หลังจากพักผ่อนและจัดระเบียบใหม่ในเมืองหลวง ซึ่งเคยเป็นของอาณาจักรหลงซานเรียบร้อยแล้ว หลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ ก็ออกเดินทางอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าไปสู่อาณาจักรมังกรทะยาน
ในใจของหลิงตู้ฉิง ไม่ว่าหยูเฉิงฮุยจะไปที่ไหนเขาต้องจับตัวมันมาให้ได้ เพื่อให้หลิงว่านถิงตัดสินใจว่ามันควรจะอยู่หรือว่าจะตาย
นี่เป็นเพราะไม่ใช่แค่ลูกสาวของเขาต้องเผชิญกับความทุกข์ทน แต่นี่มันคือบททดสอบหนึ่งในสามประการที่ผู้บ่มเพาะต้องเผชิญ ซึ่งเขาจำเป็นต้องช่วยให้ลูกสาวของเขาผ่านมันไปให้ได้!
ความเหน็ดเหนื่อยเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่บททดสอบทัณฑ์แห่งมนุษย์เป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากมันมีผลต่อการที่ลูกของเขาจะต้องเผชิญกับทัณฑ์อื่น ๆ หากนางต้องการหลุดพ้นในอนาคต!
ตอนนี้เนื่องจากพวกเขาเดาได้แล้วว่าหยูเฉิงฮุยได้หนีไปที่อาณาจักรมังกรทะยาน พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที
ขณะนี้หลงเฉินกำลังลากรถม้าอยู่หน้าสุด ซึ่งตามหลังด้วยกองทัพมังกร 50,000 นาย และบางส่วนของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่มีอยู่ทั้งหมด
ที่พวกเขาไม่สามารถพาเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมาได้ทั้งหมดนั่นก็เพราะว่า พวกเขายังจำเป็นต้องคงกำลังไว้ส่วนหนึ่งในทะเลชางหมางเพื่อดูแลความเรียบร้อยด้านใน
หากพวกเขาออกจากทะเลชางหมางไปหมดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนฉวยโอกาสทำลายอาณาจักรจันทรา?
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญหลายคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเพื่อปกป้องทะเลชางหมาง ต่างก็ถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย
“เฮ้อ ข้าเองก็อยากจะออกไปดูโลกภายนอกบ้างเหมือนกันนี่นา ทำไมองค์จักรพรรดิถึงเลือกให้ข้าอยู่ปกป้องทะเลชางหมางด้วยกัน…น่าเสียดายจริง ๆ …”
“เจ้าคิดว่าการออกไปโลกภายนอกมันน่าสนุกนักรึไง เจ้าคิดว่าข้างนอกนั่นเจ้าจะได้รับการยอมรับเหมือนในทะเลชางหมางอย่างนั้นเหรอ? ที่ข้างนอกนั่นความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอย่างเรานั้นยังห่างไกลจากผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก และถ้าพวกเราถูกรังแกเมื่อไหร่ พวกเราจะเอาอะไรไปตอบโต้กับพวกผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ข้างนอกนั่นได้กัน”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องการติดตามองค์จักรพรรดิออกไปนั่นแหละ ข้าต้องการที่จะมีประสบการณ์ได้ออกไปเห็นโลกกว้าง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเส้นทางการบ่มเพาะของข้าในอนาคต!”
มีคนถามขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า “นี่พวกเจ้าคิดว่าองค์จักรพรรดิจะปลอดภัยกลับมารึเปล่า? ถึงแม้ว่าบิดาของพระองค์จะพิสดารเป็นอย่างมาก แต่จากสิ่งที่ข้ารู้มาก็คือขุมกำลังที่อยู่ภายนอกนั้นแข็งแกร่งกว่าขุมกำลังในทะเลชางหมางหลายพันเท่าเชียวนะ…”
ทุกคนเงียบเพราะพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ จะปลอดภัยหลังจากออกจากทะเลชางหมางในครั้งนี้หรือไม่? หรือว่าพวกเขาจะสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย
ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ ได้มาถึงทางออกของทะเลชางหมางแล้ว
หลงเฉินที่กำลังลากรถม้าออกไปข้างนอก ในขณะนี้อารมณ์ของเขาก็ซับซ้อนขึ้นเช่นกัน ในอดีตเมื่อตอนที่เขาเข้ามาในทะเลชางหมาง เขาจำได้ว่าอารมณ์ของเขาในตอนนั้นฮึกเหิมเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เมื่อเขากำลังจะออกไปเขากลับกลายเป็นนักโทษไปแล้ว แถมยังกลายเป็น ‘สัตว์วิเศษ’ เทียมรถม้าไปซะอีก
การลากรถม้านี้เป็นสิ่งที่เผ่ามังกรอย่างเขาควรทำซะที่ไหนกัน?
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่รู้ว่าเจ้านายของเขาเป็นคนคิดตื้นเกินไปหรือไม่? ถึงขนาดนำเอาเหล่าผู้คนในทะเลชางหมางออกมานอกทะเลชางหมางเพื่อบุกรุกขุมกำลังที่อยู่ภายนอกแบบนี้ นี่เขาไม่รู้เลยจริง ๆ หรือไงว่าที่ข้างนอกนี้มีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังกว่าในทะเลชางหมางอย่างเทียบกันไม่ติด
อย่างไรก็ตามไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับปฏิกิริยาของเขา
“ในที่สุดก็ได้ออกจากทะเลชางหมางแล้ว!” หลิงฟ่างหัวอดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้น
ทางด้านของจ้าวเหมิงลู่และคนอื่น ๆ ที่ไม่เคยออกจากทะเลชางหมาง เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น “นี่พวกเราอยู่ด้านนอกทะเลชางหมางแล้วใช่ไหม?”
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้คนเหล่านี้ได้เดินทางออกจากทะเลชางหมาง ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้ก้าวออกมาสู่โลกใบใหม่
“สามี พวกเราเองก็เข้าไปอยู่ในทะเลชางหมางได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว ข้าล่ะเป็นหวงโม่เอ๋อกับคนอื่น ๆ จริง ๆ ว่าพวกเขาจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าหลังจากรอพวกเรามานาน” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้น
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ระดับการบ่มเพาะของเย่หยูหลันไม่ได้อ่อนแอ และด้วยความคุ้มครองของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาได้?”
มี่ตั้วตั้วมองไปที่เมืองเจินไห่ที่อยู่ตรงหน้าเขาพลางถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ “นี่คือด้านนอกของทะเลชางหมางสินะ เฮ้อ มันช่างแตกต่างจากในทะเลชางหมางซะจริง ๆ”
ขณะนี้เมื่อทุกคนมองไปที่เมืองเจินไห่ ทุกคนก็เห็นได้ว่าเมืองเจินไห่ในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นมิตรกับพวกเขาสักเท่าไหร่
ประตูเมืองเจินไห่ถูกปิดลงอย่างหนาแน่น ค่ายกลป้องกันเมืองได้ถูกเปิดใช้งานและกองกำลังของเมืองเจินไห่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านบนของกำแพงเมือง
“พวกเจ้าเป็นใครกัน!?” เจ้าเมืองเจินไห่ จูหยงเฉียนตะโกนถามขึ้นเสียงดัง
เมื่อเขาเห็นว่ากลุ่มคนที่ออกจากมาจากทะเลชางหมางกำลังมุ่งหน้ามาทางเมืองของเขา กลุ่มนี้มีจำนวนไม่ใช่น้อย ๆ แถมยังดูเหมือนว่าจะเป็นทหารอีกต่างหาก เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาในฐานะเจ้าเมืองเจินไห่จะไม่ประหม่าได้อย่างไร?
ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของกลุ่มคนพวกนี้นั้นจะต่ำเตี้ย แต่เขาก็ไม่อาจประมาทได้ ใครจะรู้ว่านี่มันจะเป็นแผนลวงอะไรหรือเปล่า?
เมื่อได้เห็นท่าทีของจูหยงเฉียน คนอื่น ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร
หลิงตู้ฉิงพูดกับเสี่ยวเยว่เฟิง “บอกกับเขาว่าเราต้องการยืมเส้นทางของอาณาจักรอี้จิ๋นของพวกเขา!”
เมื่อได้รับคำสั่งของหลิงตู้ฉิง เสี่ยวเยว่เฟิงก็ตะโกนกลับไปเสียงดังทันทีว่า “เจ้าเมืองจู พวกเราคือกลุ่มคนที่มาจากทะเลชางหมาง เราขอผ่านเส้นทางของท่านเพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังอาณาจักรมังกรทะยาน เราไม่มีเจตนาอื่นใดและยิ่งไปกว่านั้น พวกเราก็คุ้นเคยกับองค์หญิงของท่านเป็นอย่างมาก”
เมื่อเห็นใบหน้าของเสี่ยวเยว่เฟิงได้ชัดเจน จูหยงเฉียนก็จำเสี่ยวเยว่เฟิงได้ จากนั้นเขาก็เดาได้ทันทีว่าคนผู้นั้นที่อาศัยอยู่ในหมู่ตึกหยูอี่มานานหลายสิบปีต้องมาด้วยแน่นอน
ในอดีตครั้งนั้นเมื่อตอนที่กลุ่มของคนผู้นั้นอาศัยอยู่ในเมืองเจินไห่ คนผู้นั้นก็เอาแต่ทำอะไรตามใจชอบไม่เห็นหัวใครทั้งสิ้น ใครจะคิดว่าคนผู้นั้นจะกลับมาอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นรอบนี้เขาถึงขนาดนำกองทัพมาด้วย!
“อ๋อ เป็นพวกท่านเองหยั่งงั้นเหรอ?” จูหยงเฉียนตอบกลับ “แต่ด้วยหน้าที่ของข้าที่ต้องดูแลความสงบของเมืองเจินไห่ โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ไม่สามารถตกลงตามคำขอของพวกท่านได้! หากพวกท่านไม่ต้องการให้เกิดการเข้าใจผิดใด ๆ เกิดขึ้น พวกท่านโปรดกลับไปที่ทะเลชางหมางเถอะ!”
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน? กองทัพนับหมื่นบอกว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อขอใช้เส้นทาง? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาอนุญาตให้เส้นทางผ่านเมืองจริง แต่เมื่อเข้าเมืองมาได้เมื่อไหร่คนเหล่านี้กลับโจมตีพวกเขาจากในเมืองแทน? แม้ว่ากองกำลังรักษาเมืองของเขาจะปราบปรามคนเหล่านี้ได้แต่เขาก็ยังคงได้รับโทษอยู่ดีหากมีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “จงบอกให้เขาไปตามจักรพรรดิของพวกเขาออกมาพูดกับข้า! ข้าเคยสัญญากับพวกเขาว่าข้าจะให้โอกาสพวกเขาเลือก ตอนนี้มันถึงเวลาที่พวกเขาต้องเลือกแล้ว”
สำหรับหลิงตู้ฉิง การทำลายเมืองเจินไห่นั้นไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากเขาทำลายเมืองเจินไห่ตอนนี้ ก่อนที่เขาจะไปถึงอาณาจักรมังกรทะยานเขาก็จะต้องต่อสู้กับอาณาจักรอี้จิ๋นก่อน ซึ่งมันจะทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็เคยได้พูดให้โอกาสสีจิ้งหมิงที่จะเลือกไปก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องทำตามที่เขาเคยพูดเอาไว้ แน่นอนว่าถ้าสีจิ้งหมิงเลือกที่จะต่อสู้กับเขา เขาก็ยินดีที่จะสนองให้
เมื่อได้รับคำสั่งมา เสี่ยวเยว่เฟิงจึงตะโกนไปยังจูหยงเฉียน “ข้ารู้ว่าท่านไม่สามารถตัดสินใจได้ ดังนั้นท่านควรไปรายงายเรื่องนี้ให้กับจักรพรรดิของท่านทราบ จงแจ้งกับจักรพรรดิของท่านว่าเจ้านายของข้าขอเชิญจักรพรรดิและองค์หญิงใหญ่ของท่านมาเจรจาในข้อตกลงที่เจ้านายของข้าได้เสนอไปให้ในอดีต”
จูหยงเฉียนขมวดคิ้ว หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “งั้นพวกท่านโปรดรอสักครู่ ข้าขอเวลารายงานต่อฝ่าบาทก่อน!”
เขาไม่กล้าเพิกเฉยต่อคำขอของคนเหล่านี้แน่นอน เพราะหลิงตู้ฉิงเป็นตัวตนที่สีจิ้งหมิงและสีเป่ยเซียะเคยต้องมาพบด้วยตัวเองมาก่อน
หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ ก็รอสีจิ้งหมิงหรือสีเป่ยเซียะอยู่นอกเมืองเจินไห่อย่างใจเย็น
ในขณะที่จูหยงเฉียนไปแจ้งข่าวให้จักรพรรดิของเขาเองอยู่นั้น คนบางกลุ่มในเมืองเจินไห่ก็สังเกตเห็นการมาถึงของหลิงตู้ฉิงแล้วเช่นกัน
โม่เอ๋อและเย่หยูหลันต่างมองไปที่กองทัพของหลิงตู้ฉิงที่อยู่ด้านนอก ในขณะนี้พวกเขาไม่ได้ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า เมื่อมองอยู่ได้สักพักพวกนางจึงเดินกลับไปที่หมู่ตึกหยูอี่เพื่อเตรียมพร้อม ถ้าหลิงตู้ฉิงและคนของเขาต้องการโจมตีเมืองจริง ๆ พวกเขาจะได้คอยช่วยเหลือจากด้านใน
ในเวลาเดียวกัน เมื่อคนบางกลุ่มที่ปะปนอยู่ในเมืองเจินไห่เห็นการปรากฏตัวของหลิงตู้ฉิงและคนของเขา ข่าวก็ถูกส่งออกไปทันที
ซึ่งข่าวที่ส่งออกไปนั้นก็ไปถึงลั่วหยุนที่อยู่ห่างออกไปไกลแสนไกลให้รู้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“พวกเจ้าทุกคนคอยปกป้องเมืองหยูหลัน ข้าจะออกไปข้างนอกสักพัก!” ลั่วหยุนออกคำสั่ง จากนั้นเขาบินตรงไปยังเมืองเจินไห่ทันที!