บทที่ 347 บทสรุปของการประมูล
อู่จิ๋วที่ได้รับคำสั่งก็ส่งข้อความนี้ให้ผู้ดูแลการประมูลทราบทันที
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้รับข้อความจากผู้ขาย ซึ่งผู้ขายได้แจ้งว่า ให้ผู้ประมูลทุกท่านนำวัสดุที่ล้ำค่าที่สุดขึ้นมาให้ประเมินก่อนที่เขาจะตัดสินใจว่าจะขายสิทธิ์นี้ให้ใคร!” ผู้ดูแลการประมูลประกาศขึ้น
“หยกจรัสแสง!” เสียงดังขึ้นทันทีจากห้องหมายเลข 2 และเสียงนั้นยังดังขึ้นอีกว่า “และข้าจะให้ กระดูกศักดิ์สิทธิ์ ไปด้วยอีกชิ้นหนึ่ง!”
เมื่อได้ยินราคาที่สันเขาทรราชเสนอ ทุกคนก็พากันลุกฮือ
“สันเขาทรราชนี่ช่างร่ำรวยจริง ๆ ตอนแรกพวกเขาก็เสนออาวุธระดับจักรพรรดิออกมาและตอนนี้พวกเขาก็เสนอ กระดูกศักดิ์สิทธิ์ อีก”
“กระดูกนั่นคืออะไร?” มีคนถามด้วยความประหลาดใจ
“กระดูกศักดิ์สิทธิ์ คือกระดูกในร่างกายของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดและรวมไปถึงกระดูกในร่างของเหล่าอสูรศักดิ์สิทธิ์” บางคนที่รู้จักมันอธิบายด้วยท่าทีโอ้อวด
“พวกอสูรศักดิ์สิทธิ์มันจะตายได้ยังไง? แล้วผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งจนถึงมีกระดูกเช่นนั้นได้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยู่ยงคงกระพันอย่างงั้นเหรอ? และที่สำคัญผู้เชี่ยวชาญอย่างเรา ๆ จะไปเอากระดูกแบบนี้มาจากตัวตนเหล่านั้นได้ยังไง?”
“……”
ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนั้นได้ ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นเพียงแค่กลุ่มคนที่อยู่ในขอบเขตสวรรค์เท่านั้น พวกเขาจะไปสามารถหยั่งรู้ถึงเรื่องราวของตัวตนระดับเหนือจินตนาการเหล่านั้นได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินว่าคนของสันเขาทรราชได้เสนอกระดูกศักดิ์สิทธิ์แล้ว ผู้คนในห้องพิเศษห้องอื่น ๆ ก็เงียบลงเป็นเวลานาน
แต่เมื่อหลังจากพบว่ายังไม่มีการประกาศยุติการประมูลใด ๆ ทุกคนจึงเริ่มเสนอราคากันต่อด้วยความหวังอันริบหรี่
“สามี พวกเขาถึงขนาดนำกระดูกศักดิ์สิทธิ์มาแลกเปลี่ยน!” เย่ชิงเฉิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยขณะที่นางพูดว่า “ด้วยกระดูกนั่นท่านจะสามารถสร้างอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิได้แน่นอน แต่ต่อให้ท่านจะไม่เอามันมาสร้างอาวุธเราก็ยังเอามันมาศึกษาพลังที่แฝงอยู่ในมันได้ ซึ่งความรู้เหล่านั้นมันก็มีประโยชน์มากเช่นกัน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “รอดูต่อไปอีกสักหน่อย ให้โอกาสคนอื่น ๆ ได้เสนอราคามาก่อนอีกสักพัก”
หานซ่งหยวนและหยูจิ้งเฉิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงทันที ราวกับว่าพวกเขากำลังมองคนโง่เง่า
นี่ถ้าขนาดกระดูกศักดิ์สิทธิ์ เจ้ายังไม่ต้องการแล้วมันจะยังมีของอะไรที่เจ้าต้องการอีก?
ตามมูลค่าถ้าเทียบกันแล้ว กระดูกศักดิ์สิทธิ์ นั้นมีค่ามากกว่าหินจันทราศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ แม้แต่กู่ตงฉิงและเย่หยูหลันก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างสงสัยโดยไม่รู้ว่าเขากำลังรออะไรอยู่
ในทางกลับกัน คนที่อยู่กับหลิงตู้ฉิงมานานต่างก็ไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากพวกเขาไว้วางใจในตัวหลิงตู้ฉิง
ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งรอฟังราคาใหม่ที่ใครบางคนอาจเสนอขึ้นมา คนของตำหนักเทพเหมันต์ก็ส่งเสียงขึ้น
คนของตำหนักเทพเหมันต์พูดขึ้นอย่างช้า ๆ “พวกเรา ตำหนักเทพเหมันต์ ขอเสนอราคาด้วย หยกจันทราเยือกแข็ง น้ำหนักครึ่งกิโลกรัม!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก่อนที่จะรอให้คนอื่นเสนอราคา หลิงตู้ฉิงหันไปพูดกับ อู่จิ๋ว ทันที “ไปพบกับตำหนักเทพเหมันต์กับข้า!”
อู่จิ๋วอดไม่ได้ที่จะเตือนหลิงตู้ฉิง หลังจากที่ได้ยินว่า “แม้ว่า หยกจันทราเยือกแข็ง จะมีค่า แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะใช้ได้ ในแง่ของมูลค่าการใช้งานมันด้อยกว่ากระดูกศักดิ์สิทธิ์และหยกจรัสแสงของสันเขาทรราชเป็นอย่างมาก ท่านหลิงแน่ใจหรือว่าต้องการไปพบกับคนของตำหนักเทพเหมันต์?”
“ตำหนักเทพเหมันต์!” หลิงตู้ฉิงเน้นย้ำอีกครั้ง
“ข้าเข้าใจแล้ว!” อู่จิ๋วหันกลับไป
เขาได้เตือนหลิงตู้ฉิงในสิ่งที่เขาควรเตือนแล้ว แต่ถ้าหากหลิงตู้ฉิงยังคงยืนกราน เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดต่ออีก
หานซ่งหยวนที่เห็นเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “พี่หลิง ตระกูลของข้ามีหยกจันทราเยือกแข็งอยู่ ถ้าท่านเต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนกระดูกศักดิ์สิทธิ์ให้ข้า ข้าจะให้คนในครอบครัวของข้าส่งหยกจันทราเยือกแข็งให้ท่าน”
หลิงตู้ฉิงถามกลับ “ตระกูลของเจ้าสามารถส่งมอบมันให้ข้าได้ภายใน 3 ปี รึเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำถามเช่นนี้ หานซ่งหยวนตอบกลับด้วยสีหน้าที่บูดเบี้ยว “ข้าเกรงว่าจะไม่ได้…”
ปัญหามันไม่ใช่แค่เพียงระยะเวลาในการส่งมาเท่านั้น แต่เขายังต้องกลับไปอธิบายให้กับตระกูลของเขาฟังก่อนและยังต้องรอการอนุมัติจากเหล่าผู้อาวุโสอีก ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะแน่ใจว่าตระกูลของเขาจะต้องเห็นด้วยแน่ ๆ แต่ระยะเวลาดำเนินการจนกว่าจะแล้วเสร็จมันต้องเกิน 3 ปี แน่นอน
“ถ้าไม่ทัน 3 ปี งั้นเราก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีก” หลิงตู้ฉิงลุกขึ้นยืนและเดินหายเข้าไปในช่องมิติที่ถูกเปิดออก
“หอการค้าเชื่อมสวรรค์ของพวกท่านกำลังทำอะไรกันแน่?” คนของสันเขาทรราชเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า กระดูกศักดิ์สิทธิ์ มีค่ามากกว่า หยกจันทราเยือกแข็ง หลายเท่า เหตุใดราคาที่พวกเราเสนอไปถึงไม่ชนะการประมูล?”
ผู้จัดการประมูลพูดอย่างละมุนละม่อมว่า “นี่เป็นการตัดสินใจของผู้ขาย ทางเราเป็นแค่คนกลางดำเนินการจัดการประมูลให้เท่านั้น ซึ่งสิทธิ์ในการตัดสินใจขายให้กับผู้ใดนั้นผู้ขายคือผู้ที่มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว ยิ่งไปกว่านั้นการประมูลของล้ำค่าเช่นนี้ผู้ขายส่วนใหญ่อาจไม่ได้ใส่ใจในมูลค่าของสิ่งของ แต่ผู้ขายอาจให้ค่าแต่สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดเพียงเท่านั้น”
ทุกคนรู้กฎของหอการค้าเชื่อมสวรรค์สำหรับการประมูลสินค้าล้ำค่าระดับสูง กฎของการประมูลนั้นโดยพื้นฐานแล้วมันคือการแลกเปลี่ยนของซึ่งกันและกัน
ซึ่งไม่ว่าจะมีผู้ใดเสนอเหรียญคริสตัลระดับจักรพรรดิมากเท่าใด พวกเขาก็ไม่สามารถซื้อมันได้ถ้าผู้ขายไม่พอใจ
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องการพบกับนายของเจ้าที่ดูแลที่นี่!” คนจากสันเขาทรราชตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ไม่มีปัญหา แต่ท่านจะต้องรอไปก่อนเช่นกันว่านายของข้าจะตกลงหรือไม่!” ผู้ดูแลการประมูลพูดด้วยท่าทีที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยอง “เอาล่ะท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าการประมูลในครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว!”
หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลการประมูลก็เดินลงจากเวทีและจากไป
ส่วนทางด้านเหล่าผู้คนจากสำนักใหญ่ยังคงรอคอยที่จะได้พบกับนายใหญ่ของหอการค้าเชื่อมสวรรค์แห่งนี้
ขณะนี้ผู้คนของตำหนักเทพเหมันต์ได้มาพบกับหลิงตู้ฉิง ที่ศาลาลอยฟ้าด้านในหอการค้าเชื่อมสวรรค์
หลิงตู้ฉิงมองไปที่คนทั้งสามตรงหน้าและถามว่า “หยกจันทราเยือกแข็ง อยู่ที่ไหน?”
ตรงข้ามกับหลิงตู้ฉิงเป็นคู่สามีภรรยาวัยกลางคนและชายหนุ่มที่มีบุคลิกสง่างามยืนอยู่ด้านหลัง ซึ่งหลิงตู้ฉิงเองก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันหรือเปล่า?
คู่สามีภรรยาวัยกลางคนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ และถามว่า “ท่านเป็นคนที่ขายสิทธิ์หยั่งงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงหยิบกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับออกมาให้ทั้งสามคนดูและพูดว่า “นี่คือกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ซึ่งจะเปิดขึ้นในอีก 15 ปีนับจากนี้ ใน 15 ปีนี้เจ้าจะให้คนของเจ้าติดตามข้าไปก่อนหรือจะทิ้งคริสตัลสื่อสารไว้ให้ข้าติดต่อเจ้าเมื่อถึงเวลาเข้าไปในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก็ได้ แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องให้หยกจันทราเยือกแข็งแก่ข้า และข้าต้องให้พวกเจ้ามอบสิ่งของอื่น ๆ ให้ข้าเพิ่มอีก ส่วนของอื่น ๆ นั้นพวกเจ้าจะมอบมาให้ข้าตอนนี้เลยหรือจะให้กับข้าก่อนที่จะเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับก็ได้เช่นกัน”
หญิงวัยกลางคนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “เราจะส่งคนมาติดตามท่าน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ไม่มีปัญหา แต่ไม่ว่าเจ้าจะส่งใครมา เจ้าต้องเตือนให้คนผู้นั้นต้องปฏิบัติตามกฎของข้าไม่เช่นนั้นถ้าเขาถูกฆ่า อย่าโทษข้าว่าไม่เตือนพวกเจ้าล่วงหน้า”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังหัวเราะขึ้น “ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าเพียงแค่เท่านั้นน่ะนะ!”
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองชายหนุ่ม จากนั้นหันกลับมาและพูดกับคู่สามีภรรยาวัยกลางคน
“เอาล่ะพวกเจ้าจงเอา หยกจันทราเยือกแข็ง ออกมาได้แล้ว ส่วนรายการอื่น ๆ ที่พวกเจ้าต้องให้ข้าจะมี วัสดุระดับสวรรค์ 15 ชิ้น ในบรรดาวัสดุเหล่านั้นจะต้องมีของสามสิ่งที่ข้าต้องการรวมอยู่ด้วยนั่นก็คือ หยกเหมันต์ น้ำค้างผลึกวิญญาณ และหยดน้ำแห่งชีวิต ซึ่งของพวกนี้ข้าคิดว่ามันคงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรกับพวกเจ้าที่เป็นคนของตำหนักเทพเหมันต์หรอก จริงไหม”
เมื่อหลิงตู้ฉิงพูดจบ ร่างของลั่วหยุนปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
ลั่วหยุนยิ้มและพูดว่า “พวกท่านมอบของให้กับเขาเถอะ หอการค้าเชื่อมสวรรค์ของเราจะรับประกันให้เอง พวกท่านไม่ต้องกังวล”
เมื่อเห็นลั่วหยุนปรากฏตัวชาย วัยกลางคนพูดทันทีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโส ลั่วพ่อของข้าเคยพูดถึงท่านมาก่อน!”
“ฮ่าฮ่า ตาเฒ่าปิง ยังสบายดีอยู่รึเปล่า?” ลั่วหยุนถาม
“ท่านผู้อาวุโส พ่อของข้าสบายดีและตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิ” ชายวัยกลางคนรีบพูด
“อืม พ่อของเจ้ายังมีโอกาสมากกว่าข้า” ลั่วหยุนพยักหน้า “เอาล่ะ เจ้าจงเอาของให้เขาซะสิ ไม่เช่นนั้นสิทธิ์นี้อาจจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่นก็เป็นได้นะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายวัยกลางคนก็รีบหยิบหยกจันทราเยือกแข็งออกมาทันที ซึ่งขนาดของมันนั้นเท่ากับกำปั้นของเด็กทารก และในขณะที่เขาหยิบมันออกมาจากแหวนมิติ มวลความชื้นที่อยู่ในอากาศรอบ ๆ มันก็เริ่มจับตัวกันเป็นน้ำแข็งจากความเย็นของมันทันที
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจอุณหภูมิที่เย็นยะเยือก เขารับมันมาอย่างง่าย ๆ และเก็บมันลงไปในแหวนมิติของตนเองและพูดกับลั่วหยุน “ข้าต้องกลับแล้ว เจ้าจงเตรียมตัวทางฝั่งเจ้าให้เร็วที่สุด”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เดินหายเข้าไปในช่องมิติที่ถูกเปิดออก