บทที่ 590 ร่างอมตะ
มู่หลงหยาน และคนอื่น ๆ เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ก็ตกอยู่ในสภาวะงุนงง
ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน พวกเขาก็ได้เห็นหลิงตู้ฉิงคุยกับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มากมายและต่อมาก็คุยกับดอกบัวเพลิงพิพากษา
และในท้ายที่สุดตอนนี้ หลิงตู้ฉิงก็คุยกับต้นไม้ที่ไม่ธรรมดาต้นนี้แถมยังได้รับกิ่งของมันมาอีก
ต้นไม้ที่สามารถให้ออกผลเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ กิ่งของมันจะทรงอำนาจถึงขนาดไหนกัน?
แม้แต่หลิงตู้ฉิงก็ยังรู้สึกอึ้งกับเหตุการณ์นี้ เนื่องจากเขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่ากิ่งไม้นี้ทำอะไรได้บ้าง
“โชคของไอ้หนูนั่นช่างดีจริง ๆ ถึงขนาดได้รับกิ่งของเจ้า” หลิงตู้ฉิงยิ้มให้กับต้นเทวะศาสตรา
ต้นเทวะศาสตราเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมีความสุขว่า “เขาจะได้รับมันจริง ๆ รึเปล่ามันก็คงต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขาอีกที เอาล่ะตอนนี้ท่านเรียกคนของท่านเข้ามาหาข้าได้แล้ว เมื่อเสร็จธุระข้าจะได้จากไปสักที”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า จากนั้นเขาหันไปบอกกับคนของเขาทันที “พวกเจ้าทุกคนสามารถเดินเข้ามาได้ แต่ผลประโยชน์ที่พวกเจ้าจะได้รับมันขึ้นอยู่กับดวงของพวกเจ้า”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างก็มองหน้ากันด้วยความลังเล พวกเขาทุกคนอยากเดินเข้าไป แต่ไม่มีใครรู้ว่าควรให้ใครเดินเข้าไปก่อนดี
“ท่านป้า ทำไมท่านไม่เข้าไปก่อนเป็นคนแรกล่ะ? ท่านอาวุโสที่สุดในหมู่พวกเราดังนั้นท่านเหมาะที่สุดที่จะได้เข้าไปรับประโยชน์ก่อนเป็นคนแรก” เสี่ยหนานเทียนพูดกับมู่หลงหยานด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้วท่านแม่ ท่านเข้าไปก่อนเลย!” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ
เมื่อได้ยินทุกคนเอ่ยปากเช่นนี้ มู่หลงหยานก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “ขอบคุณพวกเจ้ามาก งั้นข้าขอเข้าไปคารวะผู้อาวุโสก่อนเป็นคนแรกก็แล้วกันนะ”
ถึงแม้ว่านางจะเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ แต่ในเวลาที่นางเดินเข้ามาหาต้นเทวะศาสตรา นางกลับเดินเข้ามาด้วยกิริยาท่าทางสุภาพที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นนางโค้งตัวคำนับและพูดว่า “ขอคารวะท่านผู้อาวุโส”
ต้นเทวะศาสตราไม่ได้ตอบกลับอะไรกลับ แต่มันส่งไม้บรรทัดหยกสีเขียวดำลอยไปหามือของมู่หลงหยานแทน
ไม้บรรทัดหยกสีเขียวดำนี้มีความยาวประมาณ 1 ฟุต ซึ่งถ้าหากดูจากภายนอกมันไม่มีความพิเศษอะไรเลย
แต่ไม่ว่ามันจะดูเป็นยังไง เมื่อได้รับมามู่หลงหยานก็โค้งคำนับอีกครั้งและพูดว่า “ขอบคุณผู้อาวุโส!”
เมื่อพูดจบนางก็เดินออกมาทันที
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เลว มีโชคถึงขนาดได้รับอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง เอาล่ะคนที่เหลือรีบทยอยกันเดินเข้ามาได้แล้ว ถ้าพวกเจ้ามัวแต่ช้ากัน พวกเจ้าอาจจะพลาดโอกาสได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสี่ยหนานเทียนรีบวิ่งเข้ามาที่หน้าต้นเทวะศาสตราทันทีและพูดว่า “ท่านปู่ต้นไม้ ข้าเป็นคนของสำนักเบญจธาตุสาขาธาตุไม้และข้าได้บ่มเพาะเคล็ดวิชาของจักรพรรดิพฤกษา ข้าขอร้องท่านปู่มอบสมบัติที่เหมาะสมที่สุดให้กับข้าด้วยเถอะ”
ใบไม้ขนาดเท่าฝ่ามือใบหนึ่งร่วงหล่นลงมาที่มือของเสี่ยหนานเทียนทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ ซึ่งเขาก็เดินถือมันกลับมาด้วยความสงสัยในใจ
จากนั้นทุกคนก็ทยอยกันเดินเข้ามาหาต้นเทวะศาสตรากันทีละคน ซึ่งทุกคนต่างก็ได้รับสมบัติกันไปคนละชิ้น
เย่ชิงเฉิงได้รับหยดน้ำหยดหนึ่ง ซึ่งหยดน้ำนี้ได้ถูกส่งเข้าไปหลอมรวมที่คันฉ่องสวรรค์หยินหยางของนาง ส่งผลให้อำนาจของมันเพิ่มมากขึ้นนับพันเท่า!
หลงเฉินได้รับหยดเลือดของมังกรระดับสูง เสี่ยวเยว่เฟิงได้รับขนนกที่มีเปลวเพลิงลุกท่วม หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวได้รับกระบี่คู่แบ่งไปคนละเล่ม
โม่เอ๋อได้รับหยดน้ำ ซึ่งหยดน้ำหยดนี้ทำให้นางถึงกับร้องไห้โฮออกมา
ตั้งแต่เด็ก ๆ นางคือคนที่มีพรสวรรค์ไม่มากเท่าไหร่ การที่นางสามารถบ่มเพาะมาได้ถึงระดับปัจจุบันนี้ก็เป็นเพราะความมุมานะของนางรวมไปถึงการได้มาเจอกับหลิงตู้ฉิง แต่แล้วเมื่อนางได้รับหยดน้ำนี้มาและหลอมรวมเข้ากับมัน นางก็สัมผัสได้ทันทีว่าศักยภาพของนางได้รับการพัฒนาขึ้นและส่งผลให้นางสามารถบ่มเพาะไปยังระดับที่สูงกว่านี้ได้อีกเรื่อย ๆ
ท้ายที่สุด หลิงตู้ฉิงก็ได้ให้ทาสรับใช้ของเขาที่ติดตามมาเดินเข้าไปหาต้นเทวะศาสตราเพื่อรับสมบัติด้วย ซึ่งทาสของเขาก็รับอาวุธระดับจักรพรรดิขั้นสูงมาคนละชิ้น
หลังจากที่ทุกคนได้รับสิ่งของกันจนครบแล้ว ต้นเทวะศาสตราก็หายไปจากสายตาของทุกคนทันที
ในตอนนี้ทุกคนต่างมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มดีใจกันเป็นอย่างมากที่พวกเขาได้รับสมบัติระดับสูงกันมาคนละชิ้น
จะมีก็เพียงแค่เสี่ยหนานเทียนคนเดียวเท่านั้นที่แสดงสีหน้างุนงงเมื่อมองไปยังใบไม้ในมือ
มันก็แค่ใบไม้ ข้าจะเอาไปทำอะไรได้กัน?
“พี่หลิง ท่านช่วยข้าดูหน่อยได้ไหมว่าใบไม้นี้มันคืออะไรกัน? ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่ามันมีประโยชน์อะไรกันแน่” เสี่ยหนานเทียนเดินถือใบไม้ไปหาหลิงตู้ฉิง
หลังจากที่ได้ติดตามหลิงตู้ฉิงมาได้สักพัก เขาก็มั่นใจในตัวของหลิงตู้ฉิงว่าจะไม่หลอกเขาหรือขโมยสมบัติเขาไปแน่นอน
ส่วนใบไม้นี้เขาสัมผัสได้เพียงอย่างเดียวว่ามันมีพลังชิวิตที่ล้นเหลือแฝงอยู่ข้างใน แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่ามันเอามาทำประโยชน์อะไรได้อยู่ดี
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ต้องการ เจ้าจะแลกกับข้าก็ได้นะ ข้าจะแบ่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตาให้เจ้าครึ่งหนึ่งเลย”
เสี่ยหนานเทียนสีหน้าเปลี่ยนทันที จากนั้นเขาตอบกลับว่า “ท่านปู่ต้นไม้อุตส่าห์มอบของสิ่งนี้ให้กับข้า ข้าจะเอามันไปแลกกับท่านได้ยังไง?”
เขาเองไม่ได้โง่ หากหลิงตู้ฉิงยอมใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งความเมตตามาแลกกับของสิ่งนี้ มันก็แปลว่าใบไม้ในมือเขาจะต้องไม่ธรรมดามาก ๆ แน่นอน
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “หลอมรวมมันเข้าไปในโลหิตของเจ้าและโคจรเคล็ดการบ่มเพาะของเจ้าซะ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นอันสมบูรณ์”
จากในมุมมองของหลิงตู้ฉิง สมบัติที่เสี่ยหนานเทียนได้รับนั้นมันมีค่ามากกว่าอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มู่หลงหยานได้รับซะอีก
เมื่อได้ยินคำชี้แนะ เสี่ยหนานเทียนก็รีบทำตามทันที แต่เมื่อเขาเสร็จขั้นตอนการหลอมรวมกับใบไม้แล้ว เขาก็ยังไม่อาจรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอยู่ดี
มองเห็นสีหน้าที่ดูหดหู่ของเสี่ยหนานเทียน หลิงตู้ฉิงจึงส่ายหัวอย่างจนใจและเรียกเตาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ให้มาหล่นทับเสี่ยหนานเทียนจนเละกลายเป็นเนื้อบดทันที
เสี่ยกังที่เห็นว่าจู่ ๆ หลิงตู้ฉิงก็สังหารนายน้อยของเขาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ก็ตะโกนขึ้นด้วยความเดือดดาลทันที “นี่ท่านฆ่านายน้อยของข้าทำไม!”
มู่หลงหยานก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้างุนงงเช่นกันกัน แต่เมื่อนางเห็นอารมณ์อันโกรธเกรี้ยวของเสี่ยกัง นางก็ตัดสินใจที่จะฆ่าเขาเพื่อปิดปากเรื่องนี้ทันที
ตราบใดที่ผู้ติดตามของเสี่ยหนานเทียนตาย เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็จะไม่มีใครรู้นอกจากพวกเขาเอง
แต่แล้วก่อนที่มู่หลงหยานจะได้ลงมือทำอะไร นางก็อ้าปากค้างด้วยอาการตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
ในตอนนี้นางเห็นว่าจู่ ๆ เสี่ยหนานเทียนที่เมื่อครู่กลายเป็นเนื้อบดไปแล้วจู่ ๆ ร่างกายของเขาก็ผสานกันขึ้นมาใหม่และลุกขึ้นมายืนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เสี่ยหนานเทียนมองไปที่หลิงตู้ฉิง และถามขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง “ท่านฆ่าข้าทำไม?”
ในตอนนี้เขายังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็ขี้เกียจที่จะตอบกลับอะไร แต่คนอื่น ๆ ที่เห็นภาพเช่นนี้ต่างก็ตกตะลึงกับสมบัติที่เสี่ยหนานเทียนได้ไป ซึ่งใบไม้ใบนั้นเมื่อหลอมรวมเข้าไปในร่างกายแล้วมันจะทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นอมตะงั้นเหรอ?
ของแบบนี้ต่อให้เอาสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์มาแลกก็คงไม่มีใครยอมแลกด้วยแน่นอน!
เมื่อทุกคนเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังเดินจากไป ทุกคนก็รีบวิ่งตามไปทันที
ส่วนทางด้านเสี่ยกังก็เล่าถึงสิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่ให้กับเสี่ยหนานเทียนฟัง ซึ่งเมื่อฟังจบ เสี่ยหนานเทียนก็หัวเราะออกมาดังลั่นและพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ต่อไปใครจะสังหารข้าได้! ขอบคุณจริง ๆ ท่านปู่ต้นไม้ ข้าขอบคุณจริง ๆ!”
หลิงตู้ฉิงที่ได้ยินเช่นนี้ก็โทรจิตไปหาเสี่ยหนานเทียนทันทีด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ไอ้หนู อย่าได้ใจไป มันยังมีวิธีอีกมากมายที่จะใช้สังหารเจ้าได้ เจ้าสามารถตายได้ด้วยเพลิงระดับศักดิ์สิทธิ์ เจ้าสามารถถูกฆ่าได้โดยการถูกทำลายวิญญาณ หรือหากเจ้าถูกฆ่าติด ๆ กันเป็นจำนวนหลายครั้ง พลังชีวิตของเจ้าก็จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จนเจ้าตายไปเอง ดังนั้นจงทะนุถนอมความสามารถใหม่ของเจ้าไว้ให้ดีและอย่ารนหาที่ตายถ้าไม่จำเป็น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของเสี่ยหนานเทียนถึงกับแข็งค้างทันที เขารีบตอบกลับหลิงตู้ฉิงทางโทรจิตว่า “พี่หลิง ได้โปรดข้าขอร้องท่านอย่าบอกใครเรื่องจุดอ่อนของข้าเลยนะ ไม่อย่างนั้นข้าต้องแย่แน่ ๆ เอาไว้ในอนาคตหากท่านมีเรื่องหรือต้องการอะไรท่านสามารถมาหาข้าได้ตลอดเลยก็ได้!”
“แน่นอน บางทีในอนาคตข้าอาจจะอยากให้เจ้าทำอะไรบางอย่างให้ข้าก็ได้!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
เสี่ยหนานเทียนยิ้มด้วยความขมขื่น เนื่องจากเขารู้สึกว่าตัวเองพลาดท่าให้กับหลิงตู้ฉิงซะแล้ว
แต่ไม่ว่าจะยังไง เขาก็พบว่าการที่เขาได้มาติดตามหลิงตู้ฉิงแบบนี้มันทำให้เขากลายเป็นคนที่โชคดีสุด ๆ ในเวลาเดียวกัน