บทที่ 540 สั่งสอนจนกระอัก
ในระหว่างที่ซูชางหมิงยังคงครุ่นคิดว่าจะยืมมือสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ให้สังหารหลิงตู้ฉิงอย่างไรดี ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ก็ตะโกนขึ้นไปทางหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าตึงเครียด “นี่เจ้าตั้งใจว่าจะขัดขืนพวกข้าจนถึงที่สุดใช่ไหม? ถึงแม้ว่าเจ้าจะสามารถใช้อำนาจของอาวุธระดับจักรพรรดิได้อย่างเต็มกำลัง แต่จงอย่าลืมว่าในตอนนี้เจ้าอยู่ในบ้านของข้า! สำนักของข้า! หากเจ้ายังคงต่อสู้ต่อไป เจ้าก็อย่าได้มาโทษข้าที่ต้องใช้มหาวิถีเต๋าของสำนักในการสั่งสอนเจ้า!”
“คุณหนูเย่ ข้าไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์และสำนักของข้าต้องกลายเป็นบาดหมางกัน ได้โปรดท่านช่วยบอกให้คนของท่านหยุดต่อต้านเดี๋ยวนี้ อย่าได้บังคับให้ข้าต้องทำในสิ่งที่ข้าไม่ต้องการจะทำ!”
“บังคับเจ้า? แล้วมันจะเป็นอะไรถ้าข้าจะบังคับเจ้า? บ้านของเจ้างั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงเย้ยหยัน “เดี๋ยวข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าที่นี่มันเป็นบ้านของใครกันแน่!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็บังคับกระบี่บินทั้ง 49 เล่ม ให้แต่ละเล่มสำแดงอานุภาพของกระบี่ที่ 1 ในวิชาดาราโลหิตประสานกระบี่ กระบี่สวรรค์พิพากษา จากนั้นเขาบังคับให้พวกมันทั้งหมดบินปักลงไปใต้เกาะเม็ดทราย แทงเข้าไปยังจุดที่มหาวิถีเต๋าของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่
หลังจากนั้นกระบี่บินทั้ง 49 เล่มก็เสียบเข้าไปยังมหาวิถีเต๋าของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์และดันมันขึ้นมาจากก้นทะเลสาบให้ลอยอยู่เหนือผิวน้ำไม่สูงมากนัก ซึ่งทำให้ทุกคนได้เห็นว่ารูปร่างที่แท้จริงของมหาวิถีเต๋าของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์นั้นมีรูปร่างคล้ายกับไข่ขนาดยักษ์แต่มีเปลือกใสที่สามารถมองทะลุเข้าไปเห็นด้านในที่มีมวลพลังธาตุวารีสีฟ้าไหลเวียนไปมาอยู่ด้านใน
หลังจากที่มหาวิถีเต๋าของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ถูกดันให้ลอยขึ้นเหนือทะเลสาบโดยหลิงตู้ฉิง ผิวน้ำของทะเลสาบก็เปล่งอำนาจของเจตจำนงกระบี่อันแหลมคมไปทั่วทั้งบริเวณทะเลสาบจนผู้คนของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์สัมผัสได้ว่านี่มันไม่ใช่ทะเลสาบที่พวกเขาคุ้นเคย แต่มันได้กลายเป็นเหมือนทะเลสาบกระบี่ที่มีกระบี่นับล้านเล่มตั้งฉากขึ้นเตรียมทิ่มแทงพวกเขาที่เป็นเจ้าบ้าน!
“เอาล่ะ ตอนนี้รู้แล้วรึยังว่าใครกันที่เป็นเจ้าบ้าน?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ทุกคนของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ต่างรู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก
นี่พวกเขาไปล่วงเกินคนแบบนี้ทำไม? แล้วนี่มันวิธีการบ้าบออะไรกันที่สามารถทำให้ทะเลสาบของพวกเขากลายเป็นทะเลสาบที่มีแต่เจตจำนงกระบี่ไปได้?
“ในเมื่อเจ้าทำถึงขนาดเอามหาวิถีเต๋าของสำนักข้ามาล้อเล่นแบบนี้ งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่สุภาพก็แล้วกัน!” เสียงอันทรงอำนาจที่แฝงไปด้วยความเดือดดาลเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น
“ท่านพ่อ!” ฉีจินเปารีบตะโกนขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนเมื่อได้ยินเสียงนี้ดังขึ้น พวกเขาต่างก็หันหน้าไปยังต้นทางของเสียงและพูดว่า “ท่านเจ้าสำนัก พวกเราไร้ความสามารถไม่อาจต่อกรกับคนผู้นี้ได้ โปรดเจ้าสำนักลงมือจัดการกับเขาแทนพวกเราที!”
แน่นอนว่าเจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเจ้าสำนักของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์และเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนัก
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงสุดงั้นเหรอ ก็ไม่เลวเหมือนกันสำหรับสำนักที่มีอายุแค่หมื่นปี!”
เย่ชิงเฉิงมองไปยังชายชราที่พึ่งปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้ากังวล นางตะโกนขึ้นทันที “ท่านลุงฉี ได้โปรดหยุดเดี๋ยวนี้! หากท่านลงมือทุกอย่างมันจะยิ่งแย่ลงไปอีก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉีหานเฟิงหัวเราะทันที “หยุดงั้นเหรอ? เจ้าเข้ามาในสำนักของข้าและเอามหาวิถีเต๋าสำนักของข้าออกมาเล่นแบบนี้ ต่อให้ข้าฆ่าพวกเจ้าหมดทุกคนข้าก็ยังสามารถเอาเหตุผลนี้ไปอ้างกับสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ให้เอาผิดข้าไม่ได้ยังได้เลย!”
เย่ชิงเฉิงส่ายหัว “ท่านลุงฉี ทำไมท่านถึงไม่ลองถามคนของท่านดูก่อนว่าทำไมเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันถึงได้เลยเถิดมาจนถึงขนาดนี้ ที่ผ่านมาสำนักของข้ากับสำนักของท่านพวกเรามีความสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอด แต่แล้วในรอบนี้เมื่อข้ามาเยือนสำนักของท่าน คนของท่านกลับต้อนรับข้าด้วยความเย็นชาแถมยังส่งคนมาหาเรื่องสามีข้าอยู่เรื่อย ๆ แล้วจนท้ายที่สุดเมื่อสามีของข้าทะลวงระดับได้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันและจักรพรรดิของท่านทั้งสามคนกลับเข้ามาหาเรื่องพวกเราและโจมตีพวกเรา ซึ่งพวกเราเองก็ต้องโจมตีกลับเพื่อป้องกันตัว ท่านช่วยบอกข้าทีว่าทั้งหมดนี้ทางฝั่งข้าผิดตรงไหน? หรือว่าอันที่จริงแล้วพวกท่านกำลังวางแผนอะไรกันอยู่กันแน่?”
เมื่อเย่ชิงเฉิงพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนก็รีบบินไปที่ด้านข้างของฉีหานเฟิง และเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง
จากนั้นฉีหานเฟิงครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปเอ่ยถึงเรื่องพวกนั้นแล้ว! ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือสามีของเจ้าได้สร้างความเสียหายให้กับมหาวิถีเต๋าของสำนักข้า ซึ่งต่อให้สามีของเจ้าจะชดใช้ความเสียหายนี้ด้วยชีวิตของเขามันก็ไม่มีทางเพียงพอ ดังนั้นอันดับแรกข้าจะสยบพวกเจ้าและจะจับตัวพวกเจ้าเอาไว้ และจากนั้นข้าจะให้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ส่งคนมาอธิบายเรื่องนี้กับข้า!”
ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งโมโห เนื่องจากมหาวิถีเต๋าของสำนักเขาถูกทำให้เสียหาย ซึ่งมันทำให้เขาโกรธจนอยากจะฆ่าหลิงตู้ฉิงและคนของเขาให้ตาย ๆ ไปซะให้หมด
แต่เมื่อเขามาคิด ๆ ดูอีกที ต่อให้เขาจะฆ่าหลิงตู้ฉิง เย่ชิงเฉิง และคนกลุ่มนี้ทั้งหมด เขาก็คงจะไม่ได้อะไรที่เขาเสียไปกลับคืนมา และมันก็จะมีแต่ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก เนื่องจากไม่ว่าจะยังไงเย่ชิงเฉิงก็ยังคงมีฐานะเป็นลูกสาวของเจ้าสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ หากเขาสังหารนางไป แน่นอนว่าปัญหามันคงไม่จบแค่มหาวิถีเต๋าของสำนักเขาเสียหายเพียงอย่างเดียวแน่นอน ดังนั้นทางเลือกในตอนนี้ของเขาจึงมีเพียงแค่คร่ากุมคนเหล่านี้เอาไว้เพื่อใช้เป็นตัวประกันให้สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์มาไถ่ตัวคนเหล่านี้คืน
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ในเมื่อเจ้ายังไม่สำนึกแถมยังวางท่าทีใหญ่โตได้อยู่อีก ดังนั้นข้าคงต้องสั่งสอนเจ้าเพิ่มอีกสักหน่อย!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็หยิบกงล้อเบญจธาตุขึ้นมาทันที จากนั้นเขาส่งพลังวิญญาณของเขาไปยังเพลิงแรกกำเนิดที่ถูกเก็บไว้ในกงล้อเบญจธาตุอย่างสุดกำลัง ซึ่งเขาสามารถดึงประกายเพลิงของมันออกมาได้แค่เพียงเศษเสี้ยว
เมื่อได้ประกายเพลิงที่เล็กจนแทบจะมองไม่เห็นออกมาแล้ว หลิงตู้ฉิงเป่าประกายเพลิงนี้ลงไปในทะเลสาบ ซึ่งผลของมันนั้นน่าตื่นตะลึงจนทุกคนต้องอ้าปากค้าง
ประกายเพลิงเล็กจิ๋วนั้น เมื่อมันร่วงลงไปในทะเลสาบ ในเวลาเพียงชั่วพริบตาอุณหภูมิในทะเลสาบกลับกลายเป็นสูงขึ้นจนเลยจุดเดือด จากนั้นน้ำในทะเลสาบก็เริ่มระเหยกลายเป็นไอจนลดระดับลงเหลือเพียงหนึ่งในสิบส่วนจากตอนแรก ซึ่งในตอนนี้ทุกคนสามารถเห็นก้นทะเลสาบได้อย่างชัดเจน!
หายนะจากประกายเพลิงเล็กจิ๋วนี้ยังไม่หมดอยู่แค่นั้น ในเวลานี้มหาวิถีเต๋าของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นรูปร่างไข่สีฟ้าเข้มก็ค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีฟ้าอ่อนลงจากความร้อนของประกายเพลิงที่ลามขึ้นมายันมหาวิถีเต๋า!
สิ่งนี้มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามหาวิถีเต๋าของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ถูกทำให้เสียหายเพิ่มมากขึ้นไปอีก จากในตอนแรกที่มันถูกกระบี่บินทั้ง 49 เล่มแทง ซึ่งในสายตาของฉีหานเฟิงประเมินไว้คร่าว ๆ แล้วว่าการจะฟื้นฟูความเสียหายของมันอาจจะต้องใช้เวลาราว 700 ปี แต่ในตอนนี้เมื่อเขาประเมินมันอีกที การจะฟื้นฟูมันอย่างต่ำคงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี!
อันที่จริงในตอนนี้ ฉีหานเฟิงยังคงไม่เห็นความเสียหายในตอนแรกที่หลิงตู้ฉิงสร้างไว้ในตอนที่ดึงอำนาจของมหาวิถีเต๋ามาบ่มเพาะร่างธาตุวารี ซึ่งถ้าหากฉีหานเฟิงได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วเวลาที่เขาต้องฟื้นฟูมันต้องเพิ่มมาอีก 1,000 ปี เขาคงจะต้องกระอักเลือดออกมาอย่างแน่นอน
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้เรื่องนั้น ตอนนี้เขาก็โกรธจนคลั่งไปเรียบร้อย เขากู่ร้องขึ้นด้วยความเดือดดาล จากนั้นเขาหยิบอาวุธระดับจักรพรรดิของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับเร่งโคจรพลังของตัวเองจนถึงขีดสุดทันที
มหาวิถีเต๋าของสำนักตัวเองถูกทำให้เสียหายถึงขนาดนี้ มันแน่นอนว่าเขาจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีสังหารหลิงตู้ฉิงเพื่อระบายความแค้น
แต่แล้วในจังหวะที่เขากำลังจะลงมือ เขาก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี!