บทที่ 535 เบื้องหลังความเย็นชาของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์
“สามี นี่ท่านกำลังจะทำอะไรงั้นเหรอ?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัยปนกังวล “แต่ไม่ว่าเราจะทำอะไรต่อ หากเราจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ข้าคิดว่าพวกเราต้องไปคุยกับสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์เรื่องเปลี่ยนเกาะให้เราอาศัยใหม่ เกาะก็เล็กแถมพวกเรือนก็สภาพซอมซ่อขนาดนี้พวกเราจะอยู่กันไปได้ยังไง?”
มองไปยังรอบ ๆ เกาะแห่งนี้มีเรือนสร้างอยู่เพียงไม่กี่หลังแถมแต่ละหลังก็อยู่ในสภาพที่เก่าเป็นอย่างมาก หากวัดจากมาตรฐานของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์แล้วเกาะนี้คงเป็นสถานที่ที่ให้เหล่าศิษย์ชั้นปลายแถวเท่านั้นในการมาอยู่อาศัย ต้องรู้ว่าสถานะของพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นการให้พวกเขามาพักในที่แบบนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการดูหมิ่นกันชัด ๆ
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน ตำแหน่งของเกาะแห่งนี้มันดีมากอยู่แล้ว พวกเราจะพักกันที่นี่แหละ”
เย่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตางุนงงไม่เข้าใจว่า หลิงตู้ฉิงหมายความว่ายังไง
แต่ในเมื่อหลิงตู้ฉิงได้เอ่ยมาเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ทำได้แค่พยักหน้าตกลงอย่างเชื่อฟัง และทำใจพักที่เกาะแห่งนี้ที่มีชื่อเรียกว่า เกาะเม็ดทราย
หลังจากที่ทุกคนจัดเตรียมที่พักให้กับตัวเองเรียบร้อย และหลิงตู้ฉิงสัมผัสได้ว่าเจตจำนงของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันได้จากไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดกับเย่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ว่า “ก่อนหน้านี้มีเจตจำนงของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันแอบมาสอดส่องเราอยู่ แต่ตอนนี้เขาได้จากไปแล้ว”
การต้อนรับพวกเขาด้วยเกาะโทรม ๆ แห่งนี้มันอาจจะยังพอรับได้ แต่การที่สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ส่งเจตจำนงของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันของพวกเขามาสอดส่องเช่นนี้มันดูเป็นการคุกคามที่เกินขอบเขตไปอย่างมาก
“สามี การที่พวกเขาทำเช่นนี้พวกเขาต้องวางแผนร้ายกับพวกเราไว้อย่างแน่นอน ข้าคิดว่าพวกเราควรออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าบอกแล้วไงว่าไม่จำเป็นต้องไปไหน อีกไม่นานพวกเขาจะมาอ้อนวอนให้พวกเราใช้ประตูเคลื่อนย้ายด้วยตัวเอง อันที่จริงเมื่อครู่ข้ายังเอ่ยไม่จบประโยคเพราะเจตจำนงของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันกำลังฟังพวกเราคุยกันอยู่ ข้าอยากจะบอกว่าสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์น่าจะบ่มเพาะวิชาคลื่นวารี ซึ่งเป็นวิชาของเทพีหลิงเปา”
“ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเทพีหลิงเปาอย่างชัดเจนในเกาะแห่งนี้ ซึ่งข้าคิดว่านางคงจะเคยใช้สถานที่แห่งนี้ในการบ่มเพาะเต๋าของนาง แถมนางยังทำการสถิตมหาวิถีเต๋าของนางทิ้งไว้ที่นี่อีกต่างหาก ดังนั้นพวกเราจะอยู่ที่นี่กันไปก่อน ข้าจะตามหามหาวิถีเต๋าของเทพีหลิงเปาและใช้มันในการบ่มเพาะร่างวารีของข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่หยูหลันถึงกับขนลุกด้วยความตื่นตระหนกและรีบพูดว่า “นายท่าน หากพวกเราไปยุ่มย่ามกับมหาวิถีเต๋าของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ พวกเราคงได้เป็นศัตรูกับพวกเขาแน่นอน!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ต่อให้หลิงเปาอยู่ที่นี่ หากนางรู้ว่าข้าใช้มหาวิถีเต๋าของนางในการบ่มเพาะร่างของข้าเอง ไม่เพียงนางจะไม่ขัดข้องมันจะกลายเป็นว่านางรู้สึกเป็นเกียรติซะด้วยซ้ำ และอีกอย่างข้าไม่ได้จะดึงเอาพลังของมหาวิถีเต๋าของพวกเขามาใช้ทั้งหมดซะเมื่อไหร่ ข้าเพียงแค่แบ่งมาใช้บ้างแค่ส่วนเดียว ซึ่งด้วยวิธีของข้า พวกคนของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางจับได้หรอก”
เย่ชิงเฉิงเงียบไปสักพัก จากนั้นนางพูดขึ้นว่า “สามี ถึงแม้ว่าสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์จะแสดงท่าทีแล้งน้ำใจกับเรา แต่ข้าอยากขอร้องท่าน หากท่านจะใช้มหาวิถีเต๋าของพวกเขาในการฝึกฝน ท่านก็อย่าได้ใจร้ายเอามหาวิถีเต๋าของพวกเขามาใช้จนหมดเลยนะ อย่างน้อย ๆ ก็เห็นใจพวกเขาสักหน่อยแบ่งมาใช้แค่บางส่วนก็พอ”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล อย่างมากที่สุดข้าแค่จะทำให้พวกเขาต้องทำการฟื้นฟูมันใหม่สักพันปีเพื่อให้มันกลับมาใช้งานได้! จากการกระทำของพวกเขาที่ปฏิบัติกับเรา การที่ข้าสั่งสอนพวกเขาเพียงเท่านี้มันถือว่าข้าปราณีพวกเขามากแล้ว แต่ถ้าหากพวกเขายังล่วงเกินพวกเราไม่เลิก ข้าจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าการล่วงเกินเรามาก ๆ พวกเขาจะต้องจ่ายราคาจนร้องไห้ไม่ออก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างมองหน้ากันและพูดไม่ออก ตอนนี้ในใจของทุกคนต่างรู้สึกเวทนาในชะตากรรมของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์มากกว่าชะตากรรมของพวกเขาเองซะแล้ว
แค่การกระทำที่ผ่านมาของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงยังลงโทษพวกเขาโดยการทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้มหาวิถีเต๋าของตนเองได้ไปถึง 1,000 ปี หากสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ยังคงทำอะไรน่าเกลียดต่อไปอีก พวกเขาจะต้องจ่ายราคาเพิ่มอีกเท่าไหร่คงไม่มีใครสามารถจินตนาการได้
ขณะนี้บนเกาะใหญ่ที่สุดของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ เกาะปิงปิง มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่อย่างลับ ๆ
เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่สำคัญที่สุดของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบนเกาะนั้นมีแต่บรรดาศิษย์สายหลักและตัวตนระดับสูงของสำนักอาศัยอยู่ และแน่นอนว่าประตูเคลื่อนย้ายก็ตั้งอยู่บนเกาะนี้เช่นกัน
“พี่ฉี ข้าขอบคุณในความช่วยเหลือของท่านมาก” ชายวัยกลางคนพูดพลางประสานมือขอบคุณขึ้น “ข้าและนายน้อยของข้าจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ของท่านไม่ลืมแน่นอน”
ชายวัยกลางคนแซ่ฉี ยิ้มและเอ่ยตอบว่า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก น้องซู ในเมื่อพี่เล้งหวงขอร้องมาเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะไม่ช่วยเหลือ แต่ไม่ว่าจะยังไงข้าเองก็ไม่สามารถรั้งคุณหนูเย่ได้นานนักเช่นกัน ท่านเองเข้าใจในจุดนี้ใช่ไหม?”
สองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ตอนนี้ คนหนึ่งคือ ฉีจินเปา ลูกชายเจ้าสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นคนละคนกับผู้อาวุโสฉีที่ออกไปรับพวกหลิงตู้ฉิงในตอนแรก และอีกคนหนึ่งคือคนรับใช้ของเล้งหวง ซูชางหมิง
เหตุผลที่เย่ชิงเฉิงได้รับการต้อนรับแบบที่ผ่านมาก็เพราะมันคือคำสั่งของ ฉีจินเปา
ส่วนทางด้านของฉีจินเปา ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะซูชางหมิงนำข้อความของเล้งหวงที่ต้องการให้ฉีจินเปาถ่วงเวลาเย่ชิงเฉิงเอาไว้ให้นานที่สุด ซึ่งเล้งหวงก็ได้จ่ายราคาไปเป็นจำนวนมากจนฉีจินเปายอมตกลงด้วย
ซูชางหมิงหัวเราะ “ยังไงก็ต้องรบกวนให้พี่ฉีถ่วงเวลาคุณหนูเย่เอาไว้ก่อนจนกว่าแผนของนายน้อยจะสำเร็จ ซึ่งข้าคิดว่ามันคงจะไม่เกินสัก 100-200 ปี”
ฉีจินเปายิ้มและพูดว่า “ข้าได้ส่งคนไปแจ้งกับคุณหนูของเจ้าแล้วว่า ตอนนี้ประตูเคลื่อนย้ายของเราใช้งานไม่ได้จนกว่าพ่อของข้าจะออกมาจากการปิดด่าน ซึ่งถ้าหากนางตัดสินใจไปใช้ประตูของสำนักอื่นมันก็คงต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 100 ปีกว่าที่นางจะไปถึงสำนักถัดไปที่มีประตู หรือถ้าหากนางตัดสินใจจะบินกลับไปเองนางจะยิ่งใช้เวลามากขึ้นเป็น 300 ปีอย่างต่ำ”
“ถ้าเช่นนั้นก็เยี่ยมเลย!” ซูชางหมิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดีใจ
ฉีจินเปาส่ายหัว “น้องซู อย่าพึ่งด่วนดีใจไป คุณหนูของเจ้าเพิ่งตัดสินใจจะรออยู่ที่นี่ต่อ ข้ารู้มาจากที่ข้าให้ลุงของข้าไปแอบฟังกลุ่มของคุณหนูเจ้าคุยกันเมื่อครู่”
ซูชางหมิงแสดงสีหน้าสงสัยและเอ่ยขึ้น “หืม? เป็นไปได้ยังไง? ด้วยลักษณะนิสัยของคุณหนูแล้วหากนางได้รับการปฏิบัติที่เย็นชาเช่นนี้ ปกติแล้วนางจะต้องทนอยู่ไม่ได้แน่นอนนี่นา?”
“อันที่จริงนางเองก็ทนไม่ได้นั่นแหละ แต่เป็นเพราะผู้ชายที่มากับนางเป็นคนบอกให้นางอยู่ที่นี่ต่อ ดังนั้นนางจึงยอมทนอยู่” ฉีจินเปาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูแคลน
ซูชางหมิงแสดงสีหน้ารังเกียจและเอ่ยขึ้น “มันเป็นเพราะไอ้คนผู้นั้นแท้ ๆ ที่ทำให้นายน้อย… ฮึ่ม! พี่ฉี ท่านช่วยข้าอีกสักหน่อยได้ไหม ข้าอยากให้ไอ้คนผู้นั้นตาย!”
ฉีจินเปาส่ายหัวทันที “ไม่ได้ หากเกิดอะไรแบบนั้นขึ้นในสำนักของข้า มันจะกลายเป็นว่าสำนักของข้าต้องรับผิดชอบ ดังนั้นข้าทำไม่ได้และยิ่งไปกว่านั้นแม่ของคุณหนูเย่จะต้องมาที่นี่ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากจะให้ข้าสั่งสอนเขาล่ะก็ข้ามีอยู่หลายวิธีที่จะทำได้อยู่ พรุ่งนี้ข้าจะส่งศิษย์ของสำนักข้าไปท้าประลองกับเขาและฉีกหน้าเขาต่อหน้าผู้คน ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะมีหน้าอยู่ในสำนักของข้าอีกต่อไปได้!”