ดูเหมือนร่างกายของเฟิงกวงซูจะควบคุมไม่ได้ มือทั้งคู่เริ่มคว้าหินขึ้นมา ยัดเข้าปากอย่างสุดชีวิต ผ่านไปได้สักพัก ปากถูกหินแทงจนมีเลือดไหลออกมาเต็มปาก
“คุณ…..คุณฉิน ปล่อยผ่านไปดีกว่าไหม?” ดูเหมือนว่าจี้หงเซิงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
ฉินเฉิงเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา และพูด :”เสียแรงในตอนนั้นที่นายเป็นถึงหัวหน้าใต้ดินของเมืองหลวง มีความสามารถแค่นี้เองเหรอ? รู้ไหมว่าทำไมเขาถึงกล้าโกหกนาย?”
จี้หงเซิงรู้สึกลำบากใจ
ถ้านี่เป็นคนธรรมดา กระทั่งเป็นถึงคนรวยที่มีเงิน เขาล้วนแล้วไม่มีทางใส่ใจแน่นอน
แต่ว่าเฟิงกวงซุคนนี้มีฐานะที่ไม่เหมือนกับพี่ชายของเขา สามารถพูดได้ว่าคนประเภทนี้เป็นสิ่งที่จี้หงเซิงกลัวที่สุดแล้ว
“เห้อ” จี้หงเซิงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ นั่งอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง
ผ่านไปสักพัก พี่ชายของเฟิงกวงซูมาถึงสถานที่เกิดเหตุอย่างเร่งรีบ
เขาด่าเสียงดังทันทีที่เข้าประตู :”จี้หงเซิง ไอ้เวรแกกินความกล้าของหัวใจหมีและเสื้อเข้าไปเหรอ แม้แต่น้องชายฉันก็กล้ามาแตะ!”
ทันใดนั้น สายตาของเขามองไปทางเฟิงกวงซูที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นและกำลังกินหิน
“นายกำลังทำอะไรอยู่ หยุดเดี๋ยวนี้!” พี่ชายของเขาเริ่มกังวลแล้ว คว้ามือของเฟิงกวงซูอย่างสุดแรงเกิด
เฟิงกวงซูเจ็บปวดจนเริ่มร้องไห้ออกมาแล้ว แต่ยังคงหยุดการเคลื่อนไหวของมือไม่ได้
“ใครเป็นคนทำวะ!” พี่ชายของเขาพูดด้วยความโกรธ
ฉินเฉิงเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา และพูด :”ฉันเอง”
พี่ชายของเขาเพิ่งเริ่มโกรธ แต่เมื่อหลังจากเขาเห็นฉินเฉิงชัดเจน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“คุณ…..คุณฉิน?” เหมือนกับตัวตนของเขาแบบนี้ แน่นอนรู้ดีถึงการต่อสู้ระหว่างฉินเฉิงและเฝิงกง
แม้แต่สถานที่รักษาความปลอดภัยในทุกวันนี้ยังต้องบูชาเทพองค์นี้อย่างดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเบี้ยอย่างเขาเลย?
“คุณ…..คุณฉิน น้องชายของฉันทำให้คุณขุ่นเคืองได้อย่างไร?” เขาเดินไปอยู่ต่อหน้าฉินเฉิง พูดด้วยความประหม่า
ฉินเฉิงหัวเราะอย่างเย็นชาและพูด :”ไม่ทำให้ขุ่นเคือง ฉันก็แค่อยากดูเขาแสดงกินหิน ไม่ได้เหรอ?”
พี่ชายของเขาอึ้งไปชั่วขณะ หลังจากนั้นหันไปด้านหลังและพูดอย่างจริงจัง :”กิน กินให้อร่อย!”
เมื่อเฟิงกวงซูได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นร้องไห้หนักมากยิ่งขึ้น
อายุเท่าไหร่แล้ว ในเวลานี้กลับร้องไห้เหมือนเด็กสามขวบ
ฉินเฉิงหึอย่างเย็นชา เขาโบกมือเขาๆ การเคลื่อนไหวในมือของเฟิงกวงซูหยุดลงทันที
“พี่……” เฟิงกวงซูคลานไปอยู่ต่อหน้าพี่ชายของเขาด้วยความกลัว ด้วยท่าทางของความเศร้า
พี่ชายของเขาตะโกนด่าและพูด :”ยังไม่รีบขอบคุณคุณฉินอีก?”
“ขอบ…..ขอบคุณคุณฉิน” เฟิงกวงซูพูดอย่างไม่เต็มใจ
ฉินเฉิงที่ยืนอยู่นั่งลงบนเก้าอี้ เขาชี้นิ้วไปที่จี้เฟิงเซิง และพูด :”ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลจี้ฉันจะเป็นคนปกป้องเอง เข้าใจความหมายของฉันหรือยัง?”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว!” พี่ชายของเขาพยักหน้าและพูด
“ไสหัวไปสะ” ฉินเฉิงโบกมือ
พี่ชายของเขารีบลากเฟิงกวงซูไป ขึ้นรถอย่างเร่งรีบ
หลังจากสองนี้ไปแล้ว จี้หงเซิงวิ่งเหยาะๆเข้ามาหา
เขาพูดด้วยความตื่นเต้น :”ขอบคุณคุณฉิน! แค่ประโยคเดียวของคุณ มันทำให้ตระกูลจี้ของพวกเราได้เกิดอีกครั้ง! ฉัน……ฉันไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณคุณยังไงดี!”
“ถ้าหากนายต้องการขอบคุณฉันจริงๆ ช่วยเอาสมุนไพรหลายชนิดให้ฉันก็พอแล้ว” ฉินเฉิงพูด
“แน่นอน แน่นอน!” จี้หงเซิงตอบตกลงอย่างสุดชีวิต
ฉินเฉิงก็ไม่ได้เสียเวลาอยู่ที่นี่นานมากนัก จี้เซียงขอบรถอย่างรวดเร็ว ส่งฉินเฉิงกลับบ้าน
ขับกลับไปทางเดิม จี้เซียงหัวเราะและพูด :”ลูกพี่ เมื่อกี้คุณสุดยอดมากเลย! คุณช่วยสอนฉันสักสองกระบวนท่าได้ไหม?”
ฉินเฉิงหัวเราะและพูด :”นายอยากจะเรียนจริงๆ ขาดอาจารย์ไม่ได้”
จี้เซียงจับจมูก เขินอายจนไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ใช่แล้ว ลูกพี่ ประธานซาคนนั้นจะส่งแร่ดิบมาจริงเหรอ?” จี้เซียงถามอย่างกะทันหัน “ถ้าหากพวกเขากลับไปที่มณฑลหยวนโจวแล้ว เดาว่าคงไม่กลับมาอีกแล้วมั้ง?”
“ไม่รู้” ฉินเฉิงพูดอย่างไม่แยแส “แต่บนโลกใบนี้ ไม่มีใครสามารถเป็นหนี้ฉันได้”
จี้เซียงหัวเราะเบาๆสองครั้ง เห็นได้ชัดว่าภายในใจยังคงไม่เชื่อ
แม้ว่าคุณจะมีความสามารถล้นฟ้า นายยังสามารถวิ่งไปที่หยวนโจวแล้วเรียกคนออกมาเหรอ? นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!
หลังจากจี้เซียงส่งฉินเฉิงไปถึงตระกูลซูแล้ว เตรียมจะจากไป
ก่อนออกเดินทาง เขาได้นัดหมายกับฉินเฉิง ถ้ามีเวลาจะต้องพาฉินเฉิงไปหาสถานที่สนุกๆเล่นสักหน่อย
เวลาที่กลับถึงบ้าน ฉินเฉิงพบว่าฟางเสี่ยวเต๋อมาตระกูลซุอีกแล้ว
เธอกำลังอยู่ติดกับซูวาน ไม่รู้ว่ากำลังคุยอะไรกันอยู่
“พี่วานเอ๋อ คุณช่วยฉันหน่อยนะ ฉันรู้ว่าคุณดีที่สุดแล้ว~~” ท่าทางที่ขี้อ้อนของฟางเสี่ยวเต๋อ ทำให้ซูวานปวดหัวเล็กน้อย
ฉินเฉิงเดินเข้าไป หัวเราะและพูด :”เสี่ยวเต๋อ เธอขอให้พี่วานเอ๋อช่วยทำให้ไม่ดีให้เธออีกแล้วเหรอ?”
ตาของฟางเสี่ยวเต๋อจ้อง พูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย :”อะไรเรียกว่าเรื่องไม่ดี? ฉันก็แค่ขอให้พี่วานเอ๋อช่วยฉันเท่านั้นเอง คุณจะไปเข้าใจอะไร!”
“ห๊ะ? พูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ลืมฐานะของตัวเองแล้วหรือยังไง?” ฉินเฉิงจงใจพูดล้อเล่น
หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเฉิง ฟางเสี่ยวเต๋อหน้าแดงทันที หุบปากลงอย่างรวดเร็ว กลัวว่าจะถูกคนได้ยินเข้า
“พี่วานเอ๋อ คุณรู้จักคนมากขนาดนี้ สามารถช่วยฉันซื้อตั๋วได้อย่างแน่นอน ขอร้องล่ะนะ!” ฟางเสี่ยวเต๋อยังคงพูดอ้อนต่อ
“ฉันไม่สนใจดารา และไม่รู้จักดาราอะไรนั่นด้วย” ซูวานส่ายหัวและพูดอย่างหมดหนทาง
“ตั๋วอะไร?” ฉินเฉิงถาม
“ตั๋วของซูซีหยุนไง! เธอกำลังจะมาจัดคอนเสิร์ตของเมืองพวกเราในเร็วๆนี้ แต่ตั๋วเพิ่งวางขายก็หมดแล้ว” ฟางเสี่ยวเต๋อถอนหายใจ “ช่างเถอะ คนบ้านนอกอย่างคุณไม่รู้อย่างแน่นอน”
“ซูซีหยุน?” ฉินเฉิงลูบคาง เขาคำนวณเวลาสักพัก ใกล้จะถึงเวลาที่ซูซีหยุนต้องมาซื้อยากับตัวเองแล้ว
“ฐานะอย่างเธอ อยากซื้อตั๋วยากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉินเฉิงถามด้วยความสงสัย
พูดตามปกติแล้ว ฟางจิ้งเหยาต้องการตั๋ว เป็นเพียงแค่เรื่องของหนึ่งประโยคเท่านั้น
เมื่อพูดถึงหัวข้อนี้ ฟางเสี่ยวเต๋ออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ และพูด :”พ่อของฉันไม่สนับสนุนให้ฉันติดตามดารา วันๆเขารู้แต่ว่าให้ฉันเรียนหนังสืออย่างหนัก จะช่วยฉันได้ยังไง”
ฉินเฉิงคิดสักพัก และพูด :”เอาแบบนี้ ฉันสามารถช่วยเธอซื้อตั๋วได้ แต่ว่าฉันมีคำขอร้องอย่างหนึ่ง เธอห้ามมารบกวนพี่วานเอ๋ออีกนะ”
“คุณ?” ฟางเสี่ยวเต๋อมองขึ้นๆลงๆฉินเฉิงสองรอบ “คนอื่นเขาไม่ใช่คนของมณฑลปินโจวสักหน่อย คุณจะสามารถเอาตั๋วมาได้อย่างไร?”
“เรื่องนั้นเธอไม่ต้องสนใจหรอก เธอแค่พูดว่าตกลงหรือไม่ตกลงก็พอ” ฉินเฉิงหัวเราะอย่างไม่แยแส
“ตกลง” ฟางเสี่ยวเต๋อคิดสักพัก “เพียงแค่คุณสามารถช่วยฉันซื้อตั๋วมาได้ ฉันสัญญาว่าจะไม่มากวนพี่วานเอ๋อ ปล่อยให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับคู่รักหนุ่มสาวของพวกคุณ ตกลงไหม?”
“เสี่ยวเต๋อ อย่าพูดไร้สาระ!” ซูวานพูดด้วยความโกรธ
“อย่างนั้นก็เอาตามนี้เลย” ฉินเฉิงตบหัวของฟางเสี่ยวเต๋อหนึ่งทีและพูด
“ใช่แล้ว เพื่อนของฉันก็ต้องการด้วย! คุณจำเป็นต้องซื้อให้ฉันสองใบนะ!” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดอย่างจริงจัง
ฉินเฉิงพยักหน้าและพูด :”ได้เลย ไม่มีปัญหา”
หลังจากฟางเสี่ยวเต๋อไปแล้ว ซูวานมองไปทางฉินเฉิงและพูด :”นายสามารถเอาตั๋วของซูซีหยุนมาได้จริงๆเหรอ? หลายปีมานี้เธอมีชื่อเสียงมากเลยนะ”
ฉินเฉิงหัวเราะและพูด :”ฉันรู้จักเธอ แค่ตั๋วสองใบไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
“นายรู้จักเธอ?” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซู่วานจ้องมองไปทางฉินเฉิง ด้วยท่าทางที่สงสัย
ฉินเฉิงไอแค่กๆสองที พูดอธิบายอย่างเร่งรีบ :”ปู่ของเธอป่วย เคยมาซื้อยากับฉัน”
หลังจากพูดจบ เขารีบอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ซูวานฟังหนึ่งรอบ
ซู่วานพูดอย่างขมขื่น :”ตัวตนของนายช่างเป็นที่นิยมจริงๆ”
ฉินเฉิงพูดติดตลกอย่างกล้าหาญ :”ใช่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะมีโอกาสหลอกล่อเธอมาอยู่ในมือฉันได้ยังไง”
ซูวานพูดด้วยความตะลึงเล็กน้อย :”ใช้ได้เลยนะ ตอนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งมีความกล้าแล้วนะ!”
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังทะเลาะกัน จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก
หลังจากนั้น เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตู
แม้ว่าเธอจะมีกระเป๋าเดินทางที่แน่นและเป็นระเบียบมาก แต่ยังคงสามารถมองเห็นท่าทางที่มั่นใจของเธอ
“มิทราบว่า…..ฉินเฉิงคุณฉินอาศัยอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”