บทที่ 357 มีดเทพสังหาร
ซือเสี่ยวฮุย และคนอื่น ๆ ที่กำลังชุลมุนกันอยู่เมื่อเห็นภาพเช่นนี้พวกเขาต่างก็หยุดการต่อสู้ลงอย่างช่วยไม่ได้
พวกเขาได้รับคำสั่งจากลั่วหยุนมาก่อนหน้านี้แล้วว่า หน้าที่ของพวกเขาคือการปะทะกับพวกกู๋เซินหมิงและคนอื่น ๆ ให้อยู่ห่างจากวิญญาณปีศาจ เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้อื่นทำลายร่างกายของมัน
ตอนนี้เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว และวิญญาณปีศาจกำลังจะถูกปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์ พวกเขาจึงต้องระวังวิญญาณปีศาจที่จะปรากฏขึ้นในไม่ช้า
มิฉะนั้นมันจะเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับวิญญาณปีศาจที่มีความแข็งแกร่งขอบเขตจักรพรรดิจะสังหารพวกเขาจนหมดทุกคน
ในเวลานี้ กู๋เซินหมิง เก๋อหงเฟย และคนอื่น ๆ ต่างจ้องมองไปที่ร่างไร้หัวของวิญญาณปีศาจด้วยสายตาเหม่อลอย หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง คนหนุนหลังของพวกเขาเสียชีวิตลงแล้ว แถมฝั่งตรงข้ามยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันอยู่อีกคน พวกเขาจะเอาปัญญาที่ไหนไปต่อต้านได้กัน?
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงมีความขัดข้องอยู่ในใจ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งจักรพรรดิถูกซุ่มโจมตีง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง?
ในขณะเดียวกันจู่ ๆ หลายคนก็ได้ยินเสียงถอนหายใจอันแผ่วเบา “มีดเทพสังหาร…”
แม้ว่าหัวของมันจะถูกตัดออกจากร่างกาย แต่ร่างของมันที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนกล้วยไม้สีดำทมิฬก็ยังนั่งหลังตรงอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะล้มพับลงแม้แต่น้อย
ซึ่งเสียงถอนหายใจอันแผ่วเบานั้นก็มาจากร่างที่ไร้ศีรษะ
จากนั้นร่างสีดำทมิฬก็ค่อย ๆ แยกตัวออกมาจากร่างที่ไร้หัวของลั่วหยุน พร้อมกับที่กล้วยไม้ที่มันนั่งอยู่ก็เริ่มมีกล้วยไม้สีดำทมิฬดอกใหม่แยกตัวออกมาเรื่อย ๆ จนเต็มไปทั่วท้องฟ้า
หลังจากร่างสีดำแยกออกมาโดยสมบูรณ์ บรรยากาศอันน่าสยดสยองก็ปกคลุมไปทั่วเมืองหยูหลันมากกว่าเดิมเป็นหลายร้อยเท่า
แน่นอนว่าร่างสีดำนี้คือร่างกายที่แท้จริงของวิญญาณปีศาจ
วิญญาณปีศาจแสดงท่าทางสูดหายใจลึก จากนั้นมันก็มองไปที่ลั่วหยุนและยิ้ม “ข้าออกมาได้แล้ว!”
ลั่วหยุนยิ้มโดยไม่พูดอะไรสักคำ
การที่วิญญาณปีศาจสามารถออกมาได้นั้นเป็นสิ่งที่หลิงตู้ฉิงได้วางแผนเอาไว้ ดังนั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะตื่นตระหนก
“ข้าออกมาได้แล้ว!” วิญญาณปีศาจพูดซ้ำ
ลั่วหยุนยังคงเงียบ
“ข้าออกมาได้แล้ว!” วิญญาณปีศาจตะโกนย้ำขึ้นอีกเรื่อย ๆ “ข้าออกมาได้แล้ว ข้าออกมาได้แล้ว..!!”
เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดวิญญาณปีศาจก็คำราม “ข้าออกมาแล้ว!!”
คลื่นเสียงของมันดึงกระหึ่มไปทั่วทั้งเมืองหยูหลัน ส่งผลให้ทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตนภาต่างก็หมดสติจากคลื่นกระแทก ส่วนผู้ที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตนภาหลายคนก็ถูกคลื่นเสียงปะทะร่างจนรู้สึกงุนงง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เก๋อหงเฟยและคนอื่น ๆ ซึ่งเดิมอยู่ไม่ไกลจากร่างของวิญญาณปีศาจ ตอนที่วิญญาณปีศาจคำรามพวกเขารู้สึกเสียวสันหลังวาบไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
“เราคิดถูกหรือเปล่าที่ปล่อยเขาออกมา?” กู๋เซินหมิงและคนอื่น ๆ ต่างพึมพำในใจ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาได้ปล่อยผู้อาวุโสออกมาแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก พวกเขาทำได้เพียงแค่พูดด้วยน้ำเสียงเคารพว่า “คารวะท่านผู้อาวุโส พวกเราขอแสดงความยินดีที่ท่านได้ออกมา!”
วิญญาณปีศาจไม่ได้สนใจกับการทักทายของกู๋เซินหมิงและคนอื่น ๆ ดวงตาสีแดงของมันยังคงจ้องมองไปที่ลั่วหยุน
ในที่สุดลั่วหยุนก็พยักหน้าหลังจากเงียบไปนาน “ยินดีด้วยที่ออกมาตาย!”
วิญญาณปีศาจพูดอย่างเย็นชาว่า “เป็นเวลามากกว่า 13,000 ปีแล้ว และข้าก็คิดอยู่เสมอว่าถ้าวันหนึ่งข้าเป็นอิสระอีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอนเหมือนกับที่ข้าทำกับผู้หญิงของเจ้า และตอนนี้ในที่สุดข้าก็ได้ออกมาแล้ว”
ลั่วหยุนยังหัวเราะเยาะว่า “ข้าก็เหมือนกันกับเจ้า ในช่วง 13,532 ปีที่ผ่านมามันไม่มีสักวินาทีที่จะหยุดคิดภาพที่เจ้าตายด้วยน้ำมือของข้า! ซึ่งในที่สุดโอกาสของข้าก็ได้มาถึง ขอแสดงความยินดีที่เจ้าได้ออกมา! ข้าจะส่งเจ้าไปตายเอง!”
หลังจากคำพูดของลั่วหยุน เมืองหยูหลันทั้งเมืองก็ดูเหมือนมี ‘ชีวิต’ พื้นที่ที่อยู่รอบ ๆ บริเวณสระหยูหลันต่างก็ ‘ตั้งขึ้น’ คล้ายกับมีมือขนาดยักษ์พับพวกมันเข้าหาจุดศูนย์กลางคือสระหยูหลัน จนทำให้รูปร่างของเมืองในตอนนี้คล้ายกับกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีรัศมีความกว้างราว 10 กิโลเมตร ส่งผลให้สระหยูหลันตอนนี้ถูกล้อมรอบไปด้วย ‘ถนน’ ‘กำแพง’ และ ‘เรือน’ มากมาย
“รูปแบบจักรกลพิทักษ์เมือง ปราการจักรกลสวรรค์!” วิญญาณปีศาจเน้นคำพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ใช่! มันคือปราการจักรกลสวรรค์!” สีหน้าของลั่วหยุนเปลี่ยนเป็นเยาะเย้ย “เป็นไงบ้างสำหรับการแสดงของข้า? เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าเจ้าสามารถออกมาจากข้างล่างนั่นได้โดยอาศัยแค่พลังของเจ้ากับเหล่าลิ่วล้อของเจ้า? และเจ้าคิดจริง ๆ เหรอหากข้าไม่อนุญาต เจ้าจะสามารถหลุดจากร่างของข้าที่ปิดผนึกเจ้ามานานนับหมื่นปีได้?”
วิญญาณปีศาจหัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วเจ้าคิดว่าหากข้าไม่ยินยอม มีดเทพสังหารเพียงแค่เล่มเดียวจะสามารถตัดร่างกายนี้ได้งั้นเหรอ? ตั้งแต่ที่ข้ากล้าออกมา ข้าก็มีความมั่นใจอยู่แล้ว สุดท้ายแล้วคนที่ตายจะต้องเป็นเจ้าไม่ใช่ข้า! ลงมือได้!”
ตามคำสั่งจากวิญญาณปีศาจ ผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 คนที่ซ่อนตัวอยู่กับฝูงชนก็จู่โจมพร้อมกันไปที่เรือนของหลิงตู้ฉิง
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ 2 คน ระดับนักบุญ 5 คน และที่เหลือล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำ พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในขอบเขตสวรรค์ทั้งสิ้น
สำหรับวิญญาณปีศาจ ขณะนี้มันก็ได้ชี้นิ้วไปที่หลิงตู้ฉิง ส่งผลให้พื้นที่บริเวณรอบกายหลิงตู้ฉิงเริ่มบิดเบี้ยวจากอำนาจการกดทับของพลังที่มันปลดปล่อยออกมา เพื่อบดหลิงตู้ฉิงให้กลายเป็นฝุ่นผง
จากรูปการณ์ วิญญาณปีศาจรู้ถึงการมีอยู่ของหลิงตู้ฉิงมานานแล้ว แต่มันกลับแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
“มันคือคนที่เจ้าพึ่งพาใช่ไหม?” ปีศาจวิญญาณหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ความเป็นไปในเมืองหยูหลัน! ก่อนหน้านี้เมืองทั้งเมืองก็ตกอยู่ภายใต้การสังเกตการณ์ของข้าเช่นกัน ข้ารู้ว่าคนผู้นี้คิดกลอุบายมากมายจนถึงขนาดเสียเวลาฝึกฝนคนจำนวนมากเพื่อมาจัดการกับข้า แต่น่าเสียดายที่ระดับการบ่มเพาะของมันอ่อนแอเกินไป ความแข็งแกร่งของข้าเหนือกว่าเป็นล้านล้านเท่าของมัน ข้าสามารถฆ่ามันได้อย่างง่ายดายในทันที…”
เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของวิญญาณปีศาจหยุดลงเพราะเมื่อมันสัมผัสได้ว่าเจตจำนงที่มันใช้ออกไปเพื่อสั่นคลอนกฎของโลกให้สังหารหลิงตู้ฉิงกลับไร้ประโยชน์ ภาพที่เกิดขึ้นมันมีเพียงแค่พื้นที่บริเวณรอบ ๆ กายของเขาเกิดการบิดเบี้ยวและสั่นสะเทือน แต่ร่างกายของเขากลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกัน หลิงตู้ฉิงยังคงยืนอยู่ที่นั่นและมองมาที่มันด้วยรอยยิ้ม
ในเวลาเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 คนที่โจมตีเรือนของหลิงตู้ฉิงต่างก็ถูกเหล่ากระบี่ที่บินออกจากเรือนกดข่มเอาไว้ จนพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะโจมตีต่อ
“เป็นไปไม่ได้!” วิญญาณปีศาจร้องขึ้นและชี้นิ้วไปที่หลิงตู้ฉิงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคราวนี้พลังแสงสีดำพุ่งเข้าใส่หลิงตู้ฉิงทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อพลังแสงสีดำพุ่งมาถึงหลิงตู้ฉิง สิ่งที่เหลืออยู่เบื้องหลังก็คือภาพมายาของร่างหลิงตู้ฉิงที่ถูกสลายหายไปกับอากาศ ส่วนร่างจริงของหลิงตู้ฉิงนั้นได้ไปโผล่ออกมาจากหลุมมิติที่ถูกเปิดขึ้นอยู่บนท้องฟ้า
“ลงมือได้แล้ว!” หลิงตู้ฉิงพูดกับเหวินลู่หยานและคนอื่น ๆ “พวกเจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่มีนิสัยชอบสังหารคนของตัวเอง ถ้าข้าอยากจะสังหาร ข้าจะไม่เสียเวลาฝึกพวกเจ้าอยู่หลายปีแบบที่ผ่านมา ทั้งหมดที่พวกเจ้าต้องทำก็คือลงมือตามที่ข้าสั่งและเมื่อเรื่องนี้จบลง ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าจะต้องมีความสุขกับรางวัลที่จะได้รับอย่างแน่นอน”
แม้ว่าเหวินลู่หยานจะรู้สึกประหม่า แต่หัวใจของนางก็สงบลงอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง จากนั้นผู้คนมากกว่า 4,000 คนได้เดินออกมาจากมิติที่อยู่ในมหาค่ายกล
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงส่งข้อความทางโทรจิตไปหาลั่วหยุนทันที “สกัดขุมกำลังอื่น ๆ เอาไว้ จากนั้นที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
หลังจากสื่อสารกับลั่วหยุนแล้ว เขาก็สั่งเสี่ยวเยว่เฟิงและโม่เอ๋อทันที “เปิดใช้งานอสูรกลืนวิญญาณ และวัวอัสนี!”