“พี่เขย อย่าพึ่งล้าง”
หญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาไร้เดียงสาก็เข้ามาเขย่าที่ขาของเธอแล้วพูดขึ้นมาอย่างมีมารยาท
ที่ตรงหน้าของเธอก็มีชายคนหนึ่ง เค้ากำลังนั่งยองๆ อยู่ที่ตรงอ่างล้างหน้า เค้ากำลังซักชุดชั้นในสตรี
หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ชายคนนี้ก็วางของที่อยู่ในมือของเค้าลง เค้าเช็ดมือพร้อมกับหน้าที่แดงระเรื่องของเค้าแล้วพูดว่า: “ชิงชือ ทำไมจู่ๆ เธอถึงเรียกพี่เขยของฉันมาหละ…….”
ชายคนนี้เค้าชื่อฉินเฉิง เค้าได้เข้ามาอยู่ในครอบครัวหลินเมื่อสามปีก่อน
และมันก็เป็นเวลาสามปีเต็มของการแต่งงานที่หลินชิงชือไม่เคยเรียกเค้าว่าพี่เขยเลย! ทุกครั้งที่เรียก เธอไม่แม้แต่ที่จะเรียกชื่อเลยด้วยซ้ำ
หลินชิงชือส่ายหัวของเธอขึ้นมาอย่างร่าเริง: “โอ้ นี่มันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเพราะความผิดพลาดในอดีตใช่ไหม!”
ฉินเฉิงก็หน้าแดงขึ้นมา เค้ากระซิบถามขึ้นมา: “เธอเรียกฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
หลินชิงชือก็กระพริบตาของเธอขึ้นมา จากนั้นเธอก็ถามออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม: “พี่เขย พี่มาที่ห้องฉันหน่อยสิ ฉันมีเรื่องที่อยากจะขอความช่วยเหลือจากพี่”
หลังจากที่พูดประโยคนี้จบ หลินชิงชือก็หันหน้าหนีแล้ววิ่งไป
สำหรับคำขอของหลินชิงชือแล้วเค้าเองก็ไม่กล้าที่จะขัดใจ ดังนั้นเค้าก็ทำได้แค่เช็ดมือแล้วเดินตามไปที่ห้องของหลิงชิงชือ
ทันทีที่ผลักประตูเข้าไปนี่เอง ฉินเฉิงก็มองเห็นหลินชิงชือที่นอนอยู่บนเตียงสีชมพูขนาดใหญ่แล้วหรี่ตาและจ้องมองมาที่เค้า
และต้นขาที่เรียวทั้งสองของเธอก็แนบชิดเข้าหากัน นี่มันเป็นอะไรที่น่าดึงดูดมากเป็นอย่างยิ่ง
สีหน้าของฉินเฉิงมันก็แดงกร่ำขึ้นมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจ “หู้ววว”
เค้ารีบหันหน้าหลบไปทางอื่นทันที จากนั้นก็พึมพำขึ้นมาว่า: “ชิงชือ มี…..มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“โอ้ พี่เขย ทำไมพี่ต้องเขินด้วยหละ เข้ามาสิ!” ชิงชือก็พูดขึ้นมาอย่างแข็งขัน
ฉินเฉิงเค้าเป็นชายหนุ่มที่สุขภาพดี การต้องมาเผชิญหน้ากับฉากแบบนี้ มันจะแปลกมากหากว่าเค้าไม่รู้สึกตื่นเต้น
เค้าพยายามอย่างหนักที่จะระงับความต้องการของตัวเอง เค้าพยายามที่จะไม่มองไปที่หลินชิงชือ
“ฉันคันหลังนิดหน่อยอะ ฉันเอื้อมไปไม่ถึง พี่จะมาช่วยเกามันให้ฉันหน่อยได้ไหม?” เมื่อหลิงชิงชือเห็นว่าฉินเฉิงไม่ขยับอะไรเลย เธอก็เลยลากแขนของเค้าเข้ามา
ฉินเฉิงเดินเซ เค้าไม่สามารถที่จะประคองตัวเองได้เลย ร่างของเค้าทั้งหมดมันโดนหลิงชิงชือกดทับเอาไว้
“อ๊าา!” หลินชิงชือดูเหมือนว่าเค้าจะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อยภายใต้แรงกดดันนี้ เค้าก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมา
หลังจากนั้น เค้าก็ควบคุมอารมณ์แล้วพูดขึ้นมาว่า: “ทุเรศ ไอ่พี่เขย ฉันเป็นน้องสะใภ้พี่นะ…….”
การพูดต่อกันอย่างแนบชิดกับหลิงชิงชือนี้ มันก็ทำให้ความต้องการของฉินเฉิงก็พุ่งพล่านขึ้นมาในทันที
เลือดของเค้ามันพุ่งพล่านขึ้นไปที่หัว ดวงตาของฉินเฉิงแทบจะเป็นสีแดง
แต่เค้าก็ไม่ได้ควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนั้น หลินชิงชือเองก็เป็นน้องสะใภ้ของเค้าเอง ถ้าหากว่าเค้าทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาหละก็ ต่อไปเค้าก็จะไม่มีหน้าไปสู้หน้าใครได้อีก
ดังนั้นเค้าก็เลยพยายามที่จะขัดขืนต่อความต้องการของตัวเองแล้วพยายามที่จะลุกขึ้นมา
ในตอนนี้เอง หลิงชิงชือเองก็เอานิ้วเกี่ยวเข้าไปที่คอของฉินเฉิง จากนั้นเธอก็กระซิบขึ้นมาในทันทีว่า: “ฉันรู้นะว่าพี่สาวของฉันเธอไม่กับนายซะเท่าไหร่ แต่งงานกันมาแล้วตั้งสามี นายยังไม่ได้จับเนื้อต้องตัวเธอเลย นายไม่อึกอัดบ้างเหรอ?”
หัวใจของฉินเฉิงก็เต้นเร็วขึ้นมา คำพูดของเธอนี่มันก็กระตุ้นความคิดของฉินเฉิงขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“พี่เขย อย่าอายเลย…..” หลินชิงชือก็คว้ามือของฉินเฉิงมาแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
สมองของฉินเฉิงดูเหมือนว่าจะขาดออกซิเจนไปชั่วขณะ ร่างกายของเค้าก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างที่ไม่สามารถคุมได้เลย
หลังจากที่แต่งงานกันมาแล้วสามปี ฉินเฉิงก็ไม่ได้แตะต้องอะไรเธอเลย
ยิ่งไปกว่านั้น หลิงชิงชือเธอก็สวยงามขาวราวกับหยก เอวที่ผอมบาง ถ้าหากว่าเธอเป็นผู้ชาย มันก็คงจะไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะสามารถต้านเสน่ห์ของเธอได้เลย
“ฉินเฉิง นี่เธอเป็นบ้าอะไร!” ในตอนนี้เอง ประตูต้องมันก็ถูกเปิดออกมาอย่างกระทันหัน
จากนั้น ก็มองเห็นพี่สาวของหลินชิงชือที่เดินเข้ามา
เธอตะโกนออกมาจนเสียงแทบแหบ จากนั้นก็ถ่ายภาพนี่ด้วยโทรศัพท์มือถือของเธอ
ฉินเฉิงก็รีบลุกขึ้นมา เค้ารีบอธิบาย: “มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ คือชิงชือ….เธอคันหลัง….ชิงชือ เธอรีบอธิบายไปสิ!”
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เอง ท่าทีของหลินชิงชือก็เปลี่ยนไป
เธอเองก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ดูตื่นตระหนก: “ไอ่เดรัจฉาน ฉันเป็นน้องสะใภ้ของแกนะ แกทำอย่างงี้ได้ยังไงกัน!”
ฉินเฉิงก็อ้าปากค้างในทันที สีหน้าของเค้าดูตกตะลึง
“เธอ….เธอพูดบ้าอะไรของเธอ? เมื่อกี้เธอเป็นคนให้ฉันเข้ามาเองนะ!” ฉินเฉิงก็อธิบายขึ้นมาอย่างร้อนใจ
“ทุเรศ! แค่ฉันเห็นนายฉันก็รังเกียจแล้ว ฉันจะไปให้นายเข้ามาที่ห้องของฉันได้ยังไงกัน!” หลินชิงชือก็ปฎิเสธขึ้นมาแล้วพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ฉินเฉิงเองก็เข้าใจในทันทีเลยว่านี่มันก็คือแผนการสมรู้ร่วมคิดของหลินชิงชือ เธอทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะใส่ร้ายฉินเฉิง!
“นายยังคิดที่จะพูดอะไรอีก” หลินชิงชือก็กล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ฉินเฉิงก็กัดฟันของเค้า เค้ามองไปที่หลินชิงเฉิงแล้วพูดว่า: “นี่มันเป็นแผนการที่เธอสองพี่น้องร่วมมือกันอย่างงั้นเหรอ?”
หลินชิงเฉิงเธอก็ผงะ จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธว่า: “นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไรของนาย! น้องของฉันจะไปทำเรื่องน่าอายอย่างงั้นได้ยังไงกัน! ทำไมนายถึงไม่กล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ?”
ฉิงเฉิงก็ยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น: “พวกเธอไม่ใช่ว่าต้องการที่จะกำจัดฉันออกไปจากบ้านนี้หรอกเหรอ? มันต้องใช้ความพยายามมากขนาดนี้เลยเหรอ……”
สีหน้าของหลิงชิงเฉิงก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาเล็กน้อย
มันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าที่ฉินเฉิงพูดออกมานั้นมันถูกต้อง
หลินชิงเฉิงเก็บโทรศัพท์ของเธอ จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาอย่างหมดความอดทนว่า: “ในเมื่อนายเองก็รู้แล้ว อย่างงั้นก็ช่วยเก็บข้าวของแล้วก็ออกไปซะ จากนั้นเค้าก้ค่อยมาหย่ากันทีหลัง”
ฉินเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เค้าเดินออกไปด้วยท่าทีที่เหนื่อยล้า
ในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้ ฉินเฉิงก็ได้ทำงานอย่างหนักกับครอบครัวหลิน แต่ทุกคนในตระกูลหลินกับต้องการที่จะขับไล่ฉินเฉิงออกไป!
ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะนายคุณปู่ตระกูลหลินที่เข้ามาห้ามเอาไว้ทุกทาง ทั้งสองจะเดินมาถึงจุดนี้ในวันนี้ได้ยังไงกัน!
สามปีมานี้ ฉินเฉิงเองก็เหนื่อยเหมือนกัน
มันก็แค่……เป็นความรู้สึกผิดต่อคุณปู่หลิน
ฉินเฉิงเองก็ไม่มีพ่อกับแม่มาตั้งแต่เด็ก เค้าได้รับการเงินเลี้ยงดูจากคุณปู่หลินมาโดยตลอด
และฉินเฉิงเองก็ยังจำความใจดีของเค้าได้เลย ดังนั้นไม่ว่าตระกูลหลินจะปฎิบัติต่อเค้ายังไงก็ตาม เค้าก็พยายามที่จะมองข้ามมันไป
เพียงแค่จนมาถึงตอนนี้แล้ว ฉินเฉิงเองก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าทำไมคุณปู่หลินถึงยืนกรานที่จะให้ตัวเองมาแต่งงานกับหลานสาวของเค้า?
เค้าเองก็คิดเรื่องนี้ไม่ออกเลยจริงๆ ฉินเฉิงเองก็ไม่อยากที่จะคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว
เค้าเดินไปตามท้องถนนอย่างอ่อนแอราวกับตัวตลก
ที่อีกด้านหนึ่ง สองพี่น้องตระกูลหลินที่ประสบความสำเร็จพวกเธอก็ดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก
“ในที่สุดพวกเราก็สามารถกำจัดไอ่ตัวไร้ประโยชน์นี่ออกไปได้แล้ว!” หลินชิงเฉิงกล่าวขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม
หลินชิงชือก็แสดงความเห็นด้วยครั้งแล้วครั้งเล่า: “ใช่แล้ว ฉันไม่รู้นะว่าคุณปู่จะคิดยังไงถึงให้เธอไปแต่งงานกับไอ่ขยะนั่นอะ”
“เอาหละ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว รีบส่งวีดีโอนั่นไปให้ปู่ดูซะ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณปู่จะไม่ยอมให้พวกเราหย่ากันอะ!” หลินชิงเฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน
ชายชราผมหงอก สีหน้าของเค้าดูซีดเซียว
“คุณปู่ ไอ่เดรัขฉานนี่มันทำแบบนี้กับของสาวของหนูจริงๆ นี่มันรับไม่ได้จริงๆ ครั้งนี้หนูต้องการที่จะหย่ากับเค้า!” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ดูไม่พอใจ
หลินชิงชือก็แสร้งทำเป็นไม่พอใจแล้วพูดขึ้นมาว่า: “ใช่ค่ะ คุณปู่ ปู่ต้องขับไล่เค้าออกไปจากตระกูลหลินนะคะ! ไม่อย่างงั้นก็ไม่มีใครรู้เลยนะ ว่าต้องไปเค้าจะทำเรื่องบ้าอะไรขึ้นมาอีก…..”
เมื่อเห็นสองพี่น้องที่ทำสีหน้าที่ไม่พอใจ คุณปู่หลินก็ตบโต๊ะขึ้นมาอย่างดุเดือด
เค้ากัดฟันแล้วพูดว่า: “นี่คงเป็นฝีมือของพวกเธอสินะ?”
หลิงชิงเฉิงก็ผงะ เธอรีบส่ายหัวของเธอขึ้นมาแล้วพูดว่า: “คุณปู่ ปู่พูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน เราจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน…….”
“ใช่แล้ว คุณปู่ ปู่คิดอะไรอยู่ หนูจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงทำไมกัน…..” หลินชิงชือก็ปกป้องตัวเอง
สีหน้าของคุณปู่หลินดูหมดหวัง เค้าทรุดตัวลงไปที่เก้าอี้หวายแล้วก็พูดเสียงเบาๆ ขึ้นมาว่า: “รู้ไหมว่าเค้าเป็นใคร….พวกเธอ…..!”
สองพี่ร้องตระกูลหลินก็จ้องตากัน แววตาของพวกเธอมันเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“เดิมทีฉันอยากจะให้ตระกูลหลินโชคดี มันไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย มันเป็นตระกูลหลินเองที่ไม่มีพรข้อนี้……” ชายชราก็ทรุดตัวลงไปที่เก้าอี้หวาย มันดูราวกับว่าเค้าแก่เพิ่มขึ้นมาอีกหลายสิบปีในทันที
“คุณปู่ ปู่กำลังพูดเรื่องอะไรกัน…..” หลินชิงชือก็กระซิบขึ้นมาว่า “นี่คงไม่ใช่ว่าปู่จะให้ไอ่เดรัจฉานฉินเฉิงนั่นกลับมาใช่ไหม…..”
คุณปู่หลินนอนอยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว เค้าหวนคิดย้อนกลับไปเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน
ตระกูลหลินในตอนนั้น พวกเค้าก็เป็นเพียงแค่ชายประมงริมทะเลก็เท่านั้น พวกเค้าไม่ได้เป็นคนมีฐานะเลยด้วยซ้ำ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ชายชราหลินก็ออกไปหาปลาที่ริมทะเล จากนั้นเค้าก็ได้เจอเข้ากับชายแปลกหน้า
ในตอนที่ยืนอยู่บนท้องทะเลนี้เอง คนๆ นั้นเค้าสามารถที่จะเปลี่ยนเมฆและฝนได้ด้วยมือของเค้าเองและเปลี่ยนสีของท้องฟ้าได้
รูม่านตาคู่หนึ่ง มันดูราวกับว่าจ้องออกมาจากนรกที่น่ากลัว!
ชายชราหลินเองก็เห็นด้วยตาของเค้าเองเลยว่า ชายคนนี้เค้าถือหัวมังกรอยู่ในมือของเค้าเอง
มันคือหัวของมังกรจริงๆ
ในตอนนั้น ดูเหมือนว่าชายชราหลินจะได้เจอเข้ากับเทพเจ้า เค้าคุกเข่าลงไปที่พื้นพร้อมกับเสียงดังตุบ จากนั้นก็ก้มลงครั้งแล้วครั้งเล่า
ผู้ชายคนนี้เค้าก็คือคนที่มอบความโชคดีให้กับตระกูลหลินจนทำให้ตระกูลหลินมีสถานการณ์อย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
และฉินเฉิงเองก็เป็นลูกของชายคนนั้น!
ลูกชายแท้ๆ !
ชายคนนั้นบอกว่าหลังจากที่เค้าหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว เค้าจะกลับมาพาตัวฉินเฉิงไป
เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา นี่มันก็ผ่านมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว
แม้ว่านี่มันจะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงฉากนั้น ในแววตาของชายชราหลินเองก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกโดยไม่รู้ตัว