สำหรับข้อกำหนดของฟางจิ้งเหยา ฉินเฉิงแแค่มองเค้าก็สามารถเดาได้แล้ว
แน่นอนว่าฟางจิ้งเหยาขอให้ฉินเฉิงเข้าร่วมกับสำนักงานความมั่นคงมณฑลปินโจว
นี่เป็นปัญหาที่ยากสำหรับฉินเฉิง เค้าไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนักความมั่นคงเลย
อย่างไรก็ตาม นอกจากสำนักงานความมั่นคงแล้วฉินเฉิงก็คิดไม่ออกเลยจริงๆว่ามันจะมีที่ไหนที่ปลอดภัยมากกว่าที่นี่อีก
“หัวหน้าฟาง ซูวานเป็นหลานสาวของนายท่านซู เพื่อความปลอดภัยของเธอ คุณควรตอบตกลงผม” ฉินเฉิงพยายามเกลี้ยกล่อมฟางจิ้งเหยา
แต่ฟางจิ้งเหยาหัวเราะแล้วพูดว่า “นายคิดที่จะลักพาตัวฉันโดยใช้เหตุผล! ตราบใดที่ฉันไม่มีเหตุผล นายก็ลักพาตัวฉันไม่ได้!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินเฉิงก็แทบจะกระอักเลือดออกมา
เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงจะพูดออกมาแบบนี้ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
ฉินเฉิงไม่มีเวลาไปยุ่งกับเค้ามาก ดังนั้นเค้าจึงทำได้เพียงแค่ประนีประนอมอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี: “ได้ ฉันตกลงแต่ว่า”
ฟางจิ้งเหยายิ้มแล้วใช้กลอุบาย “ได้สิ สำนักงานความมั่งคงมณฑลปินโจวยินดีตอนรับนายตลอดเวลา”
หลังจากวางสายไปแล้ว ฉินเฉิงก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้ง
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องยากแล้วก็เป็นเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น
หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว ฉินเฉิงก็พบว่ามีผู้หญิงอีกคนเพิ่มขึ้นมาในบ้านของเค้า
เธอคนนี้ต่างไปจากซูวาน แม้จะสวยไม่แพ้กัน แต่เธอกลับถูกปนเปื้อนด้วยกลิ่นไอของของบางสิ่ง
ไม่เพียงเท่านั้น ร่างกายของเธอยังมีความผันผวนเล็กน้อย เธอดูไม่ธรรมดาเลย
“วานเอ๋อ นี่แฟนคุณเหรอ” หญิงสาวมองที่ฉินเฉิง
จู่ๆฉินเฉิงก็รู้สึกแปลกมาก สายตาของเธอ…มันราวกับว่าเธอมองตัวเองออก!
ซูวานจับมือเธอลากมาแล้วแนะนำ: “ฉินเฉิง นี่คือเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน เธอชื่อเซียงเหม่ยเอ๋อ สองสามปีก่อนหน้านี้เธอไปอยู่เมืองนอกแล้วเพิ่งกลับมา”
ฉินเฉิงพยักหน้าให้เธอ ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันก็ทำให้ฉินเฉิงรู้สึกว่า เซียงเหม่ยเอ๋อค่อนข้างอันตราย
“เมื่อไหร่เพื่อนของเธอจะออกไปเหรอ?” ฉินเฉิงถามโดยมองไปที่เซียงเหม่ยเอ๋อ
เซียงเหม่ยเอ๋อกลอกตาแล้วพูดว่า “ฉันเพิ่งมาเองนะ นายจะไล่ฉันออกไปแล้วเหรอ?”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ฉินเฉิงตระหนักว่าเค้าพูดผิดแล้วเค้าก็กำลังจะแก้ตัว แต่ที่ด้านข้างเซียงเหม่ยเอ๋อก็มีชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามา
ชายวัยกลางคนๆนี้สูง ท่าทีของเค้ามันดูสง่างามและสิ่งที่ฉินเฉิงประหลาดใจมากที่สุดก็คือความผันผวนของพลังงานภายในของเค้าซึ่งมันเหนือกว่าของเฝิงกงเป็นอย่างมาก!
ความแข็งแกร่งระดับนี้ เกรงว่าทั้งมณฑลปินโจวไม่น่าที่จะมีใครสามารถเทียบเคียงเค้าได้เลย!
“เซียงเหม่ยเอ๋อคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ” ท่าทีของฉินเฉิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“นี่คือเหล่าซง พ่อบ้านของฉัน ครั้งนี้เค้ามาเป็นเพื่อนฉัน” เซียงเหม่ยเอ๋อก็ยิ้มขึ้นมา
ฉินเฉิงมองไปที่เหล่าซ้งอย่างระมัดระวังแล้วทักทายเค้า
“ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็คุยกันไปก่อนก็แล้วกัน ฉันจะไปเตรียมของกินมาให้” ซูวานพูดขึ้นมา
ฉินเฉิงลุกขึ้นแล้วยิ้ม: “ฉันไปเตรียมของกินเองก็แล้วกัน อาหารที่เธอทำ… มันยากที่จะอธิบายเป็นคำพูด”
ซูวานกลอกตาแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ฉันก็ทำอาหารได้ดีขึ้นหนินา คืนนี้ฉันทำอาหารเองก็แล้วกัน! นายนั่งลงเถอะ!”
ฉินเฉิงทำอะไรไม่ได้ เค้าพยักหน้าแล้วตอบตกลง
หลังจากที่ซูวานไปที่ห้องครัวแล้ว สีหน้าของฉินเฉิงก็เย็นชาลงในทันที
ชายชราดูเหมือนจะตระหนักถึงอันตรายจากร่างกายของฉินเฉิงได้แล้วเค้าก็ก้าวไปข้างหน้าและยืนอยู่ข้างเซียงเหม่ยเอ๋อ
ฉินเฉิงมองไปที่เซียงเหม่ยเอ๋อแล้วพูดว่า “คุณเซียง ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมคุณถึงมาที่นี่”
สีหน้าของเซียงเหม่ยเอ๋อก็ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ เธอพิงโซฟาแล้วหัวเราะเบาๆ : “คุณฉิน คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า”
“บอกจุดประสงค์ของการมาที่นี่เถอะ” น้ำเสียงของฉินเฉิงก็เย็นชาลงเรื่อยๆ
ในเวลาเดียวกันนี้เอง เหล่าซ่งก็ระเบิดพลังออกมาอย่างรวดเร็วและการบีบบังคับที่น่ากลัวก็บีบคั้นฉินเฉิง
ฉินเฉิงสูดลมหายใจเข้า ร่างกายของเค้าก็สั่นสะเทือนในทันทีแล้วพลังปราณทั้งหมดในร่างของเค้าก็ระเบิดออกมา!
จู่ๆเหล่าซ่งก็รู้สึกได้ถึงพลังอันน่ากลัวที่ใกล้เข้ามา เค้าถึงกับเซแล้วถอยหลังไปสองสามก้าว
“ฝีมือดีหนิ!” แววตาของเหล่าซ่งก็เป็นประกายขึ้นมา เค้ากำหมัดแน่นแล้วหวดเข้าใส่ฉินเฉิง
ฉินเฉิงไม่ได้แสดงความอ่อนแอเลย เค้ายกกำปั้นขึ้น
“เหล่าซ่ง หยุด” ในตอนที่หมัดกำลังจะปะทะกันนี้เอง เสียงของเซียงเหม่ยเอ๋อก็ดังขึ้นมา
หมัดของพวกเค้ามันอยู่ห่างจากกันออกไปเพียงแค่หนึ่งเซ็นเท่านั้น
พลังงานที่น่ากลัวนี้มันทำให้โต๊ะแทบจะพัง
เหล่าซ่งดึงหมัดของเค้าออกแล้วกลับไปยืนอยู่ข้างๆเซียงเหม่ยเอ๋อ
ท่าทีของฉินเฉิงดูเย็นชา เค้ายังไม่มีเจตนาที่จะหยุด
เซียงเหม่ยเอ๋อยิ้มเล็กน้อย : “นายไม่ต้องกังวล ซูวานเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของฉัน ฉันจะไม่ทำร้ายเธอหรอก เชื่อฉันเถอะ”
“ฉันไม่เชื่อใครในโลกนี้นอกจากตัวฉันเอง” ฉินเฉิงพูดอย่างเย็นชา “ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ตราบใดที่กล้ามาทำร้ายซูวานของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยมันไป”
เซียงเหม่ยเอ๋อปิดปากของเธอแล้วเธอก็หัวเราะออกมา: “ดูเหมือนว่านายจะรักซูวานมากเลยนะ”
ฉินเฉิงไม่ได้พูดอะไร เค้าไม่แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาเลย
“ไม่เป็นไรหรอก” การสนทนาของเซียงเหม่ยเอ๋อเปลี่ยนไปแล้วเธอก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย : “ตามข่าวที่ตระกูลเซียงได้มา มันจะมีราชาแห่งยาที่จะเกิดขึ้นที่ปินโจว ฉันมาที่นี่ก็เพื่อจุดประสงค์นี้ เพียงเพื่อราชาแห่งยา”
“ราชาแห่งยา?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “ทำไมฉันถึงไม่รู้ข่าวล่ะ?”
เซียงเหม่ยเอ๋อยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย: “นายยังไม่รู้อีกหลายอย่าง จะพูดให้ถูกก็คือมันมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
“แล้วเธอมาบอกฉันทำไมกัน” ฉินเฉิงไม่ยิ้มออกมาเลย “เธอไม่กลัวว่าฉันจะฉกมันไปอย่างงั้นเหรอ?”
“ฉกมัน?” เซียงเหม่ยเอ๋อก็หัวเราะขึ้นมา “คุณฉิน ความแข็งแกร่งของคุณมันไม่ต้องสงสัยเลย แต่ที่เมืองปินโจวนี่มันก็มีข้อจำกัดอยู่ คราวนี้ตระกูลเซียงจะส่งเจ้าแห่งพลังปราณผู้ยิ่งใหญ่สามคนไป ต่อให้บอกนายไปแล้วจะทำไมหละ”
เจ้าแห่งพลังปราณ!
หากแปลงเป็นระดับการฝึกฝนแล้วหละก็ อย่างน้อยก็เป็นปรมาจารย์แห่งจุดสูงสุดหรือแม้แต่ช่วงอดข้าวอดน้ำของการฝึก!
“ว่ากันว่าราชายานี่จะทำให้ตรัสรู้ได้ หากใครได้มัน เค้าก็จะมีโอกาสที่ดี” เซียงเหม่ยเอ๋อก็พูดต่อว่า “แต่ฉันแนะนำให้นายอย่าคิดต่อสู้เพื่อราชาแห่งยานี่ ไม่อย่างงั้นศพนายไม่สวยแน่”
ฉินเฉิงเงียบ แต่เค้ารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ราชายาจะทำให้ตรัสรู้ได้! หากได้มา ฉินเฉิงก็จะได้เข้าสู่ช่วงระยะของการฝึกแบบอดอาหารอย่างเต็มตัว!
“สิ้นปีสินะ…” ฉินเฉิงก็พูดเสียงเบาๆขึ้นมา “ก็ยังทันอยู่”
ในตอนที่กำลังพูดนี้เอง ซูวานก็เดินออกมาห้องครัว
เธอยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเธอกำลังพูดคุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
“ไม่มีอะไร ก็แค่เรื่องในชีวิตประจำวันหนะ” เซียงเหม่ยเอ๋อก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่อันตรายอย่างยิ่ง! พลังปราณนี่มันน่ากลัวมากเป็นอย่างยิ้งและนี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเฉิงรู้สึกกลัว!
ในเวลาเดียวกันนี้เอง เหล่าซ้งเองก็รู้สึกได้ถึงออร่านี้ เค้ารีบเข้าไปยืนข้างเซียงเหม่ยเอ๋อด้วยท่าทีที่ระวังตัว
“วู้!”
เงาดำเคลื่อนเข้าไปที่เหล่าซ้งแทบจะในทันที
มันยกฝ่ามือขึ้นมาแล้วตบหน้าผากของเหล่าซ้งเบาๆ จากนั้นเหล่าซ้งก็หมดสติไป
ทันใดนั้นเอง มันก็ใช้วิธีการเดียวกันแล้วตบหน้าผากของเซียงเหม่ยเอ๋อกับซูวานอย่างต่อเนื่อง
เซียงเหม่ยเอ๋อกับซูวานก็ล้มลงกับพื้นในทันที
ฉินเฉิงลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง ในตอนที่เค้ากำลังจะพูดนี้เอง เค้าก็มองเห็นชายชราที่มีรูปร่างผอมเพรียวยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
คนๆนี้มันไม่ใช่ใครอื่นเลย แต่เค้าเป็นชายชราที่เข้าแข่งในรอบที่แล้ว!