บทที่ 73 หนึ่งกระบวนท่า[รีไรท์]
บทที่ 73 หนึ่งกระบวนท่า[รีไรท์]
ตอนนี้นักฆ่าได้เดินเข้ามาถึงระยะ 30 เมตรก่อนถึงตัวหลิงตู้ฉิงและกงหยูแล้ว
นักฆ่าผู้นี้คือ ฟูเจิน ผู้เชี่ยวชาญที่ตระกูลเจิ้นส่งมา
ฟูเจิน คือนักฆ่าที่อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 7 เขามั่นใจว่าภายในเมืองฟินิกซ์หากเขาลงมือโอกาสรอดของเป้าหมายแทบเป็นศูนย์หรือต่อให้เขาไม่สามารถสังหารเป้าหมายได้ เขาก็ยังสามารถเอาตัวรอดหนีได้อยู่ดี ต่อให้เขาจะต้องเผชิญหน้ากับเจ้าเมืองฟินิกซ์ หยิงหวูเจี้ยง ผู้อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 9 เขาก็ยังไม่หวาดกลัว
จากระยะที่เขายืนอยู่ เขาได้ยินบทสนทนาของหลิงตู้ฉิงกับกงหยูอย่างชัดเจน “พวกแก…”
น่าเสียดาย ไม่ทันที่ฟูเจินจะได้พูดจนจบประโยค จู่ ๆ แรงกดดันอันมหาศาลได้พวยพุ่งมากดทับร่างเขาจนไม่สามารถขยับได้ พร้อมกับที่เขาได้ยินเสียงชายชราผู้หนึ่งลอยเข้าหู
“นายท่านสั่งมาว่าไม่ต้องการเสียเวลาเสวนากับเจ้า เจ้าตายไปได้แล้ว…”
ฟูเจินที่เหงื่อแตกพลั่กพยายามก้าวขาถอย “เจ้ากล้าฆ่าข้าเหรอ เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”
เมื่อเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลขนาดนี้ฟูเจินรู้ทันทีว่าเขาไม่มีวันต่อต้านผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ตรงหน้าได้แน่นอน เขาพยายามถอยหนีอย่างสุดชีวิต
เมื่อเห็นว่าฟูเจินกำลังจะหลุดจากแรงกดดันที่ปล่อยออก กงหยูรีบพุ่งเข้าไปหาฟูเจินด้วยความเร็วที่ตาแทบมองไม่ทัน เพียงพริบตาเดียวกงหยูเข้าประชิดตัวฟูเจินในระยะสังหาร เขาง้างหมัดขึ้นและต่อยเข้าไปที่อกฟูเจินทันที
ด้วยแรงกระแทกของกงหยู ฟูเจินตัวลอยละลิ่วไปถึง 80 เมตรก่อนจะหล่นลงบนถนน กงหยูไม่แม้แต่จะหันกลับมามองผลงานตัวเอง ซึ่งแน่นอนผลลัพท์คือวิญญาณได้หลุดออกไปจากร่างฟูเจินเรียบร้อย
เขาเดินกลับไปหาหลิงตู้ฉิงและรายงาน “นายท่าน ข้าจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว หวังว่าข้าคงไม่ทำให้นายท่านรอนาน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยความพอใจ “รวดเร็วดีมาก”
กงหยูเมื่อได้รับคำชมเขายิ้มและพูดต่อ “นายท่าน กระบวนท่าที่ข้าใช้เมื่อครู่นั้น เป็นกระบวนท่าที่พ่อของท่านสอนให้ข้าเมื่อในอดีตหากรวมกับความต่างระดับของพลัง ถ้าข้าไม่สามารถสังหารเขาได้ภายในกระบวนท่าเดียว ข้าคงไม่มีหน้าไปสู้กับพ่อของท่านแน่นอน”
กงหยูกล่าวต่อ “นายท่าน ข้าขอเสียมารยาทแนะนำอะไรท่านสักเล็กน้อย ข้ารู้สึกว่าบรรดาผู้คุ้มกันที่เรือนในตอนนี้ค่อนข้างจะอ่อนแออยู่สักหน่อย ข้าคิดว่าเราควรจ้างผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งกว่านี้มาปกป้องเรือนหลิง เพื่อเสริมความปลอดภัยให้กับลูก ๆ ของท่านมากขึ้น”
“ไม่ต้องเป็นกังวล ตราบใดที่พวกเขาอยู่ในบริเวณเรือน พวกเขาจะปลอดภัยแน่นอน!”
กงหยูมองหน้าหลิงตู้ฉิงด้วยความสงสัย เขาไม่รู้เหตุผลในความมั่นใจของหลิงตู้ฉิง แต่เขาก็ไม่กล้าถามอะไรต่อ
ในขณะเดียวกัน แขกที่ไม่ได้รับเชิญจำนวนหนึ่งเริ่มเยื้องกรายเข้าใกล้เรือนหลิงอันเงียบสงบ
กลุ่มแขกที่ไม่ได้รับเชิญประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ 7 คน มี 4 คนอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณ อีก 3 คนอยู่ในขอบเขตควบแน่นลมปราณ
ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดในกลุ่มอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 5 ส่วนระดับที่ต่ำสุดอยู่ในขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 9 ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญหัวกะทิที่เจิ้นฟูเห่าแอบฝึกขึ้นมาอย่างลับ ๆ ที่เมืองฟินิกซ์
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นให้กับลูกชายที่เสียชีวิตไปแล้ว เจิ้นฟูเห่าถึงกับยอมส่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดของเขามาทำภารกิจครั้งนี้ และอีกเหตุผลหนึ่งคือเขาต้องการความแน่ใจว่าภารกิจสังหารจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
เป้าหมายของภารกิจนี้คือการทำให้เรือนหลิงนองไปด้วยเลือดก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะกลับมา เจิ้นฟูเห่าต้องการจะทำให้หลิงตู้ฉิงรู้สึกถึงความสูญเสียบุตรเหมือนที่เขารู้สึก
ในเวลานี้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญตระกูลเจิ้นที่อาศัยความมืดในการอำพรางตัวได้ลอบเข้ามาในเรือนหลิงเรียบร้อยแล้ว
ซ่งเหวินเถาและไร้เงาเป็นสองคนแรกที่รู้สึกถึงตัวตนของผู้บุกรุก พวกเขาทั้งคู่ต่างมีสัญชาตญาณนักฆ่า สัมผัสความรับรู้ของพวกเขาจึงสูงกว่าผู้เชี่ยวชาญธรรมดาทั่วไป
“นั่นใคร!?” ซ่งเหวินเถาตะโกนลั่น เจตนาให้คนอื่น ๆ ในเรือนรู้ตัวว่ามีผู้บุกรุก
หัวหน้ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญตระกูลเจิ้นเมื่อรู้ว่าตัวตนถูกเปิดเผยแล้วจึงตะโกนกลับ “ข้าเป็นคนที่จะมาเอาชีวิตเจ้า!”
หลังจากพูดจบ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญตระกูลเจิ้นจึงเผยตัวตนกระโดดลงมายังลานกลางเรือน
ซ่งเหวินเถาเมื่อเห็นภาพผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณจำนวนมาก เขารู้ทันทีว่าตัวเองรับมือไม่ไหวแน่นอนจึงรีบวิ่งไปหาหลิงยู่ชาน “นายน้อย ท่านสามารถติดต่อนายท่านได้หรือไม่? มีผู้บุกรุกเข้ามาในเรือนตอนนี้ ข้าเกรงว่าข้าคงต้านพวกเขาได้ไม่นาน!”
หลิงยู่ชานเหลือบไปมองบรรดาผู้เชี่ยวชาญตระกูลเจิ้น จากนั้นจึงพูดขึ้น “ไม่ต้องห่วง ท่านพ่อได้มอบสมบัติช่วยชีวิตพวกเราให้ข้าไว้แล้ว!”
หลังจากพูดจบ หลิงยู่ชานหยิบเอาเหรียญตราสีทองออกมา จากนั้นเขาจึงส่งพลังวิญญาณเข้าไป
เมื่อเหรียญตราได้รับพลังวิญญาณ แสงสีทองสว่างจ้าปะทุขึ้นจากเหรียญปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณเรือนหลิง ส่งผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคนที่อยู่ในเรือนหยุดนิ่ง ยกเว้นลูกของหลิงตู้ฉิงทั้ง 7 คนเท่านั้นที่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้เช่นเดิม
หลิงว่านจุนที่เห็นเหตุการณ์ได้ตะโกนขึ้น “พี่ใหญ่ ทุกคนยืนนิ่งกันหมดเลย พวกเราควรไปสังหารพวกเขาเลยไหม?”
หลิงยู่ชานหันกลับไปมองหน้าน้องของตัวเองด้วยสีหน้าระอาใจ “เจ้าจะสังหารพวกเขาได้ยังไง ต่อให้พวกเขาขยับตัวไม่ได้ แต่ระดับของพวกเขาสูงกว่าพวกเรามาก เราสังหารพวกเขาไม่ได้หรอก และถ้าเราไปแตะต้องพวกเขา และเผลอทำให้พวกเขาหลุดจากการควบคุมขึ้นมาเราจะทำยังไง ขืนพวกเขากลับมาขยับได้พวกเราต้องไม่รอดแน่ ๆ”
“งั้นเราจะทำยังไงกันต่อดี?” หลิงว่านเทียนถามขึ้น
“พวกเราทำได้แค่รอ” หลิงยู่ชานพูด “แต่ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหรียญตรานี้จะหยุดการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้นานเท่าไหร่ พวกเราคงได้แค่ภาวนาให้ท่านพ่อกลับมาโดยเร็วและจากนั้นให้ท่านพ่อจัดการกับพวกเขา”
หลิงยี่เทียนที่กำลังมองไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่แข็งค้างได้ส่ายหัวและพูด “งั้นข้าไปนอนก่อนล่ะ”
เมื่อหลิงว่านถิงได้ยินคำพูดของหลิงยี่เทียนจึงพูด “น้องหก จิตใจของเจ้านี่ช่างน่านับถือจริง ๆ เจ้าไม่กลัวว่าหากพวกมันหลุดออกจากการควบคุมได้ พวกมันจะเข้าไปสังหารเจ้าถึงในห้องหรือไง?”
หลิงยี่เทียนกล่าวตอบ “แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่ข้าจะยืนมองพวกมันอยู่อย่างนี้เล่า ในเมื่อเราไม่รู้ว่าพวกมันจะขยับได้อีกครั้งเมื่อไหร่หากท่านพ่อกลับมาทันพวกเราก็รอด หากไม่ทันพวกเราก็ตาย สู้ข้ากลับไปนอนที่ห้องดีกว่า อย่างน้อยถ้าพวกมันเข้ามาฆ่าข้าตอนหลับข้าอาจจะตายโดยไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้”
เมื่อทุกคนฟังหลิงยี่เทียนอธิบายจบพวกเขาต่างพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็พากันแยกย้ายเดินกลับเข้าห้องนอนไป
หลิงว่านถิงที่มองดูบรรดาน้อง ๆ ของนางเดินกลับเข้าไปในห้องทีละคน ๆ นางยิ้มให้หลิงยู่ชานและบอก “พี่ใหญ่ ข้าคิดว่าท่านคงต้องยืนเฝ้าพวกเขาคนเดียวแล้วล่ะ แต่ถ้าท่านวางแผนจะหนีละก็ ท่านช่วยมาปลุกข้าหนีไปด้วยแล้วกันนะ”
พูดจบหลิงว่านถิงจึงเดินกลับเข้าห้องไป ทิ้งไว้แต่หลิงยู่ชานที่ยืนส่ายหัวด้วยความหนักใจ เขากำลังคิดทบทวนถึงความเป็นไปได้ในการพาน้อง ๆ ของเขาหลบหนี หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น