บทที่ 454 ลูกชายของเจ้าไม่คู่ควรกับลูกสาวของข้า!
ขณะที่ลั่วหยุนและมี่ตั้วตั้วกำลังคุยกัน กลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็ได้มาถึงจวนเจ้าเมืองเรียบร้อยแล้ว
ภายในจวนเจ้าเมืองเมื่อได้รับข่าวการมาของหลิงตู้ฉิง สีจิ้งหมิงและสีเป่ยเซียะก็กำลังรอคอยอยู่เช่นกัน
เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่ได้บ่มเพาะวิชาดวงใจจักรพรรดิ การพบปะกันเช่นนี้จึงไม่มีพิธีรีตรองอะไรมากนัก แม้แต่หลิงยี่เทียนเองก็แทบไม่ได้พูดเพราะหลิงตู้ฉิงได้พูดทุกอย่างกับฝั่งตรงข้ามไปอย่างชัดเจนหมดแล้ว
แม้ว่าหลิงยี่เทียนจะมีความเฉลียวฉลาด แต่ประสบการณ์กับโลกภายนอกของเขาก็ยังมีน้อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงได้แต่ฟังหลิงตู้ฉิงเท่านั้นไปก่อนในตอนนี้
หลังจากทั้งสองฝ่ายแนะนำตัวเองเสร็จ สีจิ้งหมิงก็พูดขึ้นว่า “เบื้องต้นแล้วข้าเห็นด้วยกับเงื่อนไขความร่วมมือของท่าน อย่างไรก็ตามก่อนที่ข้าจะตัดสินใจครั้งสุดท้าย ข้าจำเป็นต้องพูดคุยกับจักรพรรดิแห่งอาณาจักรจันทราเป็นการส่วนตัว”
หลิงตู้ฉิงเข้าใจว่าสีจิ้งหมิงหมายถึงอะไร ก่อนหน้านี้เป็นการสนทนาระหว่างเขากับสำนักเบญจธาตุ แต่ตอนนี้มันเป็นการสนทนาระหว่างสองจักรพรรดิ
จากนั้น หลิงตู้ฉิงก็เรียกให้หลิงยี่เทียนไปคุยกับสีจิ้งหมิง
“ฝ่าบาทต้องการจะตรัสอะไรกับข้างั้นเหรอ?” หลิงยี่เทียนมองไปที่สีจิ้งหมิงและถามขึ้น
แม้ว่าความแตกต่างในระดับการบ่มเพาะระหว่างทั้งสองฝ่ายจะต่างกันนับหมื่นนับแสนเท่า แต่สีหน้าของหลิงยี่เทียนก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเขารู้ว่าอนาคตของเขาจะอยู่ที่ไหน
เมื่อมองไปที่หลิงยี่เทียนที่มีท่าทีสง่างาม สีจิ้งหมิงยิ้มและถามว่า “ยี่เทียน ท่านรู้วิธีเล่นหมากรุกหรือไม่?”
หลิงยี่เทียนยิ้มและพูดว่า “แน่นอนข้ารู้”
“งั้นเรามาเล่นเกมหมากรุกกันสักกระดานเป็นอย่างไร?” สีจิ้งหมิงถาม
“ย่อมได้!” หลิงยี่เทียนหัวเราะ จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มเล่นหมากรุกกัน
หลังจากจบเกมหมากรุก หลิงยี่เทียนได้เดินตาแรกด้วยตัวหมากรุกสีดำของเขา ‘แป๊ก!’ หลิงยี่เทียนกดตัวหมากสีดำลงบนตำแหน่งเทียนหยวนของกระดานหมากรุก
ตามรูปแบบของหมากการเดินเช่นนี้เป็นการเดินที่เสียเปรียบที่สุดเนื่องจากมันเป็นตำแหน่งที่อยู่ตรงกึ่งกลางกระดาน ซึ่งหมากที่วางไว้จะต้องรับศัตรูจากทุกด้าน
สีจิ้งหมิงเหลือบมองไปที่หลิงยี่เทียนและยิ้ม “ฝ่าบาทยี่เทียน ช่างมีความกล้าหาญดีจริง ๆ!”
หลิงยี่เทียนยิ้ม “เราควรจะเริ่มจากเกาะเทียนหยวน!”
สีจิ้งหมิงไม่ได้พูดอะไรตอบและเริ่มเล่นต่อ
เมื่อเห็นการเล่นที่ตั้งใจของทั้งคู่ ผู้คนรอบข้างจึงไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมาแม้แต่น้อย แน่นอนว่าบรรดาคนที่ดูอยู่บางคนก็ไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ก็มีบางคนที่เข้าว่าหมากเกมนี้มันมีความหมายเชื่อมโยงไปถึงหลายสิ่งหลายอย่างของสถานการณ์ของทั้งสองฝ่าย
แม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะเข้าใจว่าทั้งสองคนกำลังทำอะไรอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้พยายามช่วยหลิงยี่เทียน
ในท้ายที่สุดของเกม หลิงยี่เทียนก็แพ้
สีจิ้งหมิงยิ้มและพูดว่า “อืมท่านนี่ไม่เลวเลยจริง ๆ อย่างน้อย ๆ เมื่อข้าอายุเท่าท่าน ข้าก็ไม่เก่งเท่ากับท่าน”
หลิงยี่เทียนพูดโดยไร้ร่องรอยสีหน้าของความผิดหวัง “ฝ่าบาทก็ชมข้าเกินไป!”
เมื่อเกมหมากรุกจบลงแล้วพวกเขาก็กลับมาที่เรื่องเดิมที่พวกเขาต้องตกลงกัน
“เอาเป็นว่าข้าตกลงที่จะร่วมมือกับท่าน!” สีจิ้งหมิงพยักหน้าเล็กน้อย “เมื่อใดที่ผนึกของทะเลชางหมางถูกเปิดออก ข้าจะส่งมอบอาณาจักรอี้จิ๋นให้กับท่าน”
หลิงยี่เทียนพยักหน้า จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่สีเป่ยเซียะ พูดเมื่อ 2-3 วันก่อน เขามองไปที่สีจิ้งหมิง และพูดว่า “เอ่อ อันที่จริงยังมีอีกเรื่องป้าสีพูดถึงข้าและลูกสาวของท่านเมื่อสองสามวันก่อน…”
แต่ก่อนที่หลิงยี่เทียนจะพูดจบ สีจิ้งหมิงโบกมือขึ้นขัดและพูดว่า “เมื่อไหร่ที่ข้ามอบอาณาจักรอี้จิ๋นให้เจ้าไป ข้ากับครอบครัวของข้าจะออกจากอาณาเขตนภาในทันทีและกลับไปอยู่ที่สำนักเบญจธาตุ ซึ่งลูกสาวของข้าเองก็ต้องกลับไปที่สำนักเบญจธาตุเช่นกันเพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษของนาง นอกจากนี้ลูกสาวของข้ายังซุกซนมาก ดังนั้นข้าเห็นว่านางคงไม่สามารถเป็นมเหสีให้กับท่านได้อย่างเหมาะสมแน่นอน เพราะฉะนั้นเรามาลืมเรื่องนี้กันไปก็แล้วกัน!”
หลังจากพูดจบ สีจิ้งหมิงก็คิดกับตัวเองในใจว่า ‘อันที่จริงเจ้าก็ไม่เลว แต่เจ้ายังอยู่ห่างไกลจากข้อกำหนดของข้ามากเกินไป ดังนั้นข้าจะให้ลูกสาวของข้าแต่งงานกับเจ้าได้อย่างไร?’
ทางด้านของหลิงยี่เทียนหลังจากได้ยินคำพูดของสีจิ้งหมิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาพยักหน้าและส่งยิ้มให้สีจิ้งหมิง และพูดว่า “ท่านพูดถูก!”
อันที่จริงในตอนแรก หลิงยี่เทียนก็ตัดสินใจที่จะปฏิเสธการเกี่ยวดองความสัมพันธ์ของสองตระกูลด้วยการแต่งงานแบบนี้เช่นกัน แล้วยิ่งสีจิ้งหมิงเอ่ยแบบนี้ขึ้นมาก่อนมันก็กลายเป็นเข้าทางของเขาทันที ซึ่งเขาไม่มีวันปฏิเสธแน่นอน
เมื่อสีจิ้งหมิงเห็นปฏิกิริยาของหลิงยี่เทียน เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
จากนั้นสีจิ้งหมิงจึงพูดติดตลกกับหลิงตู้ฉิงว่า “พี่หลิงได้พบกับลูกชายของข้า สีอี้เฉิงแล้ว ซึ่งท่านเองก็มีลูกสาวหลายคนเช่นกัน ท่านสนใจที่จะให้ลูกสาวของท่านแต่งงานกับลูกชายของข้าไหม?”
หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ “แม้ว่าข้าไม่คิดว่าลูกชายของเจ้ามีค่าพอ แต่ถ้าลูกสาวของข้าเต็มใจ ข้าก็ไม่ขัดข้อง!”
คำพูดของหลิงตู้ฉิง ทำให้สีจิ้งหมิงถึงกับหน้าเปลี่ยนสี แม้ว่าคำพูดของเขาที่พูดออกไปมันจะเป็นแค่คำพูดติดตลก แต่คำตอบที่เขาได้รับนั้นมันช่างเสียดหูสุด ๆ
สีจิ้งหมิงสบถด่าในใจ ‘ลูกชายของข้าไม่คู่ควรงั้นเหรอ? ข้าสิควรจะบอกว่าลูกสาวของเจ้าต่างหากที่ไม่คู่ควร!’
สีเป่ยเซียะที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งได้ยินทั้งหมดก็ทำได้แต่ขมวดคิ้ว อย่างไรก็ตาม เย่ชิงเฉิงที่เห็นว่าทั้งสองฝ่ายเริ่มพูดจนไม่ค่อยเข้าหูกันสักเท่าไหร่แล้ว นางจึงรีบพูดขึ้นแทรกว่า “เอาล่ะ ๆ พวกเราลืม ๆ เรื่องนี้กันไปเถอะ สามีในเมื่อตอนนี้เราได้พบกับพี่สีและตกลงทุกอย่างกันได้เรียบร้อยแล้ว ข้าคิดว่าเราควรไปที่อาณาจักรมังกรทะยานกันเลยไม่ดีกว่าเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงพยักหน้าให้สีจิ้งหมิงและสีเป่ยเซียะ “อืม ในเมื่อเราตกลงกันได้ทุกอย่างเช่นนี้แล้ว งั้นข้าก็ขอตัวไปที่อาณาจักรมังกรทะยานก่อนก็แล้วกัน”
หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็สั่งให้เสี่ยวเยว่เฟิงและหลงเฉินเตรียมตัวสำหรับการออกเดินทาง
สำหรับสีจิ้งหมิงและคนของเขาก็ออกมาส่งกลุ่มของหลิงตู้ฉิงไปที่รถม้าโดยไม่แสดงสีหน้าความรู้สึกใด ๆ
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงและคนของเขาจากไป สีจิ้งหมิงก็เอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์โมโหว่า “ฮึ่ม! กล้าดูถูกลูกชายของข้ามากขนาดนี้ ถ้าไม่ติดเรื่องความของลับทะเลชางหมางแล้วล่ะก็ข้าคงไม่ร่วมมือกับเขาแน่!”
สีเป่ยเซียะถอนหายใจ “ใครบอกให้เจ้าดูถูกลูกชายของเขาก่อนกันล่ะ?”
“ข้าก็แค่พูดไปตามความจริงนี่นา พวกเขามีสถานะแบบไหนถึงกล้าเปรียบเทียบกับลูกของข้า?” สีจิ้งหมิงหน้ามุ่ย
สีเป่ยเซียะส่ายหัวและตัดสินใจที่จะไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับน้องชายของนางต่อ
จากนั้นเมื่อสีเป่ยเซียะครุ่นคิดอะไรได้อยู่ครู่หนึ่ง นางจึงถามขึ้นว่า “การที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังอาณาจักรมังกรทะยานในครั้งนี้ พวกเขาคงจะสร้างความปั่นป่วนมากมายแน่นอน เจ้าอยากไปดูไหม?”
สีจิ้งหมิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากจะเห็นอะไรทั้งนั้น! ยิ่งไปกว่านั้นข้าคือจักรพรรดิแห่งอาณาจักรอี้จิ๋น ตัวตนของข้าต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่เช่นนั้นมันอาจเกิดความเข้าใจผิดได้และอาจทำให้อาณาจักรอี้จิ๋นและอาณาจักรมังกรทะยานขัดแย้งกันโดยไม่จำเป็น”
สีเป่ยเซียะยิ้มและพูดว่า “หากเจ้าไม่ไปก็ไม่เป็นไร งั้นข้าจะไปดูการแสดงอันน่าตื่นตานี้ด้วยตัวเองก็แล้วกัน!”
สีจิ้งหมิงไม่สามารถขัดแย้งอะไรได้กับการตัดสินใจของพี่สาวของเขา และเนื่องจากทางด้านของหลิงตู้ฉิงเองก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันติดตามไปด้วย ดังนั้นเขาเองก็มั่นใจในความปลอดภัยของสีเป่ยเซียะได้ในระดับหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างจบเรียบร้อย สีจิ้งหมิงก็ออกเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรอี้จิ๋นทันทีเช่นกัน