ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม – ตอนที่ 3 ผู้ช่วยชีวิต

“คุณหมอหลี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จู่ๆ คุณซูก็ถามขึ้นมาอย่างกังวล

คุณหมดหลี่เองก็พูดขึ้นมาด้วยอาการตื่นตระหนก: “ผม…..ผมไม่รู้ว่า ตอนนี้เค้าเป็นอะไร ทำไม….จู่ๆ ถึงกลายเป็นแบบนี้!”

“งั้นคุณก็รีบช่วยชีวิตเค้าสิ!” คุณซูก็ตะคอกขึ้นมา

หมอหลี่ก็รีบวิ่งเข้าไปหาชายชราซู แต่ในตอนนี้เอง ชายชราซูเค้าก็ล้มลงไปที่พื้น เค้าไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย มันดูราวกับว่าเค้าได้หมดสติไปแล้ว

จู่ๆ หมอหลี่ก็ตื่นตระหนกขึ้นมา เค้าถึงกับเสียสติ เค้ายืนอยู่ที่ตรงนั้นโดยไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดี

“คุณมัวงงอะไรของคุณอยู่ รีบช่วยปู่ของฉันสิ” คุณซูพูดขึ้นมาอย่างร้อนใจ

หมอหลี่เองก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก: “คะ…คุณซู คุณควรรีบพาตัวคุณปู่ซูไปที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ที่นี่ไม่มีเครื่องมือ ผม…ผมทำไม่ได้…”

อันที่จริง หมอหลี่เองก็รู้ว่าตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะส่งตัวคุณปู่ซูไปที่โรงพยาบาล

คุณซูกัดฟันของเธอขึ้นมา เธอไม่มีเวลาแม้แต่ที่จะคิดอะไร เธอโบกมือของเธอขึ้นมาแล้วตะโกนว่า: “เอาตัวคุณปู่ไปโรงพยาบาล!”

“เดี๋ยวก่อน!”

ในตอนนี้เองฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา

เค้าก็เข้ามาขวางทางคุณซูเอาไว้ เค้าส่ายหัวขึ้นมาแล้วพูดว่า: “มันสายเกินไปแล้วที่จะเอาตัวปู่ของคุณไปที่โรงพยาบาล คุณปู่ของคุณเค้าน่าจะตายไปได้ครึ่งทางแล้ว”

เมื่อคุณซูได้ยินแบบนั้น แววตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นมาในทันที แววตาของเธอมันเต็มไปด้วยความโกรธ

“ทางที่ดีนายควรหยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้วนะ!” คุณซูพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ “นายปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้ ถ้าหากว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับปู่ของฉันหละก็ นายรับผิดชอบไม่ไหวแน่!”

ฉินเฉิงรู้ว่าคุณซูไม่เชื่อคำพูดของเค้า แต่คุณซูเองก็เป็นคนที่ช่วยเหลือเค้าเอาไว้ ไม่อย่างงั้นเค้าก็คงจะตายไปแล้ว

ดังนั้นเอง ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมว่า: “คุณซู ผมขอเวลาห้านาที ผมสัญญาว่าผมจะช่วยชีวิตปู่ของคุณ! ถ้าหากว่าคุณปู่เป็นไรขึ้นมา ผมยินดีที่จะชดใช้ด้วยชีวิตของผมเอง!”

“บ้าเอร้ย สถานการณ์ของเค้าในตอนนี้มันไม่อาจจะรอได้แม้แต่นาทีเดียว แล้วห้านาที? แกนี่มันไร้สาระจริงๆ” หมอหลี่ที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยขึ้นมาอย่างเย็นชา

ฉินเฉิงก็เหลือบมองไป เค้าก็เยาะเย้ยขึ้นมาว่า: “ในเมื่อมันไม่สามารถรอได้ อย่างงั้นมันก็สายเกินไปแล้วไหมที่จะเอาตัวไปส่งโรงพยาบาล?”

สีหน้าของหมอหลี่ก็เริ่มแข็งทื่อขึ้นมา เค้าเองก็ตื่นตระหนกขึ้นมาในทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป

เค้ารีบปิดปากของตัวเองแล้วไปยืนอยู่ที่ด้านข้างด้วยความโกรธ

คุณซูเองก็มองไปที่หมออย่างเย็นชา แววตาของเธอมันเต็มไปด้วยความโกรธ

ทันทีที่เธอมองไปที่ฉินเฉิง เธอก็หายใจเข้าลึกๆ : “ถ้าหากว่านายสามารถช่วยคุณปู่ของฉันได้ ตระกูลซูของฉันก็จะจดจำบุญคุณนี้ตลอดไป”

ฉินเฉิงก็ไม่พูดอะไรออกมาเลย เรื่องเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพมันก็แวบเข้ามาในหัวของเค้า

หลังจากนั้น เค้าก็เดินตรงไปที่ตรงหน้าชายชราซูแล้ววางมือลงไปที่หน้าผากของชายชราซู

ทันทีหลังจากนั้น ออร่าสีน้ำเงินในร่างกายของเค้ามันก็พุ่งออกมาตามมือของฉินเฉิง จากนั้นมันก็ไหลเข้าไปที่หน้าผากของชายชราซู

เทคนิคการคืนชีพนี่มันก็เป็นพลังงงานของจิตจำนวนมาก ฉินเฉิงเองก็พึ่งจะได้รับมรดกนี้มา เค้าก็เลยมีพลังมาก

ในตอนที่ออร่าจากร่างกายของเค้าหายไป ฉินเฉิงก็อ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นไม่นานมันก็มีเหงื่อไหลออกมาจากที่หน้าผากของเค้า

ในตอนนี้เอง คุณซูเองก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา ความวิตกกังวลมันก็ปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ เธอต้องการที่จะถามอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ต้องพยายามที่จะห้ามใจตัวเองไว้

ในที่สุด ในตอนที่อ่อร่าหายไปจากร่างของเค้าอย่างสมบูรณ์นี้เอง กระบวนการฟื้นคืนชีพมันก็เสร็จสมบูรณ์ในที่สุด

ฉินเฉิงเองก็นั่งลงไปที่พื้นพร้อมกับความเหนื่อยล้า ร่างของเค้ามันอ่อนแอ เค้าแทบจะเป็นลมแล้วล้มลงไปที่พื้น

“นายทำอะไรของนาย?!” คุณซูก็ถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ “นี่คือสิ่งที่นายบอกว่าจะช่วยชีวิตอย่างงั้นเหรอ?!”

ฉินเฉิงก็อ้าปากของเค้าขึ้นมาแล้วพยายามที่จะอธิบาย แต่เค้าก็พบว่าตัวเองไม่มีแม้แต่แรงที่จะพูดเลยด้วยซ้ำ

“ฉันอุส่าใจดีช่วยชีวิตนายมา นายกล้าที่จะมาทำร้ายฉันอย่างงั้นเหรอ!” คุณซูเต็มไปด้วยความเศร้าและความขุ่นเคือง แววตาของเธอมันก็เต็มไปด้วยความต้องการที่จะฆ่าฉินเฉิง

“พวกแก ดูมันให้ดี อย่าให้มันหนีไปได้! พวกที่เหลืออยู่พาคุณปู่ไปที่โรงพยาบาลกับฉัน!” คุณซูก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา

บอดี้การ์ดหลายคนก็ก้าวไปต่อหน้าของฉินเฉิงในทันที พวกเค้าต้องการที่จะจับตัวฉินเฉินเอาไว้

“แคร็ก แคร็ก!”

ในตอนนี้เอง จู่ๆ ชายชราซูก็ไอออกมา

ทันทีที่เสียงไอดังขึ้นมา ฉากทั้งหมดนี่มันก็หยุดนิ่งไปในทันที

คุณซูเป็นคนแรกที่ตอบสนองขึ้นมา เธอรีบตรงไปที่ตรงหน้าชายชราซู เธอก้มลงไปหาเค้าพร้อมกับน้ำตาที่เกือบจะไหลออกมา

“คุณปู่ ตอนนี้ปู่รู้สึกยังไงบ้าง” คุณซูเธอก็ถามขึ้นมาพร้อมกับกอดชายชราเอาไว้

ชายชราซูก็ขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมา เค้าลุกขึ้นมานั่งอย่างช้าๆ จากที่พื้นแล้วมองไปที่หมอหลี่ จากนั้นเค้าก็กล่าวขึ้นมาอย่างขอบคุณเล็กน้อย: “หมอหลี่สมแล้วที่คุณเป็นหมอที่มีชื่อเสียง เรื่องนี้ ตระกูลซูจะจดจำมันไปตลอด”

หมอหลี่ก็ดูกระอักกระอ่วมขึ้นมาเป็นอย่างมาก เค้าไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ซักพัก

“เค้าไม่ได้ช่วยชีวิตปู่” ในตอนนี้เองคุณซู เธอก็อธิบายขึ้นมา: “ชายหนุ่มคนนั้นเค้าเป็นคนที่ช่วยชีวิตปู่เอาไว้”

ชายชราซูก็ประหลาดใจขึ้นมา เค้ามองไปที่ฉินเฉิงด้วยความประหลาดใจและยิ้ม: “พ่อหนุ่ม เธอเป็นหมออย่างงั้นเหรอ?”

“ฉัน….ฉันไม่ใช่หมอ” ฉินเฉิงไม่รู้ว่าเค้าจะอธิบายยังไงดี ถ้าหากว่าเค้าพูดออกไปตัวเองจะถูกมองว่าเป็นปีศาจไหม?

ตอนนี้ชายชราซูก็เริ่มสงสัยมากขึ้น เค้ามองไปที่ฉินเฉิงอยู่นานแล้วก็ยิ้ม: “พูดมาเถอะ ฮ่าๆ ฉันเข้าใจ ยังไงก็ตามคุณเองก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตฉันแล้วก็ยังเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลซู ฉันจะนำเรื่องครั้งนี้ไว้ตลอดไป”

ฉินเฉิงโบกมือของเค้าขึ้นมาอีกครั้งแล้วพูดว่า: “คุณไม่จำเป็นจ้องสุภาพหรอก ถ้าหากว่าคุณซูไม่ช่วยผมมาจากข้างถนน ตอนนี้ผมก็คงจะตายอยู่ข้างถนนไปแล้ว”

คุณซูเดินเข้าไปหาฉินเฉิงด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า: “โอ้ นี่มันเรื่องเล็กน้อยมากสำหรับฉัน ต่อให้เป็นคนอื่น ยังไงฉันก็จะช่วย”

ฉินเฉิงเองก็ยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีอยู่ซักพัก

“นั่งลงก่อน” ชายชราซูก็โบกมือให้กับฉินเฉิง

ฉินเฉิงไม่กล้าที่จะปฎิเสธ ดังนั้นเลยเค้าก็เลยเดินไปนั่งลง

“มารู้จักกันหน่อย ฉันชื่อว่าซูหวาน” ทันใดนั้นเอง คุณซูก็ยื่นมือที่เรียวยาวของเธออกมา เธอพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่านิ้วของซูหวานมันจะดูบอบบางมาก แต่มือของเธอกลับนุ่มและอบอุ่น รอยยิ้มที่อ่อนโบนของซูหวานก็ทำให้ฉินเฉิงรู้สึกเสียสูญไปชั่วขณะ

“แคร็กๆ” ในตอนนี้เอง ชายชราซูที่อยู่ข้างๆ ก็ไอขึ้นมาแล้วฉินเฉิงรีบพูดขึ้นมาว่า: “อ๊าา ฉันชื่อฉินเฉิง”

“ฉินเฉิง..อืม ชื่อเพราะมาก” ผู้อาวุโสซูพูดขึ้นมาอย่างมีนัยยะ เค้าจับเข้าไปที่เคราของเค้า

หลังจากการสนทนาสั้นๆ ฉินเฉิงก็ได้รู้ว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ชายชราซูเค้าก็อยู่ในกองทัพ ในตอนนั้นเองเค้าก็มีประสบการณ์การต่อสู้มานับไม่ถ้วนและมันก็ยิ่งทิ้งบาดแผลกับอาการเจ็บป่วยเอาไว้มากมายตามร่างกายของเค้า

พออายุมากขึ้น สุขภาพของชายชราซูเองก็แย่ลง ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เค้าก็อยู่ในสภาพใกล้ตาย

“ฉินเฉิง ปู่ของฉันเค้าจะอยู่ได้อีกกี่ปีกัน?” แววตาของซูหวานก็ดูเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในนั้นมันก็มีความหวังอยู่เล็กน้อยเช่นกัน

“นี่….” ฉินเฉิงเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร เค้าเองก็ไม่ใช่หมอ เค้าจะไปรู้อายุขัยของชายชราซูได้ยังไงกัน

“ชีวิตกับความตาย มันคือเรื่องของโชคชะตา อย่าไปสนมันเลย” ชายชราซูก็โบกมือของเค้าขึ้นมาและยิ้ม: “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้หรอก ฉันจะสั่งให้คนเตรียมอาหารเย็นไว้ เราจะได้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน”

ฉินเฉิงก็รีบลุกขึ้นมา ในตอนที่เค้ากำลังจะพูดนี้เอง โทรศัพท์มือถือของเค้ามันก็ดังขึ้นมา

เค้าก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเค้าขึ้นมา จากนั้นก็เห็นว่าคนที่โทรมาคือหลินชิงเฉิง

เค้าก็ขมวดคิ้วของเค้าขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดแล้วเค้าก็ไม่ตอบอะไร

หลังจากนั้นไม่นาน หลินชิงเฉิงก็ส่งข้อความมาว่า: “ชิงเฉิง ตอนนี้นายอยู่ไหน กับมาเร็วเข้า เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน!”

เมื่อเห็นข้อความนี้ ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เคลียร์ให้ชัด? เรื่องนี้มันยังจะมีอะไรต้องเคลียร์กันอีก?

“คุณท่านซู คุณซู ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำ ผมคงจะต้องขอตัวกลับก่อน” ฉินเฉิงก็ลุกขึ้นแล้วพูดออกมา

ชายชราซูก็พยักหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม: “เอาหละ ซูหวาน เธอไปส่งน้องฉินสิ”

ซูหยวนก็รีบตอบขึ้นมาอย่างเร็ว เธอเดินออกไปที่ด้านนอกประตูโดยมีฉินเฉิงอยู่ที่ด้านข้าง

ทันทีที่ฉินเฉิงจากไป ชายในชุดสูทกับรองเท้าหนังก็เดินเข้าไปหาชายชราซู

“ไปตรวจสอบตัวตนของเค้ามาซิ” ชายชราซูก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“ครับ” ชายคนนั้นเค้าก็พยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อยแล้วถอยกลับไป

ชายหญิงคู่หนึ่งก็ยืนอยู่ที่ทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลซู

ท่าทีของผู้หญิงดูไม่ธรรมดาเลย เธอดูราวกับนางฟ้า ในขณะที่ผู้ชายกลับดูเหนื่อยๆ เล็กน้อย

“ฉินเฉิง….” ซูหวานที่ยืนอยู่ที่หน้าทางเข้า ในแววตาของเธอก็ดูอ้อนวอนเล็กน้อย

ฉินเฉิงเองก็มองไปที่ซูหวานอย่างเร็ว เค้าพูดขึ้นมาอย่างเกร็งๆ : “คุณซู คุณยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”

ซูหวานก็จ้องมองไปที่ฉินเฉิง แววตาของเธอก็ดูมีน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย

ทันใดนั้นเองก็มองเห็นเธอที่คว้าแขนของฉินเฉิงเอาไว้แล้วพูดขึ้นมาอย่างอ้อนวอนว่า: “ฉันรู้ว่าปู่ของฉัน เค้ากำลังจะตายและก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน คุณ….คุณช่วยปู่ของฉันหน่อย จะได้ไหม?”

“ฉัน….” ฉินเฉิงก็ดูเคอะเขินขึ้นมาเล็กน้อย เค้าเองก็ไม่ใช่หมอ อย่างงั้นเค้าจะไปตอบรับคำขอของซูหวานได้ยังไงกัน

ฉินเฉิงวางแผนที่จะปฎิเสธ แต่เมื่อเค้าเห็นแววตาที่มีน้ำตาคลอเบ้าของซูหวาน เค้าก็พูดอะไรไม่ออกเลย

“พ่อของฉันเค้าทิ้งมรดกไว้มากมาย ฉันไม่เชื่อเลยว่ามันจะสามารถช่วยชีวิตคนได้!” ฉินเฉิงก็คิดกับตัวเอง

จากนั้นเค้าก็มองไปที่ซูหวาน เค้าพยักหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ฉันจะลองดู”

เมื่อซูหวานได้ยินแบบนี้ เธอก็คว้าแขนของฉินเฉิง จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า: “ฉินเฉิง ขอบคุณนะ! ฉันจะจดจำความกรุณาของเธอนี้ตลอดไปอย่างแน่นอน!”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเฉิงรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่ของเค้ามันมีค่าและนี่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่มีคนขอบคุณเค้า

เค้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาอย่างขมขื่น เค้าโบกมือขึ้นมา: “ฉันเองก็ไม่กล้าที่จะรับรองนะ…..”

ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของฉินเฉิงก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

ฉินเฉิงก็รีบโบกมือของเค้าให้กับซูหวานแล้วพูดว่า: “ฉันไปก่อนนะ หากว่ามีเรื่องอะไรเธอก็รีบติดต่อฉันมาหละกัน”

“ฉันจะขับรถออกไปส่งนาย!” ซูหวานก็รีบพูดขึ้นมา

“ไม่…ไม่ต้องหรอก” ฉินเฉิงก็ปฎิเสธขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปโดยที่ไม่หันกลับมาอีก

นับตั้งแต่ที่เค้าได้รับมรดกจากพ่อของเค้ามา ฉินเฉิงก็รู้สึกว่าร่างกายของเค้ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

เมื่อก่อนร่างกายของเค้าค่อนข้างอ่อนแอ ตอนนี้เอง การหายใจหนึ่งครั้งก็ทำให้เค้ามีพลังมากจนสามารถวิ่งได้หลายไมล์

หลังจากผ่านไปสิบนาที ฉินเฉินก็มาถึงที่ประตูคฤหาสน์ตระกูลหลิน

ในเวลานี้เอง รถเบ้นซ์แปลกๆ ก็จอดอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ตระกูลหลิน แต่ฉินเฉิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ดังนั้นเค้าก็รีบเข้าไปในบ้าน

บนโซฟา ทุกคนในตระกูลหลินก็กำลังนั่งล้อมกันอยู่ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีชายแปลกหน้าคนหนึ่ง

ชายหนุ่มคนนี้เค้าสูงแล้วก็หล่อมาก ในแวบแรกที่เห็นก็รู้เลยว่าเค้าเป็นคนที่ดีมาก

“ไอ่คนไร้ประโยชน์นายไปตายอยู่ไหนมา?” หลินชิงเฉิงก็ตะโกนด่าขึ้นมาอย่างโกรธเมื่อเห็นฉินเฉิงที่เดินเข้าประตูมา

และแววตาจองหลินชิงชือที่อยู่ข้างๆ เองก็กระพริบเล็กน้อย มันเห็นได้อย่างชันเจนเลยว่าเธอรู้ว่าฉินเฉิงโดนทุบตีมา

ฉินเฉิงก็เกาหัวของเค้าตามปกติแล้วพูดว่า: “เมื่อกี้ที่ข้างนอกมีเรื่องนิดหน่อย ก็เลยไปที่โรงพยาบาล ฉัน…..”

“เอาหละ เอาหละ ฉันไม่มีอารมณ์จะมาฟังเรื่องของนายหรอกนะ” หลินชิงเฉิงก็ขัดจังหวะฉินเฉิงขึ้นมาอย่างหมดความอดทน

หลังจากนั้นเอง เธอก็พูดขึ้นมาอย่างแข็งกร้าวว่า: “ในเมื่อนายสัญญาแล้วว่าจะออกไปจากตระกูลหลิน งั้นวันนี้เราก็มาหย่ากันซะ”

ฉินเฉิงก็มองไปที่ชายหนุ่มคนไม่รู้ตัว เค้าสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่ปรากฎขึ้นมาในแววตาของเค้า

แม้ว่าเค้าจะไม่มีความหวังอะไรกับหลินชิงเฉิงแล้ว แต่เค้าก็ไม่คิดว่าหลินชิงเฉิงจะยอมแพ้แบบนี้

ต่อให้เป็นหมาที่เลี้ยงมา การเลี้ยงมาสามปีมันก็น่าจะมีความรู้ต่อกันขบ้าง นี่มันก็ไม่ต้องพูดถึงการที่เค้าดูแลเธอมานานถึงสามเลย!

“โอ้ ฉันจะแนะนำให้นะ นี่คือท่านประธานหยางอี้ชุนของซานชุ่ยกรุ๊ป”

“สวัสดีครับ ผมได้ยินเรื่องของฉินเฉิงมานานแล้ว แต่ในที่สุดวันนี้ก็ได้มาเจอตัวจริง” หยางอี้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

ฉินเฉิงเพิกเฉย แต่เค้ามองไปที่หลินชิงเฉิงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า: “เธอต้องการที่จะแต่งงานกับเค้าสินะ?”

หลินชิงชือก็ผงะแล้วพูดขึ้นมาว่า: “ใช่ ฉันจะบอกความจริงกับนายให้นะ ฉันกับหยางอี้คบกันมานานแล้ว แต่ฉันไม่ได้บอกแก เนื่องจากนายเองก็ตกลงที่จะออกไปจากบ้านตระกูลหลินแล้ว เอาหละ วันนี้เราก็ไปเอาทะเบียนสมรสคืนกัน”

เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของฉินเฉิงก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาในทันที

เค้ากำหมัดของเค้าจนแน่นพร้อมกับแววตาที่แดงกร่ำ

“หลินชิงเฉิง ฉันดูแลเธอมาตลอดสามปี แต่เธอกับคบผู้ชายคนอื่นลับหลังฉันอย่างงั้นเหรอ?” ในตอนที่ฉินเฉิงพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา เค้าแทบจะกัดฟันของตัวเอง

หลินชิงเฉิงก็เยาะเย้ยขึ้นมา: “นายเป็นผู้ชายเหรอ? ฉันไม่เคยถือว่านายเป็นสามีของฉันเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นว่ากันตามจริง ฉันเองก็ไม่ได้ทรยศอะไรกับนาย”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว หลินชิงเฉิงเองก็หยุดแล้วพูดต่อว่า: “แน่นอน ถ้าหากว่าคิดไปเอง ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง”

“เธอ!” สีหน้าของฉินเฉิงก็เย็นชาลงเรื่อยๆ

“พูดไร้สาระให้มันน้อยลงหน่อย!” หลินชิงเฉิงไม่อยากที่จะสนใจอะไรแล้ว เธอหยิบหนังสือหย่าขึ้นมาแล้ววางไว้บนโต๊ะ จากนั้นเธอก็พูดออกมาว่า: “ถ้ามีอยากเสียหน้า อย่างงั้นก็รีบเซ็นๆ มันไปซะ แน่นอนหนังสือหย่า ต่อให้นายไม่เซ็นมันก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้ฉันคบกับหยางอี้ได้”

หยางอี้ชุนก็โอบเอวของหลินชิงเฉิงแล้วจูบบนใบหน้าของเธอเบาๆ

ในตอนนี้เอง หัวใจของฉินเฉิงมันก็เต็มไปด้วยความโกรธ

แต่เค้าก็ไม่ตอบโต้อะไร เค้าใช้ปากกานั่นเซ็นชื่อของเค้าลงไป

“นับตั้งแต่วันนี้ไป ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินอีกต่อไป” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

หลินชิงเฉิงก็ความใบหย่ามา เธอแทบจะกระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจ

“เอาหละ นายออกไปจากบ้านตระกูลหลินได้แล้ว” หลินชิงเฉิงก็โยกแบนของหยางอี้ไปมาด้วยความตื่นเต้น

ฉินเฉิงก็มองไปที่หลินชิงเฉิง เค้าพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “หลินชิงเฉิง เธอจะต้องเสียใจในภายหลัง”

“เสียใจภายหลัง?” หลินชิงเฉิงก็หัวเราะเยาะขึ้นมา: “สิ่งที่ฉันเสียใจมากที่สุดในชีวิตก็คือการแต่งงานกับแก ออกไปจากที่นี่ซะ! ตระกูลหลินไปต้อนรับแก!”

“เอาหละ อย่าไปรู้จักเค้าเลย” หยางอี้พูดขึ้นมาอย่างไม่แยแส “เพื่อฉลองวันสำคัญนี่ ฉันจะเลี้ยงอาหารตะวันตกเธอเอง”

“ได้ ขอบคุณมากนะคะสามี!” หลินชิงเฉิงก็กล่าวขึ้นมาอย่างเยือกเย็น

หัวใจของฉินเฉิงก็มีเลือดออก

หลังจากที่แต่งงานมาสามปีแล้ว หลินชิงเฉิงไม่เคยเรียกเค้าว่าสามีเลย แต่วันนี้เธอเรียกผู้ชายคนอื่นแบบนี้ต่อหน้าของเค้า

เค้าส่ายหัวของเค้าแล้วเดินออกไปจากบ้านตระกูลหลินด้วยสีหน้าที่ขมขื่น

หลังจากนั้นไม่นาน หลินชิงเฉิง หยางอี้ หลินชิงชือก็เดินออกมา

“มองเห็นยัง? เบ้นซ์ของสามีฉัน!” หลินชิงเฉิงก็เยาะเย้ยขึ้นมา “ชีวิตนี้แกจะมีปัญญาได้นังรถเบ้นซ์ไหม”

ฉินเฉิงก็ไม่พูดอะไรออกมา เค้าไม่สนใจอะไรพวกเค้าเลย

ในตอนนี้เอง เฟอร์รารีสีแดงก็เร่งเครื่องเสียงดังแล้วก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของฉินเฉิง

จากนั้น ก็เห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเผ็ดร้อนก้าวออกมาจากรถ

ผู้หญิงคนนี้เธออายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ ดวงตาของเธอดูราวกับอัญมณีสองเม็ด ผิวของเธอดูราวกับหิมะในฤดูหนาว ผมสีดำของเธอมันก็อยู่บนไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ ต้นขาที่เรียวยาวของเธอก็ถูกห่อเอาไว้ในกระโปรงสั้น นี่มันยิ่งทำให้เธอดูสมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีก

“สวยมาก…..” หลินชิงชือเองก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำขึ้นมา แม้แต่พี่สาวของเธอก็ถูกบดบังไปในทันที

“ฉินเฉิง ยังไม่เสร็จอีกเหรอ? ขึ้นรถมาเถอะ ปู่ของฉันเค้ารอนายอยู่นะ” เด็กสาวกระพริบตาให้กับฉินเฉิง เธอพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่เสน่หา

ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม

ภรรยาที่ทั้งสวยทั้งรวยของผม

หลังจากที่เผชิญหน้ากับการดูถูก ฉินเฉิงก็ลุกขึ้นสู้ เพื่อคว้าในสิ่งที่ไม่เคยได้ครอบครองมาก่อน นิยายเล่มนี้เป็นนิยายที่สนุกสนาน ไม่รุนแรงจนเกินไป สนุกครบทุกอารมณ์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset