บทที่ 536 ประลองกับรุ่นเยาว์
เช้าวันต่อมา
ทางด้านของเย่ชิงเฉิง ตอนนี้นางคุยกับหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าเป็นกังวล “สามี ท่าทีของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ทำให้ข้าเป็นกังวลกับสถานการณ์ของสำนักข้า ข้าคิดว่าถ้าหากสำนักของข้าไม่มีปัญหาภายในเหมือนเช่นตอนนี้ สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์คงไม่กล้าแสดงท่าทีเย็นชาแบบนี้กับข้าแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ต่อให้สำนักของเจ้ามีปัญหาจริง ๆ แม่ของเจ้าที่อยู่ในขอบเขตราชันขั้นกลางก็สามารถหนีออกมาได้โดยไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถ้านางไม่คิดสู้จนตัวตายน่ะนะ ส่วนพ่อของเจ้าก็ติดอยู่ในหมอกนั่นไม่ใช่รึไง?”
“แต่ข้าก็ยังกังวลว่า…” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้น
หลิงตู้ฉิงพูดแทรกขึ้น “มันก็แค่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นเอง หากมันถูกยึดไปเราก็ไปยึดคืนมาแค่นั้นก็จบปัญหาแล้วไม่ใช่เหรอไง? ตราบใดที่ข้ายังอยู่ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรหรอก”
เย่ชิงเฉิงถอนหายใจ “เฮ้อ ถ้าหากระดับการบ่มเพาะสูงกว่านี้สักหน่อยก็คงดี”
นางรู้เป็นอย่างดีว่ายิ่งหลิงตู้ฉิงมีระดับการบ่มเพาะสูงมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสามารถนำเอาวิธีการต่าง ๆ ที่น่าอัศจรรย์ใจของเขาออกมาใช้ได้มากขึ้นเท่านั้น
น่าเสียดายที่ตอนนี้เขามีระดับการบ่มเพาะอยู่เพียงแค่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 13
“ระดับการบ่มเพาะของข้าในตอนนี้มันก็พัฒนาเร็วที่สุดแล้ว!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าคิดว่าอีกไม่นานข้าก็สามารถบรรลุไปถึงระดับ 14 ได้แล้วล่ะ”
“นี่ท่านสามารถบรรลุไปถึงขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 14 ได้เลยงั้นเหรอ?” เย่ชิงเฉิงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ
มันมีคนจำนวนไม่มากนักที่สามารถบรรลุไปถึงระดับนั้นได้
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ “ข้าจะด้อยกว่าชีวิตที่แล้วของข้าได้ยังไงจริงไหม?”
“สามี ท่านพอจะเล่าให้ข้าฟังบ้างได้ไหมว่าเมื่อก่อนท่านทำอะไรมาบ้าง? หรือไม่ถ้าให้ดีที่สุดท่านช่วยบอกข้าได้ไหมว่าจริง ๆ แล้วชีวิตที่แล้วท่านคือใครกันแน่?” เย่ชิงเฉิงมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าคาดหวัง
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ในตอนนี้มันยังคงไม่เหมาะที่เจ้าจะรู้ว่าตัวตนของข้านั้นคือใคร ส่วนเรื่องที่ข้าเคยทำอะไรมาบ้างก็…ทุก ๆ วันข้าก็แค่ต่อสู้กับผู้คนเพื่อความอยู่รอดไปเรื่อย ๆ”
ในชีวิตที่แล้วของเขา หากเขาไม่ใช่ผู้ไล่ล่า เขาก็ถูกไล่ล่าแทนแต่ท้ายที่สุดมันก็เป็นศัตรูของเขาทั้งหมดที่ตายลง
การฆ่าคือส่วนประกอบหลักในชีวิตที่แล้วของเขา
เย่ชิงเฉิงยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าท่านจะชอบการต่อสู้เป็นชีวิตจิตใจสินะ”
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน “มันไม่ใช่ว่าข้าชอบต่อสู้หรอก แต่บังเอิญว่ามัน…”
เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรต่อไป เนื่องจากว่าในชีวิตที่แล้วของเขา เขาไม่สนใจอะไรเลยนอกจากการบ่มเพาะและการฆ่า
ในระหว่างที่เขากำลังคิดคำตอบไม่ออก จู่ ๆ ก็มีเสียงของผู้คนจำนวนมากตะโกนโหวกเหวกอยู่ตรงชายหาดหน้าเกาะของพวกเขา
“มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่าเจ้าสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากการปิดด่านแล้ว?” เย่ชิงเฉิงรู้สึกงุนงง จากนั้นนางจึงรีบเดินออกไปดูสถานการณ์ที่ด้านนอกเรือนกับหลิงตู้ฉิง
จากนั้นเมื่อออกจากเรือน นางก็เห็นว่าในตอนนี้มีบรรดาศิษย์ของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์จำนวน 17 คนได้มายืนอยู่ตรงชายหาดบนเกาะของพวกเขา ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นชายหนุ่ม
ทันทีที่บรรดาศิษย์หนุ่มของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์เห็นเย่ชิงเฉิง พวกเขาก็รีบวิ่งเข้ามาหาและต่างรุมกันมอบของขวัญล้ำค่าให้กับนางและพูดว่า “คุณหนูเย่ พวกเรานึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าท่านจะให้เกียรติมาเยือนสำนักของพวกเราเช่นนี้ แต่ดูสิทำไมสำนักของข้าถึงได้จัดที่พักแบบนี้ให้กับคุณหนูเย่ก็ไม่รู้? เอาแบบนี้ไหมคุณหนูเย่ ข้าขอเสียสละเรือนของข้าให้ท่านไปพักที่เรือนของข้าเป็นการชั่วคราวก่อนจะดีกว่าไหม?”
“คุณหนูเย่ ข้านั้นชื่นชมในตัวคุณหนูมานานแล้ว ท่านจะรังเกียจไหมหากข้าขอเชิญท่านไปเที่ยวเล่นที่เกาะขอนไม้ที่ข้าอาศัยอยู่?”
“คุณหนูเย่ อันที่จริงแล้วข้าชอบท่าน!”
“…….”
เสียงของชายหนุ่มทั้งสิบเจ็ดต่างประดังประเดขึ้นพร้อม ๆ กันไปหาเย่ชิงเฉิง
เย่ชิงเฉิงมองไปที่ชายหนุ่มเหล่านี้ จากนั้นนางก็คล้องแขนหลิงต็ฉิง และพูดว่า “พวกเจ้าโปรดกลับไป ข้ามีสามีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่อยู่ สามีของข้าพอใจกับที่นี่แล้ว ดังนั้นข้าคงไม่ย้ายออกไปที่ไหนอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าชายหนุ่มทั้งสิบเจ็ดก็หยุดพูดทันที พวกเขาต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตารังเกียจ
ชายร่างสูงผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น “ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ที่คุณหนูเย่มีสามีแล้ว ว่าแต่น้องชาย เจ้าเป็นใครกันงั้นเหรอ? สามารถแต่งงานกับคุณหนูเย่ได้ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่ธรรมดาสินะ จะว่าอะไรไหมหากข้าจะขอแลกเปลี่ยนวิชากับเจ้าสักหน่อย แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้าในเรื่องของระดับการบ่มเพาะแน่นอน เดี๋ยวข้าจะลดระดับการบ่มเพาะของข้าให้เท่ากับเจ้าเอง!”
ชายหนุ่มร่างผอมอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเช่นกัน “ระดับการบ่มเพาะขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 13? คนอย่างเจ้ามาแต่งงานกับคุณหนูเย่ได้ยังไง? มา! ออกมาเจอกับข้าหน่อย ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้ามีดีอะไร!”
ในตอนนี้ชายหนุ่มทั้งสิบเจ็ดต่างพูดจายั่วยุท้าประลองหลิงตู้ฉิงกันยกใหญ่
หลิงตู้ฉิงหันมองไปยังเย่ชิงเฉิง และพูดว่า “เจ้าเห็นแล้วนะว่าข้าไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน”
เย่ชิงเฉิงแสดงสีหน้ากังวล และพูดว่า “สามี เดี๋ยวข้าจะให้โม่เอ๋อไล่พวกเขาไปเอง!”
อันที่จริงที่นางแสดงสีหน้ากังวล นางไม่ได้กังวลว่าหลิงตู้ฉิงจะเป็นอันตราย แต่นางกังวลว่าหลิงตู้ฉิงจะลงโทษสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นยังไงมากกว่า
โม่เอ๋อก้าวออกมาและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหยียดหยันทันที “พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะสามารถเอาชนะนายท่านของข้าได้ด้วยระดับการบ่มเพาะแค่นี้ของพวกเจ้างั้นเหรอ? จงกลับไปฝึกมาใหม่อีกสักหมื่นปีก่อนเถอะ!”
นางเตรียมพร้อมที่จะลงมือกับคนเหล่านี้แล้ว
แต่ก่อนที่โม่เอ๋อจะลงมือ บรรดาศิษย์หนุ่มของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ก็เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว “เฮ้น้องชาย! อย่าบอกนะว่าเจ้าจะหลบอยู่หลังผู้หญิงแบบนี้ไม่กล้าออกมาสู้กับพวกข้า?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขายกมือขึ้นปรามโม่เอ๋อ และพูดว่า “เจ้าอยู่เฉย ๆ เดี๋ยวข้าลงมือเอง”
เมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงจะลงมือเองทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึง
“สามี ท่านจะฆ่าพวกเขาไม่ได้นะ!” เย่ชิงเฉิงรีบเอ่ยขึ้นกับเขาทางโทรจิต
“นายท่าน ด้วยสถานะของท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเองหรอก เดี๋ยวข้าจะจัดการกับพวกเขาให้ท่านเอง!” เสี่ยวเยว่เฟิงและหลงเฉินต่างก็เอ่ยขึ้นแทบจะพร้อมกัน
แม้แต่โม่เอ๋อและเย่หยูหลันก็รู้สึกพูดไม่ออก
ท่านเป็นตัวตนถึงระดับไหนกัน? มันจำเป็นที่ท่านจะต้องมานั่งออกแรงด้วยตัวเองกับเด็กพวกนี้ที่ระดับการบ่มเพาะยังไม่ถึงขอบเขตสวรรค์ด้วยซ้ำงั้นเหรอ?
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและเดินออกไปหาเหล่าศิษย์หนุ่มของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ และพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าต้องการจะลองของ งั้นก็จงเข้ามาประลองกับข้าทีละคน แต่ข้าขอเตือนพวกเจ้าเอาไว้ก่อนข้าเป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์และก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญค่ายกลด้วย ดังนั้นจงระวังตัวเอาไว้สักหน่อยก็แล้วกัน”
หากเป็นในสถานการณ์อื่น เขาคงไม่ลงมือด้วยตัวเองแบบนี้ เพราะการประลองกับเด็กแบบนี้มันมีแต่เสียเวลา
แต่ในตอนนี้ที่เขาลงมือด้วยตัวเองก็เพราะว่าเขามีแผนอื่นในใจ เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะใช้ประโยชน์จากการประลองกับเด็กพวกนี้ดึงกฎแห่งสวรรค์และโลกขึ้นมาหาจุดที่เทพีหลิงเปาเคยใช้ในการบ่มเพาะในอดีต ซึ่งมันคือจุดที่เขาตั้งเป้าไว้ว่าเขาจะใช้มันบ่มเพาะร่างกายวารีของเขา
อันที่จริง หลิงตู้ฉิงสามารถหาจุดที่เทพีหลิงเปาเคยใช้ในการบ่มเพาะในอดีตได้ด้วยตัวเองได้ก็จริง แต่ในเมื่อตอนนี้เขามีโอกาสใช้อีกวิธีที่มันง่ายกว่าเดิมดัง นั้นขาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธมันไป
ทางด้านของบรรดาศิษย์หนุ่มของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงเป็นผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์และก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญค่ายกล พวกเขาเริ่มรู้สึกกดดันทันที
เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์และผู้เชี่ยวชาญค่ายกลนั้นไม่สามารถถูกวัดความแข็งแกร่งได้จากระดับการบ่มเพาะ ความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์และผู้เชี่ยวชาญค่ายกลนั้นมันวัดจากความเข้าใจในกฎของสวรรค์และโลก ยิ่งมีความเข้าใจมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งก็ยิ่งมีมากขึ้นตาม ซึ่งต่อให้จะมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตประสานทะเลปราณ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถสู้กับผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เหนือกว่าตัวเองได้ถึง 2 ขอบเขต
ชายร่างสูงเอ่ยขึ้นก่อนคนแรก “ในเมื่อเจ้าเป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์และผู้เชี่ยวชาญค่ายกล งั้นข้าจะขอสู้กับเจ้าด้วยระดับการบ่มเพาะที่แท้จริงของข้า ข้ามีนามว่า จุนซี ระดับการบ่มเพาะขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 11!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “พร้อมเมื่อไหร่ก็ลงมือได้เลย ไม่ต้องรอสัญญาณจากข้า”
จุนซีตอบกลับด้วยเสียงต่ำ “ถ้างั้นข้าคงต้องขอล่วงเกินแล้ว!”