พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) – บทที่ 440 1ต่อ100

บทที่ 440 1ต่อ100

หลงเฉินที่กลายร่างเป็นมนุษย์แล้วยืนอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

แต่ที่เขากังวลหลัก ๆ ก็คือ เขากังวลว่าหลิงตู้ฉิงจะสั่งให้เขาออกไปต่อสู้กับผู้คนจากอาณาจักรหลงซาน หากเป็นเช่นนั้นภายใต้อำนาจของสัญญาที่เขาได้ลงนามลงไป เขาจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้กับบรรดาคนที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเอง

ในขณะเดียวกัน เขาก็กังวลอีกเรื่องเช่นกันว่า หลิงตู้ฉิงและอาณาจักรจันทราจะไม่สามารถเอาชนะฝั่งตรงข้ามได้ ซึ่งด้วยสถานะของเขาตอนนี้ที่เป็นคนลากรถม้าให้หลิงตู้ฉิง เขาเองจะต้องเดือดร้อนไปด้วยแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองไปที่ท่าทีของหลิงตู้ฉิง เขาก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เนื่องจากหลิงตู้ฉิงเองก็ไม่มีท่าทีจะส่งเขาออกไปสู้แม้แต่น้อยถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญขั้นสูงสุดที่มีประโยชน์แน่นอนเมื่อส่งลงสู่สนามรบด้วย

แต่น่าเสียดายที่ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 30 คนของหลงเฉินที่ลงสัญญาว่าจะรับใช้หลิงยี่เทียนนั้นไม่ได้โชคดีแบบหลงเฉิน พวกเขาทั้งหมดต้องออกไปสู้ภายใต้คำสั่งของหลิงยี่เทียนตั้งแต่แรกเริ่ม

ทางด้านของหลงเฉินที่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไร เขาจึงมองไปที่สนามรบเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อเขามองไป เขาเองก็รู้สึกตกตะลึงในความแข็งแกร่งของอาณาจักรจันทรา

หากมองจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าอาณาจักรมังกรทะยานส่งคนมาช่วยอาณาจักรหลงซานแล้วล่ะก็ ป่านนี้อาณาจักรจันทราคงจบศึกนี้ได้ไปนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ด้วยการสนับสนุนของอาณาจักรมังกรทะยาน ถึงแม้ว่าอาณาจักรจันทรานั้นจะมีความแข็งแกร่งมากก็จริง แต่หลงเฉินก็ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ช้าก็เร็วทางฝั่งของอาณาจักรจันทราจะต้องเพลี่ยงพล้ำอย่างแน่นอน เนื่องจากทางฝั่งของอาณาจักรหลงซานยังเหลือผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอีกกว่าร้อยคนที่ยังไม่ได้ลงมือ!

ในขณะที่เขากำลังพิจารณาว่าเขาควรจะบอกหลิงตู้ฉิงเกี่ยวกับเรื่องนี้และชักชวนให้รีบล่าถอยดีหรือไม่ เขาก็สังเกตเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของเหยียนฮ่าวหัวเริ่มเคลื่อนไหวเข้ามาปิดล้อมเขาและกลุ่มของหลิงตู้ฉิง ซึ่งมันทำให้รู้สึกกังวลเป็นอย่างมากและสาปแช่งเหยียนฮ่าวหัวในใจ “ข้ายังอยู่ที่นี่ เจ้าไม่เห็นข้าเหรอ!?”

เหตุผลที่เขาได้แต่สาปแช่งอยู่ในใจไม่พูดออกมาดัง ๆ ก็เป็นเพราะตอนนี้ตัวเขาได้กลายเป็นมังกรเทียมรถม้าให้หลิงตู้ฉิงแล้ว เขาไม่ใช่คนฝั่งเดียวกับอาณาจักรหลงซานอีกต่อไป

หลงเฉินรู้สึกเศร้าสลด ถ้าเขารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้เขาคงจะดื้อดึงไม่ทำสัญญากับหลิงตู้ฉิงแน่นอน เพราะต่อให้เขาจะต้องตายด้วยน้ำมือของหลิงตู้ฉิง เขาก็จะตายไปอย่างมีเกียรติ แต่ถ้าเขาตายตอนนี้เขาจะตายอย่างคนทรยศ

เมื่อเผชิญหน้ากับสรรพวิชาต่าง ๆ นับร้อยที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญของเหยียนฮ่าวหัวโจมตีเข้ามาหา หลงเฉินที่มองเห็นภาพเช่นนี้ก็รู้สึกว่าอย่างน้อย ๆ ฉากการตายของเขามันก็ค่อนข้างอลังการพอตัว

แต่แล้วเมื่อทักษะต่าง ๆ ที่กำลังพุ่งเข้ามา เมื่อมันมาถึงได้ครึ่งทางพวกมันกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน เนื่องจากในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงโบกหลิงจู้ในมือของเขาและส่งเส้นขนของมันหลายสิบเส้นลอยออกไปสร้างม่านป้องกันทักษะการโจมตีต่าง ๆ ที่พุ่งตรงเข้ามาให้หยุดนิ่งภายในพริบตา

เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น หลิงจู้ก็สั่นเล็กน้อย เพราะมันค้นพบว่าตัวมันมีพลังแบบนี้เป็นครั้งแรก

หลิงตู้ฉิงไม่สนใจความรู้สึกของมันและหันกลับไปหาหลิงว่านถิง และพูดว่า “อีกไม่นานเจ้าก็จะไปที่สำนักเต๋าสวรรค์แล้ว ซึ่งพ่อคงจะไม่ได้เจอเจ้าอีกนานและคงไม่สามารถชี้แนะอะไรให้เจ้าได้ในช่วงเวลาที่เจ้าอยู่ที่นั่น ดังนั้นวันนี้พ่อจะสาธิตให้เจ้าเห็นสิ่งที่เรียกว่า วิชาเก้าอักขระมนตราของสำนักเต๋าสวรรค์ และสิ่งที่เรียกว่า วิชาสรรพสิ่งไร้จีรัง”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็ดูดพลังวิญญาณออกมาจากรถม้าและกวักมือดึงร่างของหลิงว่านถิงให้ลอยมาที่ด้านข้างของเขา

จากนั้น หลิงตู้ฉิงส่งหลิงจู้ใส่มือของหลิงว่านถิง แล้วพูดกับนางว่า “เจ้าจงควบคุมหลิงจู้ไว้ก่อน จากนั้นจงดูการสาธิตของพ่อครั้งนี้อย่างตั้งใจ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงว่านถิงก็จับหลิงจู้ไว้แน่นและจับตามองการกระทำของพ่อนางด้วยความตั้งใจ

“อันดับแรกพ่อจะแสดงให้เจ้าดูถึงอำนาจของอักษร ‘ยับยั้ง!’ ” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็บังคับเส้นขนทั้งหมดของหลิงจู้ที่เขาสะบัดพวกมันลอยออกไปก่อนหน้านี้ตอนแรก ดัดให้พวกมันกลายเป็นตัวอักษรนับสิบ ซึ่งอักษรเหล่านี้ที่เขาสร้างขึ้นทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่ไม่อาจถูกทำลายได้แผ่ออกมา

จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ส่งอักษรออกไปเพียงแค่ 3 ตัวเข้าป้องกันทักษะนับร้อยของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของฝั่งตรงข้ามที่ปล่อยออกมาระลอกใหม่จากทุกทิศทาง

“นี่คืออำนาจของอักษร ยับยั้ง!” หลิงตู้ฉิงส่งเสียงทางโทรจิตไปยังหลิงว่านถิง “หากเจ้าฝึกฝนมันจนถึงจุดสูงสุด บนโลกนี้จะไม่มีทักษะวิชาใด ๆ ที่สามารถทำอันตรายเจ้าได้ นอกซะจากเจ้าจะเผชิญกับการโจมตีทางกายภาพโดยตรง เอาล่ะต่อไปพ่อจะสาธิตตัวอักษร ‘พิชัยยุทธ’ ให้กับเจ้า…”

หลิงตู้ฉิงไม่ถามเลยว่าหลิงว่านถิงเข้าใจหรือไม่หลังจากที่เขาแสดงวิชาลับเหล่านี้กับนาง เนื่องจากเขามั่นใจว่าแม้ในตอนนี้นางจะยังไม่เข้าใจแต่นางจะต้องจำภาพที่เขาสาธิตในครั้งนี้ลงฝังใจไม่ลืมแน่นอน

ซึ่งในอนาคตเมื่อหลิงว่านถิงได้รับการถ่ายทอดวิชาเหล่านี้อีกรอบจากสำนักเต๋าสวรรค์ ข้อมูลนี้จะมีประโยชน์กับนางเป็นอย่างมาก

ทางด้านของหลิงว่านถิง ในตอนนี้ก็พยายามจดจำภาพของวิชาที่พ่อนางสาธิตให้ดูอย่างตั้งใจถึงแม้ว่านางจะไม่เข้าใจมันเลยก็ตาม เพราะนางรู้ว่านี่คือของขวัญที่พ่อของนางต้องการมอบให้นางเนื่องในโอกาสที่นางจะออกไปใช้ชีวิตคนเดียวโดยที่ไม่มีเขาดูแล

ซึ่งนางเองที่รู้เช่นนี้ด้วยแล้ว นางจึงยิ่งตั้งใจดูสิ่งที่หลิงตู้ฉิงกำลังกระทำเพื่อซึมซับทั้งความรู้และความรู้สึกห่วงใยของพ่อนางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่ในขณะที่หลิงตู้ฉิงเอาแต่สาธิตวิชาออกมาโดยไม่สนใจใครนั้น ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็ได้แต่มองตาค้างด้วยความตกตะลึง คนที่ตกตะลึงก่อนเป็นพวกแรกก็คือเหล่าผู้เชี่ยวชาญของเหยียนฮ่าวหัว ที่พยายามระดมโจมตีด้วยสรรพวิชาต่าง ๆ ที่พวกเขามีแบบไม่มีการออมพลังแต่กลับถูกปัดป้องไปได้หมดโดยหลิงตู้ฉิง

ภาพที่เกิดขึ้นเช่นนี้ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจอย่างหนัก ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณของฝ่ายตรงข้ามเพียงคนเดียวสู้กับพวกเขานับร้อยได้ไง? เกิดอะไรขึ้น? คน ๆ นี้เป็นใครกัน?

คนที่ได้ครอบครองความลับของทะเลชางหมางนั้นทรงพลังขนาดนี้เชียวงั้นหรือ!?

โดยปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณเพียงคนเดียวจะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญได้มากมายขนาดนี้ แม้แต่สุดยอดอัจฉริยะที่กลับชาติมาเกิดก็ไม่สามารถทำได้

เมื่อเทียบกับความตกใจของเหยียนฮ่าวหัวและคนอื่น ๆ หลงเฉินนั้นตกตะลึงยิ่งกว่า เนื่องจากตัวเขาที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหลิงตู้ฉิง เขาจึงสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นและความสงบของหลิงตู้ฉิง

มือข้างหนึ่ง เขากำลังจับมือของสาวน้อยผู้หนึ่งโบกไปมาเพื่อแนะนำการร่ายคาถาวิชาพร้อมกับอธิบายอะไรบางอย่างให้กับนางด้วยรอยยิ้ม ซึ่งการแสดงออกเช่นนี้มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีความวิตกกังวลใด ๆ เลย!

แต่ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น?

หรือว่ามันจะเป็นเพราะเขาได้ครอบครองความลับและสมบัติของทะเลชางหมาง เขาก็เลยมั่นใจได้ถึงขนาดนี้?

สำหรับคนจากตระกูลหลิง พวกเขาก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาตกตะลึง

อย่างไรก็ตามภายใต้สายตาอันตกตะลึง มันก็มีความตื่นเต้นผสมอยู่ด้วย

เมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่เขาสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญด้วยหมัดเดียว ภาพของเหตุการณ์ในวันนี้มันนับได้ว่าน่าตื่นตากว่ามาก

เพราะว่านี่คือการรับมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมากกว่า 100 คนด้วยตัวคนเดียว

หากมองจากขั้วอำนาจของทะเลชางหมางในอดีต แค่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเพียงคนเดียวก็สามารถปกครอง ‘ทวีป’ ได้ทั้งทวีปแล้ว

ดังนั้นหากมองจากความแข็งแกร่งของหลิงตู้ฉิง ตอนนี้ที่เขาสามารถรับมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญได้เป็นร้อยคน มันก็หมายความว่าในอาณาเขตทะเลชางหมางเขาคือตัวตนที่ไร้เทียมทานที่สุด!

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

พ่อเลี้ยงยอดเซียน
Status: Ongoing
เรื่องย่อ พ่อเลี้ยงยอดเซียน ไม่นึกเลยว่าอารมณ์ทั้งเจ็ดจะมีผลต่อการบ่มเพาะเช่นนี้! ในชาติที่แล้วอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นข้าจะกลายเป็นนิรันดร์กาล! ข้ายอมสละอารมณ์ทั้งเจ็ดเพื่อความเป็นนิรันดร์ แต่ท้ายที่สุดข้ากลับต้องเผชิญกับทางตัน วิถีไร้อารมณ์นั้นบกพร่อง! ในเมื่อวิถีไร้อารมณ์ไม่สามารถพาข้าก้าวข้ามไปถึงขอบเขตนิรันดร์กาล ข้าต้องกลับไปจุติใหม่! ในชีวิตหน้าข้าจะเปลี่ยนวิถี! ในชีวิตหน้าข้าจะฟื้นฟูอารมณ์ทั้งเจ็ดของข้า! ชาติหน้าข้าจะโอบรับพวกมันทั้งหมด ความรัก ความชัง ปรารถนา โศกศัลย์ ยินดี เดือดดาล สุขสันต์ ครั้งนี้ข้าจักต้องไม่พลาด รอบนี้ข้าจักต้องให้ทุกสรรพสิ่งขนานนามข้าว่า ‘ไร้เทียมทาน!’ จักรพรรดิเซียนไร้อารมณ์ ผู้แสวงหาความเป็นนิรันดร์ ตัดสินใจจุติใหม่ แต่แล้วเหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อยามที่เขาลืมตาดูโลกขึ้นอีกครั้ง เขากลับจุติอยู่ในร่างของชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าปี ที่สำคัญชายผู้ที่เขาลงมาจุติในร่างกลับอุปการะบุตรบุญธรรมไว้แล้วถึงเจ็ดคน! และเด็กทุกคนกลับมีความสามารถท้าทายสวรรค์! ————————————————————- ขั้นพลัง ขอบเขตหลอมรวมลมปราณ ขอบเขตควบแน่นลมปราณ ขอบเขตประสานทะเลลมปราณ ขอบเขตรวมแสงดารา ขอบเขตนภา (ขั้นต่อไปถัดจากขอบเขตรวมแสงดารา) ขอบเขตครึ่งสวรรค์ (ขอบเขตนภาระดับ12-13) ขอบเขตสวรรค์ – สวรรค์สามัญ – หลุดพ้นสามัญ ขอบเขตเหนือสวรรค์ ขอบเขตราชัน ขอบเขตจักรพรรดิ ขอบเขตเร้นลับ ขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ (ระดับการบำเพ็ญเพียรของหลิงตู้ฉิงในชาติก่อน)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset