เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง ความโกรธของตงฟางจุนและซือกงจิ้งก็พุ่งพรวดจนหัวแทบระเบิดทันที
แน่นอนเพราะว่าตอนนี้พวกเขาได้เจอกับตัวการที่เป็นบ่อเกิดของความทรมานก่อนหน้านี้ของพวกเขาแล้ว
พวกเขาทั้งคู่เคยสาบานไว้ว่าหากพวกเขาพบกับคนที่ต้นเหตุให้พวกเขาต้องเผชิญกับเรื่องราวสุดโหดที่พวกเขาได้เผชิญมา พวกเขาจะต้องแก้แค้นคนผู้นั้นให้สาสมให้ได้ แล้วตอนนี้คนที่เป็นต้นเหตุก็ได้มาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว!
“แม้ว่ามันจะเป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้าสำเร็จร่างกระบี่ แต่ข้าก็ยังจะอัดเจ้าอยู่ดีให้สาสมกับความทรมานของข้า!” ตงฟางจุนคำราม
“เจ้าก็ต้องโดนข้าอัดด้วยเหมือนกัน!” ซือกงจิ้งตะโกน “เจ้ารู้ไหมว่า จากการกระทำของเจ้าถึงแม้ว่าข้าจะออกจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับไปแล้วข้าก็ยังคงจะต้องถูกไล่ล่าโดยหญิงบ้าคลั่งพวกนั้น เอาล่ะ จงอยู่เฉย ๆ ยอมรับการลงทัณฑ์จากพวกข้าซะ!”
หลังจากทั้งสองคนตะโกนโวยวายจบ ปราณกระบี่สองสายก็ออกมาจากร่างของตงฟางจุนและพุ่งไปทางหลิงตู้ฉิงทันที ส่วนทางด้านของซือกงจิ้ง ร่างของเขาได้หายวับเหลือไว้แต่ภาพติดตา ในขณะที่ร่างจริงของเขาได้พุ่งเข้าหาหลิงตู้ฉิงเป็นที่เรียบร้อย
หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขายกมือขึ้นปรามหลิงเทียนหยุน มี่ไลและคนอื่น ๆ ที่ต้องการจะเข้าร่วมการต่อสู้
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของชายสองคน สีหน้าของหลิงตู้ฉิงนั้นไม่มีท่าทีว่าจะทุกข์ร้อนใด ๆ
เมื่อกระบี่จากร่างของตงฟางจุนฟันลงบนร่างของหลิงตู้ฉิง มันก็เหมือนกับหินที่ถูกโยนลงไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เมื่อมันหายเข้าไปในร่างกายของหลิงตู้ฉิงมันไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับเขาเลย แถมดูเหมือนว่ามันจะถูกดูดซับเข้าไปกลายเป็นของหลิงตู้ฉิงอีกต่างหาก
หลังจากปราณกระบี่ทั้งสองสายเข้าสู่ร่างกายของหลิงตู้ฉิง จากนั้นที่ร่างของเขาก็มีปราณกระบี่จำนวนมากโผล่ออกมาจนทำให้ตัวของเขานั้นคล้ายกับเม่นไม่มีผิด
ซือกงจิ้งที่กำลังพุ่งเข้าหาหลิงตู้ฉิง เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้เขาก็ร้องออกมาด้วยคามตกใจพร้อมกับหยุดการเคลื่อนไหวกลางคัน และรีบถอยห่างจากหลิงตู้ฉิงทันที
ถ้าเขาลงมือในเวลานี้มันก็เหมือนกับการโยนตัวเองเข้าสู่คมกระบี่ ซึ่งมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะทำเช่นนั้น
เมื่อเห็นฉากนี้ทั้งคู่ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง
“นี่เจ้าสำเร็จร่างกระบี่ด้วยงั้นเหรอ?” ตงฟางจุนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “เจ้าคิดว่ามีแต่ร่างกระบี่เท่านั้นเหรอที่ทำแบบนี้ได้?”
ในขณะที่เขาพูด ปราณกระบี่ทั้งหลายก็ถูกถอนกลับเข้าสู่ร่างกายของเขาจนหมดจด
“ถ้าเจ้าไม่มีร่างกระบี่ แล้วเจ้าสามารถรับปราณกระบี่อย่างง่ายดายแบบนั้นได้ยังไง?” ตงฟางจุนมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างแปลกประหลาด และเริ่มขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางอย่างได้และชี้ไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความตกใจและตื่นเต้น “หรือว่าเจ้าใช้เร้นคมกระบี่?”
ซือกงจิ้งที่ฟังอยู่ข้าง ๆ ก็ถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง “อะไรคือ เร้นคมกระบี่?”
“มันเป็น เร้นคมกระบี่ อย่างแน่นอน เพียงแค่ฝึกมันให้สำเร็จถึงในขั้นรวบคมกระบี่ได้ มันก็สามารถที่จะดูดซับปราณกระบี่ทุกประเภทเข้ามาไว้ในร่างกายได้!” ตงฟางจุนพูดในขณะที่ตัวสั่น “ใช่แล้ว ข้ามั่นใจว่ามันคือ เร้นคมกระบี่!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “สายตาของเจ้าไม่เลว ถูกต้องมันคือ เร้นคมกระบี่! ต้องการเรียนรู้มันรึเปล่า?”
ตงฟางจุนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาปรารถนาและพูดว่า “เจ้าจะถ่ายทอดมันให้กับข้างั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าเจ้าทำงานให้ข้า ข้าจะสอนเร้นคมกระบี่ให้เจ้า!”
ตงฟางจุนกลอกตาไปมาสักพักก่อนที่จะพูดว่า “ข้ามีร่างกระบี่แล้ว ซึ่งความสามารถของมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเร้นคมกระบี่สักเท่าไหร่ ดังนั้นเร้นคมกระบี่จึงไม่สำคัญสำหรับข้า นอกจากนี้ก่อนหน้านี้เจ้าได้ทำร้ายข้าโดยการโยนข้าเข้าไปในป่ากระบี่ ถ้าไม่ใช่เพราะข้าโชคดี ข้าคงถูกเจ้าสังหารทางอ้อมไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าจะต้องถ่ายทอดเร้นคมกระบี่ให้กับข้าเพื่อเป็นการชดเชย!”
หลิงตู้ฉิงที่ได้ยินเช่นนี้ถึงกับปากกระตุก จากนั้นเขาตอบกลับว่า “ไอ้หนู! เจ้านี่มันไม่รู้จริง ๆ ว่าอะไรดีสำหรับเจ้า ก่อนหน้านี้ข้าพบว่าเจ้ามาจากสำนักวิญญาณกระบี่แถมยังได้รับการถ่ายทอดวิชากระบี่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นข้าจึงโยนเจ้าเข้าไปในป่ากระบี่ เพื่อทำให้ร่างของเจ้ากลายเป็นร่างกระบี่ ซึ่งถ้าหากเป็นคนอื่นข้าคงไม่โยนพวกเขาเข้าไปเนื่องจากว่าพวกเขาคงจะต้องตายจากปราณกระบี่ที่อยู่ข้างในนั้น! แต่ถ้าเป็นสำหรับพวกเจ้าชาวสำนักวิญญาณกระบี่ ข้อเสียเดียวที่พวกเจ้าจะได้รับก็คือการต้องทนทุกข์ทรมานเพียงเล็กน้อย แต่ผลประโยชน์ที่เจ้าได้รับมันกลับมหาศาลถึงขนาดนี้แล้วนี่เจ้ายังกล้าจะต่อรองกับข้าอีกงั้นเหรอ?”
“ทำไมมันดูเหมือนว่าเจ้าคุ้นเคยกับสำนักวิญญาณกระบี่ของข้า?” ตงฟางจุนพูดขึ้นด้วยสีหน้าระแวง
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว แล้วจากนั้นเขาโบกมือไปทางตงฟางจุน ส่งผลทำให้กระบี่ในมือของตงฟางจุนพุ่งลอยมาหาหลิงตู้ฉิงอย่างว่าง่าย ซึ่งทำให้ตงฟางจุนตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ เขาก็ได้รู้ว่าถ้าคนตรงหน้าต้องการฆ่าเขา เขาก็คงไม่มีวันได้มายืนเถียงฉอด ๆ อยู่ตรงนี้นานแล้ว
หลิงตู้ฉิงถือกระบี่ของตงฟางจุนอยู่ในมือ จากนั้นเขาเพ่งพินิจมองที่มันและพยักหน้าและพูดว่า “กระบี่เล่มนี้ไม่ได้รับความเสียหาย แม้ว่ามันจะถูกปราณกระบี่ในป่ากระบี่ปะทะอยู่นับหมื่นครั้ง ดูเหมือนว่าข้าคงสามารถปรับปรุงคุณภาพของมันได้เพิ่มขึ้นอีก ไอ้หนู เจ้าดูให้ดีล่ะ…”
หลังจากพูดจบ บนร่างของหลิงตู้ฉิงก็ปรากฏเงาของกระบี่หลายเล่มขึ้น และร่างเงาของกระบี่เหล่านั้นก็พุ่งเข้าไปหลอมรวมกับกระบี่ของตงฟางจุน
“หนึ่ง สอง สาม…แปด กระบี่แปดเล่ม!” ตงฟางจุนพึมพำโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเสร็จขั้นตอน หลิงตู้ฉิงจึงสลายร่างเงาของกระบี่โดยการโบกมือขึ้นอย่างสบาย ๆ จากนั้นเขาจึงโยนกระบี่คืนให้กับตงฟางจุน
ตงฟางจุนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความงุนงง ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงและพูดเสียงดัง “สำนักวิญญาณกระบี่ ตงฟางจุนคารวะท่านบรรพบุรุษ!”
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าบรรพบุรุษท่านไหนกลับมาเกิด แต่เขาก็แน่ใจว่าชายผู้นี้จะต้องเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของสำนักวิญญาณกระบี่ของเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถสำแดงทักษะวิญญาณกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ของสำนักวิญญาณกระบี่ได้
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าไม่ใช่!”
ตงฟางจุนพูดด้วยสีหน้ามึนงง “แล้วทำไมท่านถึงรู้วิชาวิญญาณกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ของเรา?”
หลิงตู้ฉิงไม่ตอบ แต่เขากลับถามว่า “เอาล่ะตอนนี้เจ้าจะทำข้อตกลงกับข้าได้รึยัง? ถ้าเจ้าตกลง ข้าจะถ่ายทอดเร้นคมกระบี่ให้เจ้าแลกกับการที่เจ้าต้องช่วยข้า”
ตงฟางจุนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับตบดินที่หัวเข่าและถามว่า “แต่เร้นคมกระบี่นั้นไม่ได้มีประโยชน์กับข้ามากนัก! ผู้อาวุโสทำไมท่านไม่ให้รูปแบบกระบี่อื่นแก่ข้า ถ้าท่านรู้วิชาเร้นคมกระบี่ งั้นก็แสดงว่าท่านต้องรู้วิชากระบี่อื่น ๆ อีกด้วยแน่นอน ทำไมท่านถึงไม่ถ่ายทอดวิชาอื่นให้กับข้าแทน?”
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่ตงฟางจุนและพูดว่า “งั้นทำสองอย่างให้ข้า แล้วข้าจะถ่ายทอดเร้นคมกระบี่ และเผยคมสะบั้นให้เจ้า! ซึ่งสิ่งแรกที่เจ้าต้องทำให้ข้าก็คือ เมื่อเราไปที่บ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิต เจ้าจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการไล่ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ บ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตออกไป สิ่งที่สองที่ข้าต้องการให้เจ้าทำคือใช้กำลังทั้งหมดของเจ้าทำลายกำแพงที่กั้นระหว่างขอบเขตโลกใบเล็กนี้ให้ข้าได้ออกไป”
“ท่านอยากไปที่โลกของขอบเขตรวมแสงดารางั้นเหรอ?” ตงฟางจุนถามด้วยความประหลาดใจ
“เอาล่ะ นั่นคือเงื่อนไขของข้า เจ้าจะทำรึเปล่า?” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
“ทำ ข้าจะทำ!” ตงฟางจุนพยักหน้า “อันที่จริงข้าสามารถทำอย่างอื่นให้ท่านได้อีกนะถ้าท่านต้องการ ข้าขอแค่ให้ท่านถ่ายทอดวิชากระบี่เผาผลาญให้ข้าเพิ่มก็พอ แต่ถ้าท่านถ่ายทอดวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ให้กับข้าแล้วล่ะก็ ข้าจะนับให้ท่านเป็นพ่อของข้าอีกคนเลยเป็นไง?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “อย่าทดสอบข้า ข้ารู้วิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ แต่ข้าไม่ต้องการถ่ายทอดให้เจ้า เอาล่ะ ไปที่บ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตกันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะจากไป ซือกงจิ้งก็ถูกมือของเขาและเอ่ยขึ้นว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าเองก็ต้องทนทุกข์เพราะท่านเช่นกัน แต่ข้าก็ไม่บ่นหรอกนะถ้าท่านจะใช้งานข้า ว่าแต่ท่านพอจะมีอะไรที่พอจะถ่ายทอดให้ข้าได้บ้างไหม?”
“ไม่มี” หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและเดินนำไปทันที มี่ไลและคนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่ตงฟางจุนและซือกงจิ้งด้วยสายตาแปลกประหลาด ก่อนที่พวกเขาจะรีบเดินตามหลิงตู้ฉิงไป
จากท่าทีของหลิงตู้ฉิงที่มีต่อตงฟางจุนและซือกงจิ้ง พวกเขาสามารถมองเห็นได้ถึงความสัมพันธ์อะไรบางอย่าง
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงเดินนำไปแล้ว ตงฟางจุนก็รีบวิ่งตามไปโดยไม่สนใจความหดหู่ของซือกงจิ้ง เมื่อเขาวิ่งตามทันหลิงตู้ฉิง เขาสิ่งยิ้มและพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ว่าแต่ท่านจะถ่ายทอดวิชากระบี่เหล่านั้นให้ข้าเมื่อไหร่ดี?”
หลิงตู้ฉิงเหลือบไปมองและพูดขึ้นว่า “งั้นข้าจะถ่ายทอดให้เจ้าในตอนนี้นี่แหละ เจ้าจะได้ใช้มันจัดการกับคนที่อยู่บริเวณบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิตได้ทันทีเมื่อเราไปถึง”
เมื่อพูดจบ เขาจึงหยุดเดินและจากนั้นจึงเริ่มถ่ายทอดเร้นคมกระบี่และเผยคมสะบั้นให้กับตงฟางจุน
เมื่อได้รับการถ่ายทอดจนครบ ตงฟางจุนก็ทบทวนวิชาที่เพิ่งได้รับการถ่ายทอดมาในระหว่างที่เขาก็เดินตามหลิงตู้ฉิงไปยังบ่อน้ำต้นกำเนิดชีวิต ซึ่งซือกงจิ้งที่เห็นภาพทั้งหมดเขาก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความหดหู่