงหอการค้าเชื่อมสวรรค์ ผู้ที่ต้อนรับหลิงตู้ฉิงก็ยังคงเป็น อู่จิ๋ว
“ท่านหลิง ในวันนี้ข้าได้รับมอบหมายจากนายท่านมาให้ดูแลพวกท่านโดยเฉพาะ” อู่จิ๋วหัวเราะ “หากท่านมีคำขอใด ๆ เพิ่มเติมท่านสามารถบอกข้าได้ทุกเมื่อ แต่การประมูลในครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ ท่านหลิงอาจต้องดำเนินการประมูลด้วยตัวเอง ข้าสงสัยว่าท่านหลิงรู้กฎของการประมูลของเราหรือยัง? การประมูลระดับสูงเกือบทั้งหมดนั้นสามารถกำหนดราคาแบบพิเศษได้และในฐานะเจ้าของสินค้า ราคาของสิ่งที่นำขึ้นมาประมูลจะถูกตัดสินโดยตัวท่านหลิงเอง”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ข้ารู้!”
อู่จิ๋วยิ้ม “ถ้าเช่นนั้น เชิญท่านหลิงตามข้าไปที่ห้องพิเศษหมายเลขหนึ่งของเรา เพื่อรอการประมูลที่กำลังจะเริ่ม”
ทุกคนตามอู่จิ๋วไปยังห้องพิเศษหมายเลขหนึ่ง และเมื่อทุกคนเข้าไปด้านในห้อง ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับการตกแต่งอันงดงามภายในห้อง ยกเว้นหลิงตู้ฉิงผู้เดียวที่ยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย เนื่องจากข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องต่างเป็นของล้ำค่าและของวิเศษนานาชนิดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแขกที่มาเยือน และส่วนสุดปลายห้องอีกด้านหนึ่งนั้นถูกออกแบบให้เป็นระเบียงที่มีเก้าอี้อันงดงามตั้งไว้อยู่หลายตัวยื่นออกไปยังห้องโถงประมูล ซึ่งมุมมองจากบนระเบียงของห้องหมายเลขหนึ่งนั้นนับได้ว่าเป็นมุมมองที่ดีที่สุดและส่วนที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งของห้องนี้ก็คือค่ายกลที่ปกป้องห้องนี้นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากจนถึงแม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้แน่นอน
ในเวลาเดียวกัน คนจาก สันเขาทรราช ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ สำนักเบญจธาตุ ตำหนักเทพเหมันต์…และผู้คนอื่น ๆ ที่มาจากอาณาจักรและสำนักใหญ่ก็ค่อย ๆ เข้าสู่ห้องพิเศษส่วนตัวของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อบรรดาคนจากสำนักใหญ่ต่าง ๆ ได้เข้าไปนั่งในห้องพิเศษของตนเอง พวกเขาก็ต่างพากันมองไปที่ห้องพิเศษหมายเลขหนึ่งด้วยความสงสัยว่าใครกันที่อยู่ในห้องนั้น?
และอีกอย่างที่ทุกคนสงสัยที่สุดก็คือ ใครกันแน่ที่ขายสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ โดยปกติแล้วใครก็ตามที่มีกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ คนผู้นั้นมักเลือกที่จะเก็บซ่อนมันไว้อย่างเงียบ ๆ
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ผู้ดูแลการประมูลของหอการค้าเชื่อมสวรรค์ก็ได้ออกมาประกาศกฎของการประมูล และจากนั้นพวกเขาก็เริ่มกระบวนการประมูลทันที
สินค้าชิ้นแรกที่นำออกมาประมูลก็คือสมบัติวิเศษระดับราชัน
ทันทีที่มีการประกาศเริ่มการประมูล การเสนอราคาก็เริ่มขึ้นทันทีจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่มาจากสำนักระดับธรรมดา
การเสนอราคาเหล่านี้ล้วนมาจากสำนักธรรมดาและไม่มีใครจากสำนักใหญ่ที่เข้าร่วมประมูลด้วย
เนื่องจากสมบัติระดับราชันนี้ ในสายตาของสำนักใหญ่ ๆ นั้นมันไม่ได้เป็นสิ่งที่เข้าตาพวกเขาสักเท่าไหร่ เพราะสมบัติระดับเช่นนี้ในสำนักพวกเขาต่างก็มีพวกมันอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยอยู่แล้ว
เมื่อการประมูลสิ้นสุด ราคาของสมบัติชิ้นนี้ก็ได้ถูกประมูลไปด้วยราคา 8 ล้านเหรียญคริสตัลระดับสวรรค์ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลสำหรับหอการค้าเชื่อมสวรรค์
หลิงเทียนหยุนเหลือบมองไปที่เย่ชิงเฉิง เนื่องจากนางเคยมอบสมบัติระดับราชันให้เขา และตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันมีค่าแค่ไหน
เย่ชิงเฉิงยิ้มตอบแต่ไม่พูดอะไร ในความคิดนาง ของราคาเพียงแค่ 8 ล้านเหรียญคริสตัลระดับสวรรค์สำหรับนางมันไม่นับเป็นอะไรได้เลย