ทั้งสามคนที่รออยู่นอกดาวจันทรา ต่างก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกัน
เมื่อพูดถึงสถานะ หวงเซียะเป็นองค์หญิงของภูเขาฟีนิกซ์ อี้ลั่วเอ๋อก็เป็นองค์หญิงของเผ่าภูตนางฟ้า ซึ่งหากดูจากผิวเผินแล้วสถานะของหลิงเทียนหยุน จึงดูต่ำกว่าเล็กน้อย แต่เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับสถานะของทั้งสองคนตรงหน้าเขาแม้แต่น้อย
เนื่องจากภายใต้การสั่งสอนและอิทธิพลของหลิงตู้ฉิง หลิงเทียนหยุนจึงค่อนข้างเป็นคนที่มีความหยิ่งทะนงในตัวเอง
องค์หญิงคนหนึ่งเป็นสาวใช้ของพ่อของเขา ส่วนอีกคนก็ดุเหมือนจะเป็นชนรุ่นหลังของพ่อ เขาจะต้องไปให้ความเคารพอะไรกับพวกนางกัน?
สำหรับหวงเซียะ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานางได้ถูกคนเหล่านี้สอนบทเรียนอันหนักหน่วงให้แก่นาง นางจึงทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับพวกเขาดี
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงได้แต่ยืนเงียบไม่รู้จะพูดคุยอะไรกัน
ในพริบตาครึ่งเดือนผ่านไป หลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิงก็ยังไม่ออกมา และในที่สุดหวงเซียะก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ออกมา? หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขารึเปล่า?”
อี้ลั่วเอ๋อยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ไม่มีทางที่พวกเขาจะเจอปัญหาใด ๆ แน่นอน”
หวงเซียะโต้กลับ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาสบายดี?”
อี้ลั่วเอ๋อพูดอย่างยิ้มแย้ม “นายท่านสามารถใช้พลังของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อผนึกเจ้าเอาไว้ที่นี่ได้ ดังนั้นมันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวงเซียะก็เงียบไปแต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถามว่า “ดูเหมือนเจ้าจะเป็นภูตนางฟ้าใช่ไหม เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร?”
“ข้าถูกจับไปขาย แล้วนายท่านก็ซื้อมา” อี้ลั่วเอ๋อพูดโดยไม่ลังเล “นับตั้งแต่นั้นมาข้าก็ติดตามอยู่ข้าง ๆ กายเขา คอยรับใช้เขา”
“มีคนกล้าจับภูตนางฟ้าไปขาย?” หวงเซียะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ
อี้ลั่วเอ๋อหน้ามุ่ย “พวกเขาไม่กล้าทำร้ายข้าเพราะข้ายังคงเป็นองค์หญิงแห่งเผ่าภูตนางฟ้า แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่กล้าจับตัวข้าไปขาย! แต่ว่าตอนนี้ข้ารู้สึกขอบคุณพวกเขามาก ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่ได้พบกับนายท่าน”
เมื่อได้ยินว่าอี้ลั่วเอ๋อเป็นองค์หญิงของเผ่าภูตนางฟ้า หวงเซียะก็เงียบลงอีกครั้ง
เมื่อได้ฟังเรื่องราวเช่นนี้ นางคงอยู่ภายใต้ร่มเงาของภูเขาฟีนิกซ์มานานเกินไป
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเผ่าภูตนางฟ้าจะไม่สูงส่งเท่ากับภูเขาฟีนิกซ์ แต่พวกเขาก็ยังเป็นเผ่าที่มีชื่อเสียง
แต่ตอนนี้กลับมีคนที่กล้าจับองค์หญิงของเผ่าไปขาย? นางรู้สึกว่าโลกภายนอกนั้นอันตรายกว่าที่คิด
นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนที่มีชื่อเดียวกับนาง เพียง 200 ปีก็สามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญได้ ความสามารถแบบนั้นคืออะไรกัน? ส่วนนางล่ะ?
นางแอบถอนหายใจ จากนั้นนางหันกลับไปมองที่หลิงเทียนหยุน และถามว่า “แล้วเจ้าล่ะเจ้าเป็นใคร? ชื่ออะไร? เจ้าเป็นอะไรกับเขา?”
หลิงเทียนหยุนยิ้มและตอบกลับ “นั่นคือพ่อของข้า ข้าชื่อหลิงเทียนหยุน!”
“แล้วพ่อของเจ้าชื่ออะไร?” หวงเซียะถาม
หลิงเทียนหยุนบอกเพียงชื่อของหลิงตู้ฉิงแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
เขารู้สึกได้ว่าหลิงตู้ฉิงแลดูมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับหวงเซียะ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบนางสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังคงตอบคำถามของหวงเซียะ
หวงเซียะบินไปที่ด้านข้างของหลิงเทียนหยุนและมองไปที่ ‘ปีก’ ที่ด้านหลังของหลิงเทียนหยุนอย่างสงสัยและถามว่า “พวกเจ้าใช้สิ่งนี้เพื่อบินใช่ไหม? พวกเจ้ามาจากโลกขอบเขตประสานทะเลปราณใช่ไหม ทำไมเจ้าถึงไม่บรรลุระดับไปยังขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 13 ในโลกนั้น?”
หลิงเทียนหยุนเหลือบมองไปที่หวงเซียะ และพูดว่า “ใช่ เรามาจากโลกขอบเขตประสานทะเลปราณ ส่วนการบรรลุระดับนั้น ข้าต้องการสร้างรากฐานระดับ 12 ให้มั่นคงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ซะก่อน ข้าถึงจะค่อยก้าวไปสู่ระดับถัดไป”
แน่นอนว่าเขามีความสามารถในการบรรลุระดับ แต่เขายังคงต้องการที่จะบ่มเพาะระดับที่สิบสองของเขาให้มั่นคงเสียก่อน
สำหรับความแข็งแกร่งของเขา บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราธรรมดา ๆ ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาขาดคืออาวุธที่เหมาะสม หากเขามีอาวุธที่เหมาะสมนับประสาอะไรกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารา แม้แต่คนที่อยู่ในขอบเขตนภาหากเจอกับเขาและไม่ระวังตัวให้ดีก็อาจถูกเขาฆ่าตายได้ง่าย ๆ
อาวุธที่เหมาะกับเขานั้นหายากเกินไป ถ้าเขาใช้อาวุธธรรมดามันจะเปิดเผยตัวตนของเขา เพราะร่างเงาของเขานั้นสามารถซ่อนตัวจากสายตาของผู้อื่นได้ แต่มันไม่สามารถซ่อนอาวุธธรรมดา ๆ ไปด้วยกับมันได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยังไม่มีอาวุธจนถึงตอนนี้
“น่าประทับใจจริง ๆ!” หวงเซียะพูดชม “อ๋อใช่ แล้วพวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน เมื่อเราออกไปจากที่นี่ข้าจะไปหาพวกเจ้า!”
หลิงเทียนหยุนเหลือบมองไปที่หวงเซียะ และพูดว่า “คำถามนี้เจ้าควรจะรอถามพ่อของข้าเองจะดีกว่า”
“เอางั้นก็ได้” หวงเซียะบุ้ยปาก “แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาจะออกมาเมื่อไหร่นี่นา”
“จงรอต่อไปก็พอ” หลิงเทียนหยุน และอี้ลั่วเอ๋อตอบ
ในสถานการณ์เช่นนี้ทั้งสามจึงได้แต่รอต่อไป
ในเวลานี้บนดาวจันทรา หลิงตู้ฉิงได้นำหินจันทราศักดิ์สิทธิ์ ธุลีแห่งดาวสุริยะเทพและหยกวิญญาณแสงศักดิ์สิทธิ์ ออกมาลอยอยู่ตรงหน้าและพูดกับเยว่ชิงเฉิง “ใช้พลังจันทราศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเพื่อผสมวัสดุเหล่านี้เข้าด้วยกัน”
ในเวลาเดียวกัน เขาได้ใช้พลังของดาวจันทราก่อให้เกิดเปลวเพลิงสีขาวซีด ลนอยู่ใต้วัสดุทั้งสาม แม้ว่าจะเป็นเปลวเพลิง แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่มีอุณหภูมิใด ๆ แต่ในทางกลับกันมันกลับทำให้รู้สึกเหมือนว่ากำลังจะทำให้ร่างกายของเขาแข็งตัว
สำหรับเย่ชิงเฉิง นางได้หลอมรวมวัสดุเข้าด้วยกันอย่างช้า ๆ ตามคำแนะนำของหลิงตู้ฉิงโดยใช้พลังจากวิชามหาจันทราศักดิ์สิทธิ์ที่นางได้รับการถ่ายทอดมา
หลังจากนั้นภายใต้ผลของเปลวไฟสีขาวซีดและพลังของนาง วัสดุทั้งสามที่อยู่ตรงหน้านางก็หลอมรวมเข้ากันอย่างช้า ๆ
หลังจากนั้นไม่มีใครรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ กระจกประหลาดก็ปรากฏขึ้น บนพื้นผิวของกระจกมีแสงสีขาวเงินที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาบางครั้งมันก็เปล่งแสงแปลก ๆ ออกมาและบางครั้งมันก็มืดมิดลงไร้ซึ่งแสงใด ๆ
“เอาล่ะในที่สุดมันก็สำเร็จซะที!” หลิงตู้ฉิงยิ้มให้เย่ชิงเฉิง
เย่ชิงเฉิงยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับความพยายามของท่าน สามีของข้า!”
ใบหน้าของหลิงตู้ฉิงมีร่องรอยของความพึงพอใจ ในขณะที่เขาพูดว่า “แต่เดิมข้าคิดว่ามีคงมีเพียง คันฉ่องจันทราสวรรค์ เท่านั้นที่ข้าสามารถสร้างให้กับเจ้าได้ ไม่นึกจริง ๆ ว่าต่อมาเราจะได้รับหยกวิญญาณแสงศักดิ์สิทธิ์มาโดยบังเอิญอีก มันเป็นความโชคดีจากความบังเอิญของเจ้าจริง ๆ ที่มันทำให้เรามีวัสดุเพียงพอที่จะสร้าง คันฉ่องสวรรค์หยินหยาง ขึ้นมาได้แบบนี้ ด้วยเจตจำนงหยินหยางที่อยู่ในมัน มันจะทำให้อนาคตการบ่มเพาะของเจ้าราบรื่นขึ้นไปได้อีกมาก”
เยว่ชิงเฉิงลูบคันฉ่องสวรรค์หยินหยางไปมา ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงเจตจำนงหยินหยางที่อยู่ในมัน นางพูดกับหลิงตู้ฉิงอย่างมีความสุขว่า “สามี ข้ารู้สึกถึงหยินหยางได้จริง ๆ ด้วย!”
เมื่อพูดจบนางก็หอมแก้มหลิงตู้ฉิงอย่างมีความสุข
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ ต่อจากนี้เจ้าก็จงฝึกฝนอยู่ที่นี่ด้วย เมื่อเจ้ามีคันฉ่องสวรรค์หยินหยางแล้วมันจะง่ายขึ้นมากสำหรับเจ้าในการฝึกฝนวิชามหาจันทราศักดิ์สิทธิ์ ส่วนข้าจะพาพวกเขาที่เหลือไปหาที่ที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา เอาล่ะข้าไปก่อนละนะ”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” เยว่ชิงเฉิงยิ้มและพยักหน้า
แม้ว่าสมบัติแห่งชะตาชีวิตของนางจะถูกสร้างขึ้นแล้ว แต่นางก็ยังคงต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเส้นทางของนางในอนาคต
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงลุกขึ้นยืนและจากไปแล้ว นางก็ควบคุมคันฉ่องสวรรค์หยินหยางให้ดูดซับพลังของดาวจันทราเข้ามาหลอมรวมเข้ากับร่างกายของนาง รวมไปถึงเชื่อมโยงร่างกายของนางให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับดาวจันทรา
หากใครต้องการซุ่มโจมตีนาง อย่างน้อยพลังของพวกเขาก็ต้องเหนือกว่าพลังของดาวจันทราทั้งดวง ซึ่งมันก็แทบจะไม่มีคนไหนที่อยู่ในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับที่แข็งแกร่งพอจะมีพลังขนาดนั้นได้