เมื่อฟางหมิงยู่และพรรคพวกได้ยินการสนทนาระหว่างหลิงตู้ฉิงและหวางหมิงหยวน พวกเขาก็รู้สึกงุนงงในใจ
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมถึงไปเรียกคนที่มีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณว่าผู้อาวุโสกัน? แถมยังกล้าพูดคุยกันเรื่องคลังสมบัติของอารามนวดาราต่อหน้าพวกเขาอีกต่างหาก?
แต่ถึงแม้พวกเขาจะงุนงงสงสัย พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะตอนนี้ความสนใจส่วนใหญ่ของพวกเขาถูกดึงไปที่ประเด็นของ วัสดุระดับจักรพรรดิที่อยู่ในคลังสมบัติของอารามนวดารา
ฟางหมิงยู่และอีกสามคนต่างมองหน้ากันด้วยความโลภ พร้อมกับคิดในใจว่าพวกเขาจะแบ่งสันปันส่วนกันอย่างไร
ส่วนเรื่องของบรรพบุรุษที่หยวนต้าตงกล่าวอ้างนั้น จากที่พวกเขาได้ติดตามข่าวสารของอารามนวดารามาตลอด ซึ่งพวกเขาเคยได้ข่าวว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้มีปัญหาภายในบางอย่างเกิดขึ้น พวกเขาจึงคาดคะเนกันเอาไว้ว่ามีโอกาสเก้าส่วนที่บรรพบุรษผู้นั้นไม่ได้อยู่ที่สำนักอีกแล้ว
เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงต้องการที่จะเอาวัสดุระดับจักรพรรดิ อี้ตงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากผู้เชี่ยวชาญระดับต่ำอย่างเจ้ายังได้รับวัสดุระดับจักรพรรดิ พวกเราคงสมควรได้รับวัสดุระดับเท…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามชีวิตที่โอบล้อมรอบกายของเขาจนขนลุกซู่ จากนั้นในชั่วพริบตาถัดมาเขาก็ได้เห็นกระบี่นับสิบเล่มได้พุ่งออกมาจากรถม้าและเรียงตัวกันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ล้อมรอบหลิงตู้ฉิงและรถม้าเอาไว้
ทางด้านของคนอื่น ๆ ที่สัมผัสได้ถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของค่ายกลกระบี่ พวกเขาต่างก็ตะลึงงัน ในตอนนี้อำนาจที่ค่ายกลกระบี่แสดงออกมามันทะลุระดับรู้แจ้ง หรือขอบเขตสวรรค์ระดับ 5 ไปเรียบร้อยแล้ว
หลิงตู้ฉิงมองไปที่อี้ตงเทียน และพูดว่า “ความสามารถอย่างเจ้าน่ะเหรอ ต้องการที่จะได้ครอบครองวัสดุระดับเทวะ? เอาล่ะ จงนำทางข้าเข้าในอารามนวดาราของเจ้าได้แล้ว”
แน่นอนว่าประโยคสุดท้ายหลิงตู้ฉิงนั้นเอ่ยกับหวางหมิงหยวน
เมื่อเห็นการแสดงอันน่าตระการตาเช่นนี้ของหลิงตู้ฉิง หวางหมิงหยวนก็ตอบกลับอย่างตื่นเต้น “ผะ ผะ ผู้อาวุโสโปรดตามข้ามาได้เลย!”
หวางหมิงหยวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่เขาได้เห็นค่ายกลกระบี่ที่เคยทำให้ผู้เชี่ยวชาญของขุมกำลังมหาอำนาจต้องหวาดกลัวจนแทบไม่กล้าขยับ แถมยังโดนยึดอาวุธระดับจักรพรรดิโดยที่ไม่กล้าปริปากเถียงแม้แต่ครึ่งคำอีกครั้ง และที่สำคัญคราวนี้ที่ค่ายกลกระบี่เปิดใช้งานสำนักของเขาเองคือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากมัน
ภายใต้การปกป้องของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา หลิงตู้ฉิงและกลุ่มของเขาก็พากันเข้าไปยังอารามนวดารา
ฟางหมิงยู่และอีกสามคนที่เห็นภาพนี้ก็ทำได้แต่ยืนมองอยู่เงียบ ๆ โดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง เพราะพวกเขากลัวว่าถ้าเกิดพวกเขาส่งเสียงให้หลิงตู้ฉิงรำคาญเมื่อไหร่ หลิงตู้ฉิงอาจใช้อำนาจของค่ายกลกระบี่นั้นสังหารพวกเขาทันที ซึ่งพวกเขาไม่มีทางต่อต้านมันได้แน่นอน
เมื่อเห็นว่ากลุ่มของหลิงตู้ฉิงเข้าไปในอารามนวดาราเรียบร้อย ฟางหมิงยู่และอีกสามคนที่มากับเขาต่างก็มองหน้ากันไปมา และจากนั้นพวกเขาก็หันหลังกลับไปยังแนวป้องกันชั่วคราวของสำนักพวกเขาที่สร้างขึ้นมาปิดล้อมอารามนวดาราอย่างเงียบ ๆ
พวกเขาต้องหารือกันว่าพวกเขาควรจะทำอย่างไรกับอารามนวดาราในอนาคต
ภายในรถม้า เย่ชิงเฉิงมองไปที่เย่หยูหลันด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจราวกับจะพูดว่า ‘ขอเพียงแค่ข้าไม่สั่งให้เจ้าลงมือ เจ้าก็ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?’
ทางด้านของเย่หยูหลันก็มองตอบด้วยสีหน้าจนปัญญา นางรู้สึกว่าตัวเองโง่เง่าจริง ๆ ที่ลืมเรื่องค่ายกลกระบี่เหินเมฆาไปได้อย่างไร?
อาวุธระดับจักรพรรดิและวัสดุที่ใช้สร้างกระบี่บินก็เป็นของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นางไม่ใช่รึไง? นี่นางเลอะเลือนจนถึงขนาดที่นางจำมันไม่ได้ ได้ยังไง?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากให้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของนางช่วยอยู่ดี
แน่นอนว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้สนใจอะไรในสิ่งที่นางคิดแม้แต่น้อย
ภายใต้การปกป้องของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา ทุกคนก็ก้าวเข้าไปในอารามนวดารา ซึ่งในขณะนี้หยวนต้าตงยืนรอต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
ที่หยวนต้าตงแสดงท่าทีเป็นมิตรเช่นนี้ก็เพราะว่า หลิงตู้ฉิงได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาอย่างชัดเจนโดยการขับไล่สี่ผู้เชี่ยวชาญที่รวมหัวกันพยายามจะปล้นชิงสำนักของเขาไปได้
“ข้าได้ยินมานานแล้วถึงความเลิศล้ำของผู้อาวุโส แล้วยิ่งข้าได้เห็นกับตาของตัวเองเช่นนี้มันนับได้ว่าเป็นบุญตาจริง ๆ” หยวนต้าตงหัวเราะ “พระคุณที่ท่านช่วยเหลือครั้งนี้ ข้าและสำนักอารามนวดาราของข้า จะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน…”
ก่อนที่หยวนต้าตงจะเอ่ยจบ หลิงตู้ฉิงก็พูดแทรกขึ้นก่อนว่า “ของที่ข้าต้องการอยู่ที่ไหน?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มของหยวนต้าตงก็กลายเป็นแข็งค้างทันที ในขณะเดียวกันหวางหมิงหยวนก็สื่อสารกับเขาทางโทรจิตเล่าถึงลักษณะนิสัยของหลิงตู้ฉิงให้หยวนต้าตงเข้าใจได้ชัดเจน และให้รีบตอบตกลงกับหลิงตู้ฉิง
เมื่อถูกหวางหมิงหยวนเร่งเร้าเช่นนี้ หยวนต้าตงก็เกิดอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นความแข็งแกร่งของหลิงตู้ฉิงแล้ว เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก เนื่องจากค่ายกลกระบี่นี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถกำราบสำนักของเขาได้ทั้งสำนักเช่นกัน
“ผู้อาวุโสเรื่องวัสดุท่านอย่าได้กังวล!” หยวนต้าตงหัวเราะ “ก่อนอื่นข้าคิดว่าท่านควรพักผ่อนที่อารามนวดาราของเราสักหน่อยเพื่อให้พวกเราได้แสดงการต้อนรับในฐานะเจ้าบ้านที่ดี จากนั้นข้าค่อยพาผู้อาวุโสไปเลือกของจากคลังสมบัติ ท่านว่าดีไหม?”
หยวนต้าตงพยายามรั้งตัวหลิงตู้ฉิงให้อยู่ที่นี่นานที่สุด เพราะด้วยอำนาจที่หลิงตู้ฉิงแสดงออกมาเมื่อครู่หากเขายังอยู่ที่นี่มันก็ไม่มีใครหน้าไหนที่กล้าเข้ามาบุกอารานวดาราของเขาแน่นอน
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่ต้องการเสียเวลาที่สำนักของเจ้านานนัก อ๋อ แล้วอย่าลืมว่าวัสดุระดับจักรพรรดิชิ้นนั้นเป็นของข้าแล้ว”
หยวนต้าตงเหลือบมองไปที่หวางหมิงหยวนด้วยสีหน้าอับจน จากนั้นเขาพูดกับหลิงตู้ฉิง “ผู้อาวุโสสี่สำนักใหญ่ยังคงปิดล้อมอารามนวดาราของเรา…จากข้อตกลงที่ผู้อาวุโสหวางและผู้อาวุโสให้ไว้ต่อกัน มันไม่ใช่ว่าท่านจะต้องช่วยเราแก้ไขปัญหาของอารามนวดาราของเราก่อน แล้วจากนั้นท่านค่อยรับสมบัติไปใม่ใช่งั้นเหรอ? ท่านผู้อาวุโส?”
เขาตำหนิหวางหมิงหยวนในใจ คนผู้นี้ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แต่กลับเรียกร้องขอค่าตอบแทนซะแล้ว?
หวางหมิงหยวนเมินทำเป็นไม่สนใจ ในเมื่อหลิงตู้ฉิงได้รับเชิญเข้ามาแล้ว เขาก็อยากจะรู้ว่าคนที่ไร้น้ำยาอย่างหยวนต้าตงจะทำอะไรได้อีก
ซึ่งสิ่งที่เขาแน่ใจก็คือไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หยวนต้าตงไม่กล้าที่จะปฏิเสธข้อตกลงนี้แน่นอน
ส่วนความคิดที่หยวนต้าตงมีต่อเขานั้น เขามองว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญใด ๆ เลยหากเทียบกับเรื่องของการทำให้อารามนวดารารอดหายนะครั้งนี้ไปได้
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “มูลค่าของสิ่งที่ข้าจะได้รับจากพวกเจ้าจะเป็นตัวกำหนดว่าข้าจะช่วยเจ้ามากแค่ไหน เอาของให้ข้าก่อนแล้วข้าจะตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยวนต้าตงก็ลังเลและคิดในใจ ถ้าข้าให้ของเจ้าแล้วเจ้าหนีไป ใครจะทำอะไรเจ้าได้?
หวางหมิงหยวนกลอกตามองไปบนเพดาน เขาไม่เข้าใจว่าหยวนต้าตงกำลังลังเลอะไรอยู่ จากความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสคนนี้ หากเขาต้องการชิงสมบัติวิเศษจากอารามนวดาราจริง ๆ พวกเขาก็คงไม่มีทางที่จะต่อต้านได้อยู่ดี
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยอยากเสียเวลากับที่นี่มากสักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากเขาได้เข้ามาในอารามนวดาราแล้ว ดังนั้นเขาก็ได้แต่ทำใจอดทนรอไปอีกหน่อย
แน่นอนว่าตัดเรื่องการปล้นชิงไปได้เลย ต่อให้เป็นเมื่อชีวิตก่อนที่เขาบ่มเพาะเต๋าไร้อารมณ์ เขาก็ไม่เคยทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนั้น
เมื่อมองไปที่คนตรงหน้าและเห็นว่าอารมณ์ของคนผู้นี้กำลังแปรปรวนอย่างไม่หยุดหย่อน หลิงตู้ฉิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ข้าจะให้เวลาเจ้าสองชั่วโมงในการคิดทบทวน แต่ถ้าหากผ่านไปสองชั่วโมงเจ้ายังไม่มีคำตอบให้กับข้า ข้าจะออกไปจากที่นี่ทันที และจงอย่าลืมว่าถ้าเจ้าไม่แลกเปลี่ยนกับข้าก็จงอย่านำชื่อของข้าไปเอ่ยอ้างกับคนอื่นในอนาคต ไม่เช่นนั้นข้าจะมาที่นี่เพื่อคิดบัญชีกับอารามนวดาราของเจ้า” หลิงตู้ฉิงยื่นคำขาด
เขาอยากรู้มากว่าเขาจะได้สมบัติอะไรจากอารามนวดารา?
จากการที่เขาเดินทางมาตั้งไกลเพื่อคืนสมบัติ ทั้งที่ในตอนแรกเขากับอารามนวดาราเป็นศัตรูกันด้วยซ้ำ ดังนั้นผลจากการทำดีเช่นนี้เขาควรจะได้รับประโยชน์อะไรบ้างจริงไหม?
เขาคาดหวังเป็นอย่างมากว่าที่นี่จะมีอะไรที่ทำให้เขาได้ประหลาดใจ!