บทที่ 552 ออกไปจากสำนักเดี๋ยวนี้!
หลังจากที่หลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิงออกไปจากห้องโถงใหญ่ ทุกคนก็มองไปยังมู่หลงหยาน เฉินจี้ซี และเล้งหวง
คำพูดของเย่ชิงเฉิงนั้นชัดเจนว่า ถ้าหากเฉินจี้ซีทำสำเร็จ นางจะแต่งงานกับเล้งหวงทันทีโดยไม่มีข้อแม้
แต่ว่าการที่ข้อตกลงนี้จะสมบูรณ์นั้นก็ต่อเมื่อ เฉินจี้ซีและเล้งหวงจะต้องเปิดเขตแดนหมอกได้ทั้งหมด และเจอกับเย่ชางคง และพาเขาออกมา
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากพวกเขาสามารถช่วยเย่ชางคงได้ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เย่ชางคงจะปฏิเสธข้อตกลงนี้
“ในเมื่อลูกสาวของข้าได้ลั่นวาจาออกมาเช่นนั้นแล้ว นางก็ไม่สามารถกลับคืนคำได้ ดังนั้นพวกเราก็เอาตามนี้ก็แล้วกัน ไว้พวกเราเจอกับสามีของข้าและถ้าเขาตกลง ลูกสาวของข้าก็จะแต่งงานกับเล้งหวง!” มู่หลงหยานเอ่ยจุดยืนของนางออกมาทันที
อันที่จริงนางรู้สึกประลาดใจอยู่เหมือนกัน เนื่องจากเท่าที่นางได้รับฟังลักษณะนิสัยของหลิงตู้ฉิงมาจากเย่หยูหลัน ทำไมมันดูเหมือนว่ารอบนี้ หลิงตู้ฉิงจะพูดง่ายกว่าเมื่อก่อนที่ผ่านมา
แต่เมื่อหลิงตู้ฉิงได้พูดเช่นนี้ออกมาแล้ว ดังนั้นนางก็คงไม่สามารถทำอะไรได้อีก ถ้าหากมีเรื่องอะไรผิดพลาดขึ้นมามันก็ต้องโทษที่ตัวเขาเองไม่ใช่นาง
ทันทีที่มู่หลงหยานแสดงจุดยืนของนาง เล้งหวงก็กล่าวขึ้นทันที “ข้าคิดว่าทุกคนได้ยินกันหมดแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็มาร่วมมือกันในการเปิดเขตแดนหมอกและช่วยเหลือเหล่าผู้อาวุโสของสำนักที่ติดอยู่ด้านในกันเถอะ! และจากนั้นสำนักของเราและข้าเองก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขอีกครั้ง!”
เขาไม่มีความสงสัยในความสามารถของเฉินจี้ซีเลยแม้แต่น้อยว่าจะเปิดเขตแดนหมอกนี้ได้ไหม เพราะที่ผ่านมาเฉินจี้ซีก็สามารถเปิดเขตแดนหมอกจนเป็นทางยาวเข้าไปถึงในพื้นที่ชั้นในได้อย่างไม่ยากเย็น
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเล้งหวง บรรดาผู้คนในสำนักต่างก็พยักหน้า ตราบใดที่เฉินจี้ซีสามารถปิดเขตแดนหมอกได้สำเร็จและช่วยคนของพวกเขาได้จริง ๆ พวกเขาก็จะช่วยให้เล้งหวงได้แต่งงานกับเย่ชิงเฉิงอย่างแน่นอน
ในระหว่างที่บรรยากาศในห้องโถงกำลังเต็มไปด้วยความคึกคัก หลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิงก็ได้กลับมาถึงเรือนของตัวเองที่เย่ชิงเฉิงเคยอยู่มาตอนก่อนออกไปทำภารกิจตามหาผู้ถูกชะตากำหนด
โม่เอ๋อและคนอื่น ๆ ต่างรีบเดินเข้ามาถามทันทีเมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิงกลับมา “นายท่าน นายหญิง พวกเขาตัดสินใจกันว่ายังไงบ้าง?”
เย่ชิงเฉิงเหล่มองหลิงตู้ฉิง จากนั้นนางยิ้มและพูดว่า “พวกเราจะไม่เป็นอะไรหรอก”
ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เขาโบกมือขึ้นและพูดว่า “พวกเจ้าแยกย้ายกันไปตั้งใจบ่มเพาะซะ ปล่อยให้คนเหล่านั้นสำรวจเขตแดนหมอกกันต่อไป อีกไม่นานเดี๋ยวพวกเขาก็ต้องเข้ามาขอร้องข้าเองนั่นแหละ”
หลิงตู้ฉิงมั่นใจ ไม่ว่าจะในมหาพิภพไร้จุดจบหรือว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม มันมีตัวตนไม่เกินหลักหน่วยเท่านั้นที่สามารถจัดการกับหมอกนี้ได้
ในระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกัน จู่ ๆ ก็มีชายผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่เรือนของเย่ชิงเฉิง และถามขึ้นด้วยสีหน้าเร่งร้อน “ทำไมพวกเจ้าสองคนยังไม่หนีไปอีก?”
ผู้ที่มาเยือนตอนนี้ก็คือพี่สองของ เย่ชิงเฉิง
เย่เฟิงหลิวมองไปที่หลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “พวกเจ้าจะยังยืนคุยกันอย่างสบายใจเฉิบอยู่ที่นี่กันทำบ้าอะไร ทำไมไม่ใช้โอกาสนี้ที่พวกเขากำลังคุยกันยังไม่เสร็จหนีไปซะ? ไม่เช่นนั้นหากพวกเขาคุยกันเสร็จเมื่อไหร่ มันก็หมายถึงว่าพวกเจ้าหมดสิทธิ์ที่จะหนีรอด! เร็วเข้าตามข้ามา ข้าจะพาพวกเจ้าหนีเดี๋ยวนี้!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ทำไมข้าต้องหนีด้วยล่ะ?”
เย่เฟิงหลิวยิ่งรู้สึกโมโหมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำถามนี้ “ทำไมพวกเจ้าต้องหนีงั้นเหรอ? ก็เพราะว่าเมื่อไหร่ที่เฉินจี้ซีเปิดเขตแดนหมอกได้ น้องสาวของข้าจะต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับเล้งหวงน่ะสิ! นี่มันเป็นการตัดสินใจของทั้งสำนักและน้องสาวของข้าก็ไม่สามารถขัดขืนได้ แม้แต่พ่อของข้าเองก็คงจะต้องยอมรับเช่นกันซึ่งไม่ต่างอะไรจากแม่ของข้า ถ้าหากเจ้าไม่ชอบน้องสาวของข้าจริง เจ้าก็หลีกทางไปซะ อย่าได้มาทำให้ข้าเสียเวลา!”
เย่ชิงเฉิงรีบพูดขึ้นทันที “อย่าพึ่งโมโหพี่สอง! สามี พี่สองของข้าเขาแค่หวังดี เขาไม่มีเจตนาแอบแฝงอื่นหรอก”
หลิงตู้ฉิงไม่ได้ขุ่นเคืองอะไรกับเย่เฟิงหลิวเลยสักนิด เนื่องจากเขารู้ดีว่าเย่เฟิงหลิวไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงใด ๆ เจตนาของเขาที่ทำเช่นนี้มันเป็นแค่เพียงเพราะเขาห่วงใยในตัวน้องสาวของเขามากเพียงเท่านั้น
“ไม่ต้องห่วง น้องสาวของเจ้าจะไม่มีวันมีปัญหาอะไรแน่นอนเมื่ออยู่กับข้า” หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดกับเย่เฟิงหลิว
“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน แต่ในความเห็นของข้า เจ้ามันก็เป็นแค่คนโง่!” เย่เฟิงหลิวตะคอกใส่หลิงตู้ฉิง “ตอนนี้เจ้าอย่าพึ่งมาพูดมาก รีบตามข้าออกไปจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ข้าได้เตรียมคนไว้ที่ด้านนอกเพื่อรอส่งพวกเจ้าออกไปจากอาณาเขตอักขระศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว!”
เมื่อพูดจบ เย่เฟิงหลิวก็ไม่พูดอะไรต่ออีก เขาเดินมาคว้าแขนของเย่ชิงเฉิงและหลิงตู้ฉิง เพื่อที่จะพาบินออกไปจากสำนักทันที
หลิงตู้ฉิงรู้สึกจนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนของสำนักนี้ถึงชอบตัดสินใจอะไรต่าง ๆ ด้วยตัวเองกันไปหมด?
แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไป เสียงตะโกนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “เฟิงหลิว เจ้ากำลังจะทำอะไร?”
ชายวัยกลางคนผู้นี้ จู่ ๆ ก็มาปรากฏกายในเรือนของเย่ชิงเฉิง และจ้องไปที่เย่เฟิงหลิวด้วยสายตาเย็นชา
ชายวัยกลางคนผู้นี้คือหนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลเย่ เย่ฉิงเสี่ยว ซึ่งเมื่อครู่เขาก็อยู่ในห้องโถงใหญ่ของสำนักเช่นกันแถมยังเป็นคนแรกที่เห็นด้วยในการออกความคิดเห็นให้ยกมอบเย่ชิงเฉิงแต่งงานกับเล้งหวง หลังจากที่เขาคุยกับบรรดาผู้คนในห้องโถงใหญ่เสร็จ เขาก็รีบบินตรงมาที่เรือนของเย่ชิงเฉิง เพื่อคอยเฝ้านางเอาไว้ไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด
แต่แล้วเมื่อเขามาถึงและได้เห็นภาพที่เย่เฟิงหลิวกำลังจะพาคนหนี เขาก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาทันที
“เจ้ารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่?” เย่ฉิงเสี่ยวจ้องไปยังเย่เฟิงหลิวด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ารู้บ้างไหมว่าจำนวนคนของตระกูลเราที่ติดอยู่ในเขตแดนหมอกนั้นมีมากมายแค่ไหน? พ่อของเจ้าเองก็อยู่ในนั้น! หากเฉินจี้ซีเปิดเขตแดนหมอกได้สำเร็จแต่เจ้ากลับพาชิงเฉิงหนีออกไป เจ้าจะอธิบายกับทุกคนว่ายังไง?”
เย่เฟิงหลิวตอบกลับอย่างห้วน ๆ “ต้องน่าไม่อายถึงขนาดไหน ถึงกล้าใช้ผู้หญิงแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์? ถ้าหากพ่อของข้ารู้เรื่องนี้ ข้าเชื่อว่าพ่อของข้าก็คงไม่มีวันตกลงด้วยแน่นอน!”
เย่ฉิงเสี่ยวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องนั้นก็รอให้เจอกับพ่อของเจ้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่ในตอนนี้น้องสาวของเจ้าต้องอยู่แต่ในเรือนของนางไปก่อน ห้ามออกไปไหน ข้าจะส่งจิตสำนึกของข้าฝังเข้าไปในร่างของพวกเจ้าและคอยจับตาดูพวกเจ้าไม่ให้หนีไปไหน!”
ในเวลาเดียวกับที่เขาปลดปล่อยจิตสำนึกของตนเองออกมานั้น ค่ายกลกระบี่เหินเมฆา ก็ปะทุขึ้นออกมาจากร่างกายของเย่ชิงเฉิงทันที
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าบอกได้ว่าพวกเราจะไม่หนีไปไหน ส่วนเจ้าเองก็เก็บจิตสำนึกของตัวเองไปซะ อย่าก้าวล้ำเส้นของข้า ตกลงตามนี้ไหม?”
เย่ฉิงเสี่ยวพูดขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? เจ้าคิดว่าแค่เจ้ามีความสัมพันธ์กับชิงเฉิง แล้วจะสามารถมาออกความเห็นเรื่องในตระกูลของข้าได้งั้นเหรอ? หากเจ้ายังอยากออกไปจากสำนักของข้าแบบมีชีวิตอยู่ เจ้าก็จงอยู่เงียบ ๆ ไปซะอย่าพูดอะไรให้มันมากนัก!”
“สรุปแล้วเจ้าจะไม่ยอมฟังข้าใช่ไหม? เจ้าไม่ยอมเก็บจิตสำนึกของเจ้าไปจริง ๆ ใช่ไหม? เจ้าเตรียมพร้อมรับกับผลที่จะตามมาแล้วสินะ?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
เมื่อพูดจบ ค่ายกลกระบี่เหินเมฆาก็ยิ่งเปล่งอำนาจของมันขึ้นจนเจตจำนงกระบี่ทะลุไปจนถึงท้องฟ้า
หลิงตู้ฉิงไม่อาจปล่อยให้จิตสำนึกของเย่ฉิงเสี่ยวเข้าไปในร่างของเย่ชิงเฉิงได้แน่นอน เพราะในห้วงความทรงจำของนางนั้นมีความลับมากมายเกี่ยวกับตัวของเขา ซึ่งเขาไม่ต้องการให้คนนอกรู้
เย่ฉิงเสี่ยวเย้ยหยัน “หวังพึ่งพาอำนาจของอาวุธระดับจักรพรรดิของตระกูลข้า เพื่อมาต่อต้านข้าที่เป้นคนของตระกูเย่เนี่ยนะ? ข้าไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดกับเจ้าเลยจริง ๆ! ถ้าแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่มาจากไหน แต่ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเจ้าที่อยู่ต่อหน้าข้านั้นเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากมดตัวหนึ่งเท่านั้น!”
ไม่ว่าจะยังไง เฉินจี้ซีก็สามารถเปิดเขตแดนหมอกได้ และเย่ชิงเฉิงก็ต้องแต่งงานกับเล้งหวงอยู่ดี ดังนั้นในสายตาของเขา หลิงตู้ฉิงจึงไม่มีประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย
ดังนั้นเขาจึงเตรียมที่จะสั่งสอนหลิงตู้ฉิงให้ได้รับบทเรียน และใช้โอกาสนี้ขับไล่หลิงตู้ฉิงออกจากสำนักของเขาไป