ฉินเฉิงกำลังขับรถไปตามท้องถนน ในตอนนี้เค้าเองก็รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
แม้ว่าชายชราจะพูดถูก แต่การที่คนที่เค้ารักมาที่สุดต้องมาหายตัวไปแบบนี้ เค้าเองก็รับไม่ได้
…
ที่ทุ่งน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ ชายชราที่ดูโทรมๆกำลังเดินช้าๆในทุ่งน้ำแข็งพร้อมกับหญิงสาวที่ดูราวกับนางฟ้า
“คุณเป็นใครกันแน่” ซูวานสงบลงอย่างน่าประหลาดใจเมื่อเผชิญหน้ากับฉากดังกล่าว
ชายชราพูดเบาๆขึ้นมาว่า : “ฉันไม่ทำร้ายเธอหรอก”
“ให้ฉันกลับไปเถอะ” น้ำเสียงของซูวานดูเต็มไปด้วยความสงสัย
ชายชรายิ้มและถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้: “ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้ สิ่งแรกที่เธอนึกถึงคือการกลับไป”
ซูวานเงียบลง ลมหนาวนี่มันก็ทำให้เธอแทบจะทนไม่ไหว
แต่เธอยืนอย่างเด็ดเดี่ยวโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาเลยซักคำ
ชายชราถอนหายใจเล็กน้อย เค้าหันกลับมาแล้ววางฝ่ามือลงบนหัวของซูวาน
หลังจากนั้นไม่นาน กระแสไออุ่นมันก็แผ่ไปทั่วร่างของซูวาน
“ฉันรู้ว่าเธอต้องพบกับปู่ของเธอ เธอเองก็อยากเจอฉินเฉิงสินะ” น้ำเสียงของชายชราเบามาก “แต่เธอจะต้องตกอยู่ในอันตรายถ้าหากอยู่กับฉินเฉิง”
“ฉันไม่กลัว” ซูวานพูดอย่างหนักแน่น “ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา แต่ถ้าคุณกล้าที่จะทำร้ายฉินเฉิง ฉันสาบานว่าแม้ว่าต่อให้เป็นหน่วยงานความมั่นคงไหนก็ตาม พวกเค้าจะไม่มีวันปกป้องคุณได้อย่างแน่นอน”
ชายชรายิ้ม เค้าไม่สนใจเรื่องนี้แล้วพูดว่า “เธอไม่กลัว แต่ฉินเฉิงกลัว เธอเคยคิดหรือไม่ว่าถ้าเธอยังอยู่เคียงข้างเค้า เค้าก็จะต้องคอยปกป้องเธอ”
มันราวกับว่ามีคนมาปลุกให้เธอตื่นขึ้นมาจากความฝัง ซูวานตะลึง
เธอไม่รู้เลยว่ามันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ฉินเฉิงเค้าไม่ใช่คนที่จะต้องพึงพิงเธออีกต่อไป
“ถ้าเค้าหายไป ใครจะปกป้องเธอได้” ชายชราส่ายหัวขึ้นมา “ตามฉันมาฉันสามารถรับรองความปลอดภัยของเธอได้ เธอเองก็จะได้ไม่ต้องรบกวนการฝึกของเค้าด้วย เธอคิดว่ายังไงหละ?”
ซูวานยังคงเงียบ ดูเหมือนเธอเองก็จะเห็นด้วยกับคำพูดของชายชรา
“ถ้าตอนนี้เธอยังต้องการจะกลับ ฉันก็จะส่งเธอกลับไปก็ได้นะ” ชายชราลูบเคราของเค้าแล้วมองไปยังเส้นทางตอนเหนือที่อยู่ไกลออกไป
จู่ๆซูวานก็ลุกขึ้นจากพื้น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ฉันหวังว่าคุณจะรับประกันความปลอดภัยของเค้าได้”
ชายชราผงะแล้วยิ้ม: “ตกลง ฉันสัญญา”
หลังจากนั้นเค้าก็เดินไปข้างหน้าอีกครั้ง
ครั้งนี้ ซู่วานไม่ลังเล เธอตามไปอย่างรวดเร็ว
…
บนถนนในเมืองปีนัง ฉินเฉิงกำลังขับรถอย่างช้าๆ
เค้าทำงานอย่างหนักเพื่อสงบอารมณ์ของเค้า ก่อนที่จะกลับไปเก็บตัว เค้าต้องสงบจิตใจของตัวเองลงให้ได้
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ซักพัก ฉินเฉิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดเบอร์ของจินฮู่
หลังจากโทรติดแล้ว ฉินเฉิงกับจินฮู่ทั้งสองก็ทั้งตื่นเต้นและตกใจ
เค้าถามอย่างคลุมเครือว่า: “คุณฉิน คุณโทรหาผมมีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“อืม” ฉินเฉิงตอบ “ฉันอาจจะหายตัวไปซักพักแต่ก็ไม่นาน มันอาจจะนานถึงสองเดือน หรือครึ่งเดือน ฉันมีบางอย่างที่ฉันอยากให้นายทำ”
จินฮู่ผงะแล้วรีบพูดขึ้นมาว่า: “คุณฉิน พูดมาเถอะครับ!”
ฉินเฉิงเงียบไปซักพักและพูดว่า “ฉันต้องการให้นายใช้ความสามารถอย่างเต็มที่เพื่อรวบรวมวัสดุทำยาจากเมืองโดยรอบ ยิ่งอายุมากก็ยิ่งดี”
จินฮู่กล่าวอย่างเขินอายว่า: “นี่…คุณฉิน คุณทำให้ผมลำบากแล้วหละ ผมไม่ค่อยรู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย … ”
“ทำไม่ได้เหรอ?” เสียงของฉินเฉิงก็ดูเหมือนกับว่าเค้าจะข่มขู่เล็กน้อย
จินฮู่กัดฟันแล้วรีบพูดว่า: “ผมจะทำให้ดีที่สุด!”
ฉินเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ใช้นายให้เหนื่อยเปล่าหรอก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ฉันจะทำให้ตระกูลจินเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในเมืองปีนัง”
เมื่อได้ยินแบบนี้ จินฮู่ก็ดีใจมาก
นับตั้งแต่ที่ตระกูลซูย้ายเข้ามา โครงสร้างของเมืองปีนังทั้งหมดก็พลุ่งพล่าน แม้แต่ผู้คนจากทุกสาขาอาชีพในเมืองอื่นก็อยากที่จะเข้าไปแทรกแซง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง
ตอนนี้ด้วยคำพูดของฉินเฉิง จินฮู่ก็เชื่อถือเค้า
“คุณฉิน ไม่ต้องห่วง ผมจะช่วยคุณทำมันให้ได้อย่างแน่นอน!” จินฮู่ดูเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
ในตอนนี้เอง ปอร์เช่สองคันก็ขับแซงฉินเฉิง
รถสองคันขวางรถของฉินเฉิงที่ด้านหน้า ทันใดนั้นเองก็มองเห็นคนสี่ถึงห้าคนที่ออกมาจากรถ
“มึงกำลังเดินเล่นอยู่บนถนนหรือไงวะ? ทำไมยังไม่ลงมาอีก?” ชายผมทองก็ตะโกนด่าขึ้นมา
“ออกมา!” คนอื่นๆก็มาเคาะที่ประตูรถอย่างไม่หยุด
สีหน้าของฉินเฉิงก็เย็นชาลง เค้ายกมือขึ้นมาและผลักไปที่ประตูรถอย่างแรง คนสองสามคนพวกนั้นต่างก็ตกใจแล้วล้มลงไปที่พื้นในทันที
“แกไม่รู้จักรถคันนี้หรือ?” ฉินเฉิงถามด้วยสีหน้าเย็นชา เค้าชี้ไปที่ Mercedes-Benz G คลาส
ทั่วทั้งเมืองปีนัง ทุกคนต่างก็รู้ว่านี่เป็นรถของตระกูลซูและก็ไม่มีใครกล้าที่จะยั่วยุเค้าเลย
แต่คนเหล่านี้ไม่คิดให้รอบครอบเลย
“ฉันไม่สนหรอกนะว่ารถนี่มันจะเป็นของใคร!” ชายหัวทองก็ตะโกนด่าทอขึ้นมา “วันนี้ก็จะสั่งสอนแก!”
ฉินเฉิงเหลือบมองที่ป้ายทะเบียนและพบว่ารถเหล่านี้มาจากเมืองจิง
“ที่แท้ก็ไม่ใช่รถในเมืองนี่เอง” ฉินเฉิงก็รู้ในทันที
“แกต่อยลูกพี่ฉัน ตอนนี้แกจะคุกเข่าลงขอโทษฉัน หรือว่าจะให้ฉันทุบรถของแกซะ?” ชายหัวทองก็เดินไปชี้หน้าฉินเฉิงแล้วถาม
ฉินเฉิงมองเค้าด้วยความว่างเปล่าแล้วพูดขึ้นมาเบาๆว่า: “นี่มันก็นานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้ามาชี้หน้าฉันแบบนี้”
ทันทีที่เสียงหายไป ฉินเฉิงก็คว้านิ้วของเค้าแล้วออกแรง ทันใดนั้นเองนิ้วของเค้าก็หัก!
ทันทีหลังจากนั้น ฉินเฉิงก็เตะเข้าไปที่หน้าท้องส่วนล่างของเค้าแล้วชายหัวทองก็กระเด็นออกไปในทันที
ฉินเฉิงที่เดิมทีก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เค้าก็ออกแรงเตะเข้าไป มันทำให้ที่เกิดรูพร้อมเลือดที่ช่องท้องของชายหัวทองแล้วล่มลงไปนอนอยู่ที่พื้น
สีหน้าของพวกคนที่เหลือก็ดูไม่ได้เลย พวกเค้าต่างก็คิดไม่ถึงเลยว่าฉินเฉิงจะสามารถฆ่าคนได้แบบนี้
“เร็ว…เร็วเข้า รีบหนี!” ไม่รู้เลยว่าใครตะโกนขึ้นมาแล้วพวกเค้าหลายคนต่างก็วิ่งไปที่รถ
ฉินเฉิงมองไปที่ศพของชายหัวทองอย่างเย็นชา ในแววตาของเค้ามันไม่มีความสงสารอะไรเลยด้วยซ้ำ
เค้ากลับมานั่งอยู่บนรถ หลังจากนั้นไม่นานเค้าก็มาถึงที่บ้านริมเขาของเฟิงชื่อ
ในตอนนี้เอง บ้านมันยังคงถูกรื้อถอนอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ทันเวลา เหยาเจียก็มาดูงานด้วยตัวของเธอเอง
แต่ถึงอย่างงั้น กำแพงซากปรักหักพังนับไม่ถ้วนก็ยังคงอยู่ในที่เกิดเหตุ
“คุณฉิน” หลังจากที่เห็นฉินเฉิงแล้ว เหยาเจียก็เดินเข้าไปทักทายเค้าอย่างรวดเร็ว
ฉางหลุนที่อยู่ด้านข้างก็ตะโกนเรียกประธานฉินขึ้นมาอย่างเคอะเขิน
“คุณฉิน ตามความคืบหน้าในตอนนี้ ผมคิดว่างานมันก็น่าจะเสร็จทันในวันพรุ่งนี้” เหยาเจียพูด
ฉินเฉิงโบกมือและพูดว่า: “ล้อมบ้านนี่ไว้แล้วพักโครงการนี้ชั่วคราว”
“หือ?” เหยาเจียตะลึง “แต่… ที่ประธานเฝิงของไว้ให้เปิดงานตัดริบบิ้นในสามเดือนหละครับ..”
ฉินเฉิงไม่พูดอะไร แต่เค้าหันหน้ามามองเหยาเจีย
จู่ๆเหยาเจียก็รู้สึกเย็นวาบที่หลังของเธอ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดของเธอ: “คุณฉิน ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะเตรียมการเดี๋ยวนี้!”
ฉินเฉิงไม่ได้พูดอะไร เขาค่อยๆยกมือขึ้นมาและพลังปราณทั้งหมดของเค้าก็ควบแน่นอยู่ในมือของเค้าในทันที!
หลังจากนั้นไม่นาน สีเขียวจางๆก็ควบแน่นบนฝ่ามือของเค้า
“พลังปราณ!” ฉางหลุนอ้าปากค้าง แม้ว่าเค้าจะไม่ใช่คนที่รู้เรื่องของศิลปะการต่อสู้ แต่เค้าก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน!
“ตูม!”
ฉินเฉิงชกหมัดออกไปแล้วบ้านที่พังก็เปลี่ยนกลายเป็นซากปรักหักพังในทันที!