เมื่อได้ยินเสียงของฉินเฉิง ซูหยู่ก็รู้สึกหวิวหัวขึ้นมาทันที
หลายปีที่ผ่านมาคู่พิฆาตหยินหยางช่วยเขาจัดการปัญหาต่างๆมาได้มากมาย และวันนี้เขาก็คิดว่าอย่างไงฉินเฉิงก็ต้องถูกจัดการอย่างแน่นอน!
“นายยังจะกล้าท้าทายฉันอีกหรอ?” น้ำเสียงของซูหยู่ เยือกเย็นมาก
ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมา “ท้าทายแล้วจะทำไม? ฉันก็แค่ให้นายมีชีวิตต่อไปได้อีกหน่อย แต่ไม่ช้าก็เร็วฉันก็ต้องไปจัดการกับนายอยู่ดี”
ซูหยู่ เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย และเขาไม่สามารถทนต่อคำหยาบคายเช่นนี้จากฉินเฉิงได้
“แม่งเอ้ย…” ซูหยู่ ยังอยากที่จะพูดอะไรออกมาอีก แต่ในตอนนั้นฉินเฉิงก็วางสายโทรศัพท์ลงทันที
“คุณฉิน” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ารีบวิ่งเข้ามาอย่างเร็วไว
เมื่อฉินเฉิงเห็นชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็พูดขึ้นมาว่า “พรุ่งนี้ฉันจะเอายาพลังวิญญาณมาให้นาย”
“ขอบคุณมากครับ คุณฉิน” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพยักหน้าด้วยความดีใจ
เขาฝึกวิชามาหลายปี ไม่เขาก็ไม่สามารถฝึกวิชาภายในได้สำเร็จ ดังนั้นเขาจึงถูกขับไล่ออกจากสำนักของตงเทียนหนาน
สำหรับพลังภายใน หัวใจของเขาอดทนรอมันมาตลอด
“ใช่! เก็บกวาดลานให้หน่อย” ฉินเฉิงมองพื้นที่เลอะเทอะ ขมวดคิ้วและพูดออกมา “แล้วก็ศพของผู้รักษาความปลอดภัยคนนั้น จัดการให้ด้วยนะ”
“ครับ!” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพยักหน้าทันที
หลังจากนั้นฉินเฉิงกับซูวานก็เดินเข้าไปในห้องด้วยกัน
“ทำไมนายต้องท้าทายซูหยู่ ด้วย?” ซูวานถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
“นั่นมันเป็นจุดประสงค์ของฉัน” ฉินเฉิงตอบ
หลังจากที่ดูดซับของเจ้าหยินมา ฉินเฉิงก็รู้สึกว่าพลังของเขาในตอนนี้กำลังขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของขั้นนี้แล้ว
ถ้าหากใช้ยาที่สะสมมา ฉินเฉิงมั่นใจมากว่าเขาจะต้องสามารถก้าวข้ามขั้นพลังขั้นนี้ไปได้ ดีไม่ดีอาจจะขึ้นไปสูงกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก
และเมื่อถึงเวลานั้นก็คงไม่มีนักสู้หรือปรมาจารย์คนไหนสามารถต่อกรกับฉินเฉิงคนนี้ได้อีก
และถ้าหากซูหยู่ ส่งผู้ที่มีกำลังภายในหรือปรมาจารย์เก่งๆมา แบบนั้นมันจะไม่ยิ่งดีไปกว่าเดิมหรอกเหรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
และในคืนนั้น ฉินเฉิงยืนอยู่ตรงใจกลางของพลังวิญญาณที่เขาปล่อยออกมาเพื่อที่กลั่นยาออกมาใหม่ จำนวนที่ได้ในครั้งนี้ประมาณสิบกว่าเม็ด
“ยาพวกนี้สำหรับฉันแล้วไม่มีความหมายอะไรเลย แต่สำหรับชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าแล้ว มันมีประโยชน์อย่างมหาศาล” ฉินเฉิงคิดถึงยาที่เขาเพิ่งกลั่นออกมาในใจ
หลังจากนั้นฉินเฉิงก็มายืนอยู่ที่ใต้แสงจันทร์และเริ่มที่จะฝึกฝนพลังของตัวเอง
การฝึกฝนพลังของเขาในครั้งนี้ เขาไม่คิดที่จะกลับไปฝึกที่ภูเขาหลงไห่ พลังธรรมชาติที่โอบล้อมภูเขาหลงไห่ในตอนนี้นั้นไม่ใช่สถานที่ฝึกที่ดีของเขาอีกต่อไป
“ฉันจำได้ว่าตระกูลเฝิงได้เปิดสถานที่ท่องเที่ยวเอาไว้ที่ปินโจว พรุ่งนี้เขาจะไปดูสักหน่อย” ฉินเฉิงแอบคิดในใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น ในตอนที่ฉินเฉิงเพิ่งจะตื่นนอน ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ได้วิ่งไปรอบภูเขาหลงไห่ตั้งหลายรอบแล้ว
“คุณฉิน คุณตื่นแล้ว” หลังจากที่เห็นฉินเฉิง ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็รู้สึกตื่นเต้นทันที
ฉินเฉิงอ้าปากแต่ไม่ได้พูดอะไร
พรสวรรค์ของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้านั้นมีไม่มาก ต่อให้เขาจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางไปถึงขั้นปรมาจารย์ได้
“ยาเม็ดนี้ฉันให้นาย” ฉินเฉิงหยิบยาที่เขากลั่นออกมาเมื่อวานยื่นให้ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า
“จำเอาไว้ สามวันกินหนึ่งครั้ง” ฉินเฉิงพูดออกมา “หลังจากกินยาเหล่านี้หมดแล้ว นายจะสามารถใช้พลังภายในได้”
“จริงเหรอ?” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าถามออกมาด้วยความกระตือรือร้น
ฉินเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาว่า “ที่จริง….พลังภายในไม่ได้เป็นหนทางเดียวของการเป็นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ ปรมาจารย์บางคนไม่มีภายในแต่ก็สามารถก้าวเดินมาในเส้นทางนี้ได้อย่างดี ไม่แพ้กับคนที่มีพลังภายในเลยด้วยซ้ำ”
สีหน้าของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าแดงขึ้น เขาพูดออกมาด้วยความเจ็บใจเล็กน้อย “ฉันรู้….ฉันเองก็ฝึกมันมาไม่น้อย แต่การที่จะฝึกมันจนสำเร็วจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆถึงสามสิบปี….”
ฉินเฉิงเงียบไปพักหนึ่งจากนั้นเขาก็ตบไปที่ไหล่ของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า “ฉันจะหาทางให้นายเอง”
“ขอบคุณมากครับ คุณฉิน!” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ารีบพยักหน้าทันที
ข่าวการกลับมาของฉินเฉิงแพร่กระจายไปทั่วปีนัง จินฮู่ที่ถือว่าเป็นผู้ร่ำรวยและยิ่งใหญ่ของปีนัง เขาหอบของขวัญมากมายขึ้นมาที่ภูเขาหลงไห่
“นี่ คุณฉินอยู่ที่ไหน?” หลังจากที่จินฮู่เห็นชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า เขาก็ถามออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
“ไม่อยู่” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าตอบไปอย่างเย็นชา
“แม่งเอ้ยฉันไม่ได้ถามว่าอยู่หรือไม่อยู่? ฉันถามว่าเขาอยู่ที่ไหน!” จินฮู่ตวาดออกมา
สีหน้าของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเยือกเย็น เขายื่นมือออกไปจับที่คอของจินฮู่และยกขึ้นมา
“ถ้าหากยังพูดอย่างนี้อีกหละก็ ฉันจะตัดคอนายเดี๋ยวนี้!” ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพูดออกไปแล้วขว้างจินฮู่ออกไปประมาณ 1 เมตร
จินฮู่ลุกขึ้นมาจากพื้น เขาชี้ไปที่หน้าของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า “นายรอฉันก่อน ฉันจะไปฟ้องคุณฉิน!”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้ามองไปที่เขาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
จินฮู่กัดฟัน เขาพูดอย่างไม่เต็มใจ “ฝากบอกคุณฉินด้วย วันนี้จะมีงานเลี้ยงที่ภัตตาคารหยุนหลง ขอเชิญคุรฉินเข้าไปร่วมงานเลี้ยงด้วย”
ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินที่จินฮู่พูดออกมา
และในตอนนั้นฉินเฉิงก็เดินทางมาถึงชานเมือง
ทิวทัศน์ของที่นี่สวยงามจนเรียกได้ว่าเป็นดินแดนแห่งสวรรค์เลยก็ว่าได้ และตอนนี้มันจะถูกเปลี่ยนมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่า บ้านริมเขาเฟิงชื่อ
“ไม่เลว ไม่เลวเลยจริงๆ” ฉินเฉิงยืนอยู่ที่หน้าประตูและพูดออกมา
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรไปหาผู้ดูแล
“ตอนนี้ฉันเข้ามาอยู่ที่ประตูของบ้านริมเขาเฟิงชื่อแล้ว” ฉินเฉิงพูด
อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “ครับคุณฉิน จะไปรับคุณเดี๋ยวนี้!”
หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ลง ฉินเฉิงก็เดินไปเดินมาสัมผัสกับทิวทัศน์ทางธรรมาชาติที่สวยงามนี้
ที่บนภูเขาลูกนี้กินพื้นที่มากกว่า 1000 ไร่ นอกจากทิวทัศน์ธรรมชาติแล้วยังมีโฮมสเตย์อีกสองสามแห่ง
เนื่องจากที่นี่ยังสร้างไม่เสร็จ จึงเห็นมีคนงานเดินผ่านไปผ่านมา
และในตอนนั้นก็มีรถสีดำคันหนึ่งขับมาจอดข้างๆ จากนั้นก็มีชายหนุ่มสวมสูทรองเท้าหนังเดินลงมา
“ด้านบนสั่งมาแล้วว่าภายในสามเดือนจะต้องสร้างที่นี่ให้เสร็จ พวกนายรีบทำงานกันด้วย ถ้าหากไม่เสร็จฉันจะถูกต่อว่าเอาได้” ชายหนุ่มคนนั้นพูดออกมา
“ครับประธานฉาง คุณวางใจได้เลย!” คนงานเหล่านั้นพูดออกมา
“ฉางหลุน?” หลังจากที่ฉินเฉิงเห็นชายหนุ่มคนนั้นก็ตกใจเล็กน้อยและเดินเข้ามาหาเขา
“ฉางหลุน นั่นใช่นายไหม?” ฉินเฉิงเดินไปจับไหล่เขาอย่างตื่นเต้น
ชายหนุ่มคนนี้มาจากโรงเรียนประถมและมัธยมต้นด้วยกันกับฉินเฉิง ส่วนหลังจากนั้นเขาก็ไปศึกษาอยู่ที่โรงเรียนอื่นและไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย
ฉางหลุนหันมามองฉินเฉิง ขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “ฉินเฉิง?”
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอนายที่นี่! ฉางหลุน หลายปีที่ผ่านมานายไปไหนมา? ทำไมไม่ติดต่อฉันมาบ้างเลย?” ฉินเฉิงถามออกไปอย่างกระตือรือร้น
ฉินเฉิงที่ขาดความรักมาตั้งแต่เด็กจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงความรู้สึกออกมาอย่างสุดโต่ง
แต่น่าเสียดายที่ทัศนคติของฉางหลุนนั้นแต่กต่างไปจากฉินเฉิง เขาแค่พยักหน้าและพูดว่า “อืม ฉันไปเรียนต่อที่ต่างประเทศมา เรียนวิศวะ และที่กำลังสร้างอยู่ตรงนี้ฉันก็เป็นคนรับผิดชอบเอง”
“ไม่เลว ไม่เลว” ฉินเฉิงยิ้มออกมา “กว่าจะได้เจอกันสักทียากมากเลย พวกเราไปหาอะไรดื่มกันสักหน่อยไหม?”
ท่าทางของฉางหลุนนั้นเฉยเมยมาก “อย่าเลย งานฉันยุ่งมาก ไม่มีเวลาว่าง แล้วก็ต่อหน้าลูกน้องของฉันช่วยเรียกฉันว่าประธานฉางด้วย”
“ประธานฉาง?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “นายอย่ามาล้อเล่นนะ”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น คนอื่นเขาจะได้แยกออกได้ชัดเจน” จากนั้นฉางหลุนก็พูดออกมาอย่างเฉยชาว่า “ฉันยังมีเรื่องต้องทำ ไปก่อนนะ”
พูดจบฉางหลุนก็กำลังจะเดินออกไป
หันไปมองเงาหลังของฉางหลุนที่เดินจากไป ฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เวลานี่มันสามารถเปลี่ยนคนได้จริงๆ หลังจากที่มีหน้าที่การงานที่ดีแล้ว ก็จะไม่สนใจคบกับเพื่อนจนๆเพราะเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร
“ประธานฉิน!” และในตอนนั้นหญิงสาวคนหนึ่งที่สวมรองเท้าส้นสูงกับชุดสูทของผู้หญิงก็วิ่งเข้ามา
“ประธานฉิน ฉันชื่อเหยาเจียเป็นผู้รับผิดชอบที่นี่ คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวเหยาก็ได้” เหยาเจียยื่นมือออกมาอย่างกระตือรือร้น
ฉินเฉิงจับมือกับเธอและถามออกมาว่า “เฝิงกงมอบหมายงานเอาไว้หมดแล้วใช่ไหม?”
“ใช่คะ ประธานเฝิงบอกว่าคุณคือหัวหน้าของเขา” เหยาเจียยิ้มและพูดออกมา “ฉันยังแอบคิดว่าคุณจะเป็นคนอ้วนๆ คิดไม่ถึงเลยว่าประธานฉินจะยังหนุ่มขนาดนี้!”
เมื่อเห็นฉินเฉิงไม่พูดอะไร เหยาเจียจึงถามออกมาว่า “ประธานฉิน พวกเราไปคุยกันที่ห้องทำงานไหม? ฉันได้นัดหัวหน้างานนี้เอาไว้แล้ว ถ้าคุณมีอะไรก็สามารถบอกกับเขาได้เลย”
“ได้” ฉินเฉิงพยักหน้า
ในระหว่างที่ไปห้องทำงาน ฉินเฉิงก็กันไปมองทิวทัศน์รอบๆ พลังปราณของที่นี่ก็ไม่ได้มากขนาดนั้น แต่ถ้าเอาไปเทียบกับปีนังก็ถือว่าดีกว่ามาก โดยเฉพาะพลังปราณที่อยู่ตรงหน้าผาน้ำตก
ฉินเฉิงมองดูบ้านที่สร้างขึ้นริมน้ำตก และกล่าวในใจว่า “สถานที่ดีๆแบบนี้จะต้องไม่มีอะไรมารบกวนหรือทำให้เสื่อมเสียเป็นอันขาด อีกเดี๋ยวจะให้คนงานมารื้อบ้านหลังนี้ออกไปเสีย”
ไม่นานทั้งสองคนก็เดินทางมาถึงห้องทำงาน
“เชิญคะ คุณฉิน” เหยาเจียเปิดประตูและพูดออกมาด้วยความเคารพ
หลังจากเปิดประตูเข้ามาก็เห็นฉางหลุนกำลังถือกระดาษอยู่ในมือแผ่นหนึ่ง หลังจากที่เหยาเจีย ฉางหลุนก็ลุกขึ้นมาทันทีและพูดว่า “ประธานเหยา คุณกลับมาแล้ว”