บทที่ 441 เก็บกวาดสนามรบ
เมื่อเทียบกับความตกตะลึงของคนอื่น ๆ มี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ยและบรรดาคนที่ไปที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับกับหลิงตู้ฉิงนั้น พวกเขาดูสงบกว่ามาก
เนื่องจากในระหว่างที่พวกเขาติดตามหลิงตู้ฉิงไปจนถึงเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับนั้น หลิงตู้ฉิงได้ต่อสู้กับคนอื่น ๆ ที่แข็งแกร่งกว่าคนเหล่านี้นับหมื่นนับแสนเท่ามาแล้ว หรือถ้าให้ยกตัวอย่างก็คือในตอนที่หลิงตู้ฉิงร่วมมือกับลั่วหยุน ต่อสู้กับวิญญาณปีศาจโดยเฉพาะการใช้รูปแบบกระบี่ ‘ดาราโลหิตประสานกระบี่’ ข่มขู่เหล่าตัวตนที่มาจากขุมกำลังมหาอำนาจจนพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
ดังนั้นกับอีแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญร้อยคนจะต้านทานหลิงตู้ฉิงได้ยังไง?
เย่ชิงเฉิงเป็นคนที่ตื่นเต้นที่สุดเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ
นางไม่แปลกใจที่หลิงตู้ฉิงสามารถรับมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญจำนวนมากได้ เนื่องจากนางรู้ว่าเขาได้ดึงพลังอาณาเขตสวรรค์เทียมจากรถม้ามาใช้ ซึ่งมันเท่ากับว่าเขาจะมีพลังอำนาจเท่ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์
แต่ส่งที่ทำให้นางตื่นเต้นมากก็คือ หลิงตู้ฉิงได้ใช้เคล็ดวิชาที่ไม่มีใครสามารถเรียนรู้ได้ นั่นคือวิชาเก้าอักขระมนตรา ซึ่งมันคือวิชาลับของสำนักเต๋าสวรรค์ที่คนภายนอกไม่มีทางได้รับการถ่ายทอดให้แน่นอน
ดังนั้นสามีของนางเรียนรู้วิชาที่คนภายนอกไม่มีวันดีรับการถ่ายทอดให้ได้อย่างไร? ซึ่งมันยิ่งกระตุ้นความอยากรู้ของนางมากยิ่งขึ้นว่าสามีของนางเป็นใครกันแน่ในอดีต?
จากบันทึกของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่นางเคยอ่านมาก่อน นางไม่เคยเห็นบันทึกไหนที่กล่าวถึงตัวตนที่ครอบครองวิชาลับมากมายถึงขนาดนี้ แถมวิชาลับหลายอย่างยังเป็นวิชาที่หายสาปสูญไปแล้วหรือบางวิชายังเป็นวิชาต้องห้ามของสำนักที่คนภายนอกไม่สามารถเรียนรู้ได้เช่นนี้
ในเวลานี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งหลายต่างก็หยุดการต่อสู้และจ้องมองไปที่หลิงตู้ฉิง หลายคนจากอาณาจักรจันทรามองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน พวกเขาดีใจมากที่พวกเขายังไม่ทรยศเจ้านายของพวกเขาแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะเริ่มมีความคิดเช่นนั้นก็ตาม ไม่งั้นแล้วเมื่อจบศึกผลลัพธ์ที่เลวร้ายจะต้องรอพวกเขาอยู่แน่ ๆ
ส่วนบรรดาทหารในกองทัพของอาณาจักรหลงซาน พวกเขาต่างก็กำลังสับสนไม่รู้จะทำอะไรต่อ พวกเขาหลายคนต่างมีความคิดในใจ พวกเขาควรจะไปช่วยดีหรือไม่?
แต่แล้วเมื่อพวกเขาคิดได้สักพัก พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ช่วย
เนื่องจากยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของอาณาจักรจันทราจำนวนมากอยู่รอบ ๆ ตัวพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไปช่วยแต่พวกเขาก็ต้องถูกขัดขวางเอาไว้อยู่ดี
จากนั้นบรรดาทหารต่างก็เริ่มมีคำถามอยู่ในใจ ทำไมพวกผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ที่สู้กับหลิงตู้ฉิงอยู่ถึงไม่ถอยออกมา? ด้วยตัวตนที่ทรงพลังเช่นนี้ พวกเขาจะต่อสู้ต่อไปอีกทำไม?
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือไม่ใช่ว่าพวกผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นไม่ต้องการที่จะถอยหนี แต่พวกเขาไม่สามารถทำได้
ทุกคนถูกขังและต้องเผชิญหน้ากับการระดมโจมตีด้วยอำนาจของตัวอักษรนับไม่ถ้วนในทุกขณะ พวกเขากล้าที่จะล่าถอยได้อย่างไร?
พวกเขาไม่กล้าพักเหนื่อยด้วยซ้ำ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาน่าจะตายทันที
ครึ่งวันต่อมาในที่สุดเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ที่โดนหลิงตู้ฉิงระดมโจมตีอยู่นั้นก็รู้สึกได้ว่าการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามคลายลง ซึ่งมันทำให้พวกเขาพบโอกาสที่จะล่าถอย
สำหรับความมั่นใจในการต่อสู้ พวกเขาไม่มีอีกต่อไป
แค่คนเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการกับพวกเขามากกว่าร้อยคนแล้ว ยังมีประโยชน์อะไรถ้ายังต่อสู้ต่อไปอีก?
เมื่อประเมินแล้วว่าการบุกมาของพวกเขาครั้งนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เหยียนฮ่าวหัวและคนอื่น ๆ ต่างก็มองหน้ากันและรีบล่าถอยบินกลับไปยังอาณาจักรหลงซานทันที
พวกเขาทุกคนกลัวว่าหากพวกเขาช้าเกินไป พวกเขาอาจจะถูกหลิงตู้ฉิงสังหารลงตรงนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือถ้าหลิงตู้ฉิงคิดจะฆ่าพวกเขา พวกเขาทั้งหมดคงไม่มีวันหนีรอด
เมื่อเห็นว่าเหยียนฮ่าวหัวและคนอื่น ๆ บินหนีไป บรรดาผู้เชี่ยวชาญและทหารที่เหลือของอาณาจักรหลงซานก็หันหลังกลับและรีบหนีกลับไปด้วยเช่นกัน
หลิงตู้ฉิงเองก็ทำราวกับว่าเขาไม่เห็นกลุ่มคนที่กำลังหนีไป และพูดกับหลิงว่านถิงที่อยู่ในอารมณ์สับสนว่า “สิ่งที่พ่อแสดงให้เจ้าเห็นเมื่อครู่ก็คือวิธีการใช้ วิชาเก้าอักขระมนตรา ทั้งหมดที่ในอนาคตเจ้าจำเป็นต้องเรียบรู้มัน เอาล่ะ แต่ตอนนี้เจ้าได้เรียนรู้มากเกินไปแล้ว ตอนนี้เจ้าจงไปนอนหลับพักผ่อนก่อน รอจนกว่าเราจะจับหยูเฉิงฮุยที่เมืองหลวงของอาณาจักรหลงซานแล้ว พ่อจะเรียกเจ้าอีกที เฟ่ยเอ๋อมาพานางไปพักผ่อนที”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ผลักหลิงว่านถิงไปหาเหลียงเฟ่ยเอ๋อ
“ไม่มีปัญหา!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อตอบกลับ จากนั้นนางก็พาหลิงว่านถิงไปนอนในรถม้า
ในเวลานี้เมื่อหลิงฉุยฟงได้สังหารผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์คนสุดท้ายที่ไม่สามารถหลบหนีได้ทันเวลา แต่มันก็ยังเหลือการรบเบื้องล่างในบางจุดที่ยังต่อสู้กันไม่จบ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นานหลิงว่านจุนก็สยบกองทัพนับล้านของอาณาจักรหลงซานได้สำเร็จซึ่งเหลือรอดอยู่เพียงน้อยนิด อันที่จริงหลังจากเห็นเหยียนฮ่าวหัวและคนอื่น ๆ หลบหนี ทหารของอาณาจักรหลงซานก็สูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้ไปทั้งหมด พวกเขาทั้งหมดหากไม่หนีก็กลายเป็นยอมจำนนทันที
สำหรับหลิงว่านจุนและคนอื่น ๆ เมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาก็หยุดการเข่นฆ่าและจับทหารเหล่านั้นเอาไว้ ซึ่งมันก็กลายเป็นการจบศึกอันสมบูรณ์แบบ
เมื่อการต่อสู้ทุกอย่างสิ้นสุดลง หลิงว่านจุนก็นำกองทัพมังกรของเขาถอยออกจากสนามรบ
สำหรับหลิงฟ่างหัว นางก็ใช้ทักษะเคลื่อนที่ผ่านมิติกลับมาหาหลิงตู้ฉิงด้วยอาการร่าเริง ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่านางชอบการต่อสู้แบบนี้
“ท่านพ่อ ข้าใช้ท่าที่สอง” หลิงว่านจุนกล่าวอย่างตื่นเต้น ขณะที่เขาเดินมาตรงหน้าหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “จงฝึกฝนให้หนักต่อไป! การต่อสู้ในสนามรบเป็นวิธีการฝึกฝนที่เหมาะสมที่สุดของเจ้า และยังเป็นวิธีที่ช่วยให้เจ้าเข้าใจหลักการบ่มเพาะของตัวเจ้าเองด้วย”
“ข้าจะฝึกให้หนัก!” หลิงว่านจุนพยักหน้า
หลิงยี่เทียนพูดข้าง ๆ “ท่านพ่อ ข้าจะสั่งให้คนมาเก็บกวาดสนามรบในภายหลัง แผนต่อไปของพวกเราคือมุ่งตรงไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรหลงซานเลยใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงมองไปยังสนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพและส่ายหัวเล็กน้อย “รอให้ว่านจุนและเหล่าทหารพักเอาแรงกันก่อน และพ่อเองยังต้องใช้เวลาในการรวบรวมบางอย่างด้วย”
หลังจากที่พูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เดินเข้าสู่สนามรบเพียงลำพัง จากนั้นเขาก็เริ่มวาดอักขระบางอย่างขึ้นกลางอากาศ ซึ่งมันส่งผลให้มวลพลังแห่งความอาฆาต เคียดแค้นและเจตจำนงแห่งการสังหารที่เกิดขึ้นในสนามรบสีแดงดำ ควบแน่นรวมกันอยู่ในมือของเขาอย่างรวดเร็ว
และเมื่อมันควบแน่นกันเรียบร้อยแล้วมันก็กลายเป็นลูกปัดสีดำขนาดเท่ากำปั้น
จากนั้นหลิงตู้ฉิงโยนลูกปัดไปยังหลิงยี่เทียนและพูดว่า “เจ้าจงมอบลูกปัดนี้ให้กับลั่วหยุน เมื่อเจ้าเจอกับเขา เขาต้องใช้มันในการบ่มเพาะวิญญาณสงครามของเขาเอง”
หลิงยี่เทียนพยักหน้า “รับทราบ ท่านพ่อ!”
หลิงตู้ฉิงเคยบอกหลิงยี่เทียนเกี่ยวกับเรื่องของลั่วหยุนมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันที่อยู่นอกทะเลชางหมางรอให้ความคุ้มครองเขาอยู่เมื่อพวกเขาเดินทางออกไป
แต่ในเมื่อตอนนี้เขาเองยังไม่สามารถรวมทะเลชางหมางให้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวได้ ดังนั้นการเดินทางออกไปโลกภายนอกก็ยังคงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่นอน
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ศพบนพื้น คิดสักพักแล้วพูดกับหลิงยี่เทียนว่า “บอกให้คนของเจ้าเก็บของที่มีประโยชน์ทั้งหมดออกไปจากสนามรบ ส่วนที่เหลือพ่อจะจัดการเอง”
แม้ว่าหลิงยี่เทียนจะไม่รู้จุดประสงค์ของหลิงตู้ฉิง แต่เขาก็ยังบอกให้คนอื่น ๆ รวบรวมแหวนมิติ ชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่หล่นเกลื่อนกลาดในสนามรบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะกลายเป็นทรัพยากรของอาณาจักรจันทราในอนาคต
จากนั้นสนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพก็ถูกทิ้งไว้ให้หลิงตู้ฉิงจัดการ
หลิงตู้ฉิงมองไปที่สนามรบและถอนหายใจ จากนั้นเขาจึงใช้พลังกฎแห่งปฐพีทำให้พื้นดินทั่วสนามรบที่มีศพมากมายแยกออก ส่งผลให้ศพทั้งหมดร่วงหล่นลงไป
จากนั้นพื้นดินที่เดิมเต็มไปด้วยซากศพและแอ่งเลือดก็กลับกลายเป็นอยู่ในสภาพปกติราวกับว่ามันไม่เคยมีการต่อสู้ครั้งใหญ่มาก่อน
จากนั้นหลิงตู้ฉิงได้ดึงพลังของรถม้ามาใช้อีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาใช้มันเพื่อสวดบทวิชาของวัดจินตภาพเพื่อสลายกลิ่นอายแห่งความตายและวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ในสนามรบ จากนั้นเขาก็สั่งทุกคนว่า “เราจะพักผ่อนหนึ่งวัน จากนั้นเราจะมุงหน้าต่อไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรหลงซาน!”