บทที่ 467 เตรียมออกจากทะเลชางหมางอีกครั้ง
ทุกคนรู้ว่าหลิงตู้ฉิงจะออกจากทะเลชางหมางอีกครั้ง และหลิงตู้ฉิงก็เคยพูดเช่นนี้มาก่อน
เนื่องจากพ่อของเย่ชิงเฉิงยังคงติดอยู่ในภูเขาด้านหลังของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ และสามารถคงมีชีวิตอยู่รอดได้นานที่สุดเพียง 500 ปี
500 ปีอาจไม่ใช่ช่วงเวลาสั้น ๆ สำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับการเตรียมตัวช่วยคนในสถานที่อันตรายเช่นนั้นมันก็ไม่ได้นับว่าเป็นเวลาที่ยาวนานอะไรเลย
และนี่มันก็เป็นเวลาผ่านมาแล้วกว่า 20 ถึง 30 ปี ที่หลิงตู้ฉิงได้ให้สัญญาไว้กับเย่ชิงเฉิง
แม้ว่าจะยังมีเวลาอีกกว่า 400 ปี แต่ระยะห่างระหว่างสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์และอาณาเขตนภานั้นก็ไกลกันเป็นอย่างมาก
ต่อให้เป็นเพียงการส่งข่าวสารต่าง ๆ มันก็ยังต้องใช้เวลาถึง 2 ถึง 3 ปีกว่าข้อมูลจะส่งไปถึง
ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องคิดหาวิธีมากมายที่จะทำให้พ่อของเย่ชิงเฉิงออกมาจากสถานที่ลึกลับนั้นให้ได้ ซึ่งตามการประเมินของเขาแล้ว ตัวเขาเองในเวลานี้ไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นได้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม การไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต้องใช้เวลามาก ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องออกเดินทางไปที่นั่นก่อน และพอไปถึงที่นั่นแล้วเขาค่อยหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนทางด้านนี้ที่อาณาจักรจันทรา ถึงแม้ว่าการออกไปรอบนี้น่าจะใช้เวลามากกว่ารอบที่แล้ว แต่การที่เขามีหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์คอยดูแลความเรียบร้อยของที่นี่ให้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย
จะมีเรื่องที่เขากังวลเพียงอย่างเดียวก็คือ หากมีอะไรเกิดขึ้นมาจริง ๆ ซึ่งทำให้หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ลงมือขึ้นมา นางก็จะหายไปในทันที ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น
นี่จึงเป็นเหตุผลของการบรรยายก่อนที่เขาจะจากไป
“ท่านพ่อ ข้าเตรียมคนที่จะเข้าร่วมการบรรยายไว้พร้อมแล้ว ท่านจะเริ่มบรรยายเมื่อไหร่?” หลิงยี่เทียนถาม
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “คราวนี้เนื้อหาของการบรรยายอาจจะน้อยลงไปมาก พ่อคงจะแค่ให้คำแนะนำเล็กน้อยเกี่ยวกับเส้นทางการบ่มเพาะที่ยังไม่เคยพูด หลังจากนั้นเจ้าจงทิ้งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่เจ้าไว้ใจได้ให้กับพ่อ เพราะพ่อจะชี้แนะพวกเขาเกี่ยวกับกฎของระดับหลุดพ้นสามัญ”
“เนื่องจากในตอนนี้มีผู้คนเป็นจำนวนมากได้เข้าสู่ระดับสวรรค์สามัญแล้ว ดังนั้นหลังจากผ่านไปอีกสักระยะ มันก็น่าจะมีคนที่สามารถทะลวงผ่านระดับหลุดพ้นสามัญได้เช่นกัน ซึ่งในเวลานั้นผนึกสมดุลที่ปกคลุมทะเลชางหมางอยู่ก็จะคลายตัวไปอีกระดับ”
“พ่อไม่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในทะเลชางหมาง สิ่งที่กังวลก็คือเหล่าขุมกำลังต่าง ๆ ที่อยู่นอกทะเลชางหมาง เมื่อมีคนรู้ว่าทะเลชางหมางสามารถให้ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญเข้ามาได้เมื่อไหร่ ขุมกำลังต่าง ๆ ก็คงต่างพากันส่งกำลังเสริมที่แข็งแกร่งของตนเองเข้ามาที่ทะเลชางหมางมากขึ้น”
“อย่าลืมว่าเรายังมีศัตรูอีกหนึ่งที่ยังไม่ปรากฏ นั่นก็คือสันเขาหมื่นอสูร ตามความเข้าใจของพ่อเกี่ยวกับสันเขาหมื่นอสูร พวกเขาจะมาที่นี่ในไม่ช้าก็เร็ว พวกเจ้าทุกคนต้องระวัง”
อสูรปีศาจแห่งสันเขาหมื่นอสูรนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องของความโหดเหี้ยมดุร้าย
ครั้งที่แล้วเนื่องจากเรื่องของการ ‘กินกวางวิเศษ’ สันเขาหมื่นอสูรส่งสิบสองอสูรโลหิตพร้อมกับจี้จู่เข้ามาที่ทะเลชางหมาง ซึ่งพวกเขาทั้งหมดก็ถูกสังหารโดยหลิงตู้ฉิง แม้ว่าหลังจากนั้นสันเขาหมื่นอสูรจะเงียบไป หลิงตู้ฉิงก็มั่นใจว่าเหล่าอสูรปีศาจแห่งสันเขาหมื่นอสูรจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน
“ข้าจะระวังไว้ท่านพ่อ!” หลิงยี่เทียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “และอีกอย่างก่อนที่พ่อจะกลับมา เจ้าอย่าพึ่งขยายอาณาเขตไปนอกทะเลชางหมาง ถึงแม้ว่าเจ้าจะได้รับการสนับสนุนจากลั่วหยุน เจ้าต้องรู้เอาไว้ว่าถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าหากเจ้าส่งเขาไปเผชิญกับขุมกำลังมหาอำนาจต่าง ๆ เขาเองก็ไม่สามารถเอาชนะพวกคนเหล่านั้นได้เช่นกัน สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือเจ้าต้องช่วยให้เขาฝึกไปเรื่อย ๆ ก่อนจนกว่าเขาจะแข็งแกร่งมากพอ และอย่าลืมว่าเจ้าจำเป็นต้องชำระล้างสนามรบตามวิธีที่พ่อเคยบอกเจ้าเอาโดยใช้ผู้คนจากหุบเขาบุปผาอนันต์ที่พ่อสั่งให้พวกนางมาช่วยเหลือเจ้าที่นี่”
หลิงยี่เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อข้าไม่ลืมแน่นอน บรรดาคนจากหุบเขาบุปผาอนันต์ที่มาถึงนั้นหนึ่งในนั้นเป็นผู้อาวุโสของพวกเขาที่นำเหล่าลูกศิษย์มาด้วยตนเอง หลังจากที่พวกเขามาถึง ข้าได้จัดแจงให้พวกเขาไปอยู่กับพี่สี่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขา และที่สำคัญการบรรยายคราวนี้ของท่าน ข้าได้ให้ที่นั่งกับพวกเขาเป็นจำนวนหนึ่งด้วยเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเขาส่งคนมาช่วยข้า”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “พวกเจ้าจงจัดการกับเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง สำหรับเวลาที่พ่อจะบรรยาย พ่อจะจัดมันขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า จากนั้นหนึ่งเดือนต่อมาพ่อจะออกจากทะเลชางหมางทันที”
“เอาล่ะ งั้นข้าขอตัวไปแจ้งข่าวนี้ให้กับคนอื่น ๆ รู้กันก่อน!” หลิงยี่เทียนหัวเราะ
หลังจากที่หลิงยี่เทียนจากไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็ไปที่เรือนของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ
เนื่องจากนางได้บอกกับเขาก่อนหน้านี้ไว้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจัดการกับธุระต่าง ๆ เสร็จให้เขามาพบกับนาง
เมื่อมาถึงเรือนของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ หลิงตู้ฉิงก็เห็นว่านางกำลังยุ่งอยู่กับหม้อเอกภพที่อยู่ตั้งอยู่ตรงหน้าของนาง
เมื่อสัมผัสได้ว่าหลิงตู้ฉิงมาถึงแล้ว เหลียงเฟ่ยเอ๋อก็หยุดการฝึกและเงยหน้าขึ้นถาม “สามี อีกนานเท่าไหร่กว่าท่านจะออกจากทะเลชางหมาง?”
“ประมาณสองเดือน” หลิงตู้ฉิงส่งยิ้มให้กับนาง
เหลียงเฟ่ยเอ๋อพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถ้าเหลืออีกแค่สองเดือน ข้าคงจะควบแน่นมันได้แค่เพียงหนึ่งหยด แต่มันก็คงเพียงพอแล้วสำหรับท่าน”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “อันที่จริงไม่เป็นไร ข้าเองไม่ได้ต้องการมันมากขนาดนั้น ถ้ามันมีเพียงแค่หยดเดียว เจ้าก็ควรที่จะมอบมันให้กับชิงเฉิง แทนข้า”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อมองไปที่หลิงตู้ฉิง แต่ไม่ได้พูดอะไร ในใจของนางตั้งมั่นไว้เพียงหนึ่งเดียวคือถ้าหากในเวลาที่เหลือนางควบแน่นมันออกมาได้เพียงหยดเดียว นางจะมอบให้กับหลิงตู้ฉิงเท่านั้น ไม่มีวันมอบให้กับใครคนอื่นแน่นอน
ส่วนบรรดาคนอื่น ๆ ที่อยู่ในทะเลชางหมางนั้น นางยังไม่ได้ให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ เนื่องจากทุกคนต่างยังอยู่ในทะเลชางหมางกับนาง ซึ่งนางมีเวลาถมเถที่จะควบแน่นหยดน้ำแห่งความโชคดีในหม้อเอกภพให้กับพวกเขา แตกต่างกับหลิงตู้ฉิงที่กำลังจะออกไปจากทะเลชางหมางเร็ว ๆ นี้แล้ว
หลิงตู้ฉิงไม่ได้สนใจอะไรกับท่าทีของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ เขาเพียงแค่บอกให้นางส่งเหรียญตราผนึกสวรรค์ของนางมาให้กับเขา เพื่อที่เขาจะได้ปรับแต่งมันให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในอนาคตของชิ้นนี้จะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดชิ้นหนึ่งของตระกูลหลิง
ครึ่งเดือนต่อมา หลิงตู้ฉิงพูดกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อว่า “ตอนนี้ถ้าเจ้าใช้มัน ระดับของผู้เชี่ยวชาญที่เจ้าจะสามารถผนึกระดับการบ่มเพาะได้คือผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำขั้นสูงสุด และอาณาเขตสำแดงผลของมันจะอยู่ที่รัศมี 500 เมตรรอบกายของเจ้า”
“ขอบคุณสามี!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อหัวเราะ นางพอใจมากกับเหรียญตราผนึกสวรรค์ที่ถูกปรับแต่งใหม่นี้
หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็ไปหาหลิงฟ่างหัวเพื่อชี้แนะนางเกี่ยวกับประตูมิติที่เขาปรับแต่งให้ใหม่ และจากนั้นเขาก็ไปตรวจสอบการบ่มเพาะของหลิงไช่หยุน
“ไช่หยุน ความคืบหน้าในการบ่มเพาะของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยถาม
หลิงไช่หยุนหัวเราะ “ท่านพ่อ ข้าคิดว่าอีกไม่นานข้าคงจะบรรลุระดับ 14 ของขอบเขตประสานทะเลปราณได้แน่นอน!”
แม้จะได้ยินเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าลูกคนเล็กของเขาไม่ได้ตั้งใจฝึกฝนอะไรมากนัก
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ยอมตั้งใจฝึกฝนอย่างที่พ่อบอก ในอนาคตเมื่อเจ้าไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ เจ้าจะถูกคนอื่นล้อเลียน! เจ้าจงอย่าลืมว่าที่ภูเขาฟีนิกซ์ยังมีอัจฉริยะอย่างหวงเซียะอยู่ด้วย และยิ่งก่อนหน้านี้ที่พ่อเจอกับนางและพ่อได้ให้ความช่วยเหลือแก่นางโดยการทำให้รากฐานขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 14 ของนางมั่นคงยิ่งขึ้น แถมพ่อยังทำให้นางได้รับพรจากการทำลายกำแพงมิติโลกนภาอีกต่างหาก ดังนั้นหากเจ้าไม่ฝึกให้หนัก แม้ว่าเจ้าจะไปที่ภูเขาฟีนิกซ์ มันก็จะไม่มีใครที่นั่นนับถือเจ้า”
หลิงไช่หยุนตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่จะถามว่า “หวงเซียะ? ท่านพ่อท่านหมายถึงหวงซีรึเปล่า? นี่ท่านได้พบกับหวงซีแล้วเหรอ? ตอนนี้นางอายุเท่าไหร่? ระดับการบ่มเพาะของนางสูงแค่ไหน?”
“พ่อได้พบกับนางแล้วในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ตอนนี้นางอายุมากกว่า 200 ปีและอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 14 แต่นับจากนี้ไประดับการบ่มเพาะของนางจะยิ่งมีแต่เพิ่มเร็วขึ้นเรื่อย ๆ !” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
“เชอะ! นางจะเร็วได้สักแค่ไหนกัน ไม่ว่ายังไงข้าก็เร็วกว่านางแน่นอน!” หลิงไช่หยุนพูดอย่างมีอารมณ์
“สิ่งที่เจ้าต้องทำคือเจ้าต้องบ่มเพาะให้เหนือกว่านาง ต้องเหนือกว่าให้มากที่สุด” หลิงตู้ฉิงพูด “เพราะนี่เป็นวิธีเดียวที่เจ้าจะสามารถครอบครองมหาวิถีแห่งภูเขาฟีนิกซ์ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องรอต่อไป”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเหนือกว่านางแน่นอน!” หลิงไช่หยุนพูดเสียงแข็ง
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “นอกจากนี้การทำความเข้าใจกับเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในกงล้อเบญจธาตุเป็นอย่างไรบ้าง? พ่อกำลังจะออกจากทะเลชางหมางในอีกครึ่งเดือน เมื่อถึงตอนนั้นพ่อจะต้องนำกงล้อเบญจธาตุติดตัวไปกับพ่อด้วย”
หลิงไช่หยุนตอบอย่างเชื่องช้า “อีกนิดเดียวไม่ต้องห่วง ท่านพ่อข้าจะทำความเข้าใจให้เสร็จก่อนท่านจะไป”
ในความเป็นจริง นางไม่ได้ศึกษามันเลย นางแค่พูดขึ้นไปแบบนั้นเพื่อถ่วงเวลาไปอีกสักหน่อย เพื่อให้นางได้มีโอกาสศึกษาเปลวเพลงศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่
หลิงตู้ฉิงลูบหัวของหลิงไช่หยุน และพูดว่า “เจ้ามีความสามารถมาก แต่เจ้าชอบขี้เกียจ งั้นพ่อจะให้เวลาเจ้าอีกหน่อยก็แล้วกัน!”
“อืม!” หลิงไช่หยุนพยักหน้าพร้อมกับสาบานในใจว่านางจะฝึกฝนและศึกษาเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์และเหนือกว่าหวงเซียะให้ได้