“งั้น…คุณหมอชื่อดังคนนั้นมาแล้วเหรอ?” หยางอี้ถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ
“ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องฉุกเฉิน!” หลินเว่ยพูดและยิ้มออกไปด้วยความดีใจ
หยางอี้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาแอบคิดในใจว่า “ได้ยินมาว่าหมอใหญ่ทุกคนเป็นคนใจดี หรือว่าเขาจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง?”
เมื่อคิดถึงตรงนี้หยางอี้ก็ยิ้มและพูดออกมาว่า “อืม พ่อของฉันเป็นเพื่อนกับผู้อำนวยการ มันก็ไม่ได้อะไรมากนักหรอก”
“โอ้ไม่เอาสิ หยางอี้ช่างถ่อมตัวเหลือเกิน” หลินชิงเฉิงเดินเข้ามาควงแขนหยางอี้และพูดออกมา
หยางอี้รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก และเขายังจงใจที่จ้องมองมาที่ฉินเฉิง
ฉินเฉิงไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาอยู่แล้ว สิ่งที่เขาสนใจเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือทำอย่างไงก็ได้ให้ช่วยคุณปู่หลินให้รอดชีวิต
การผ่าตัดดำเนินไปเป็นเวลานาน และหลังจากผ่านไปกว่าสองชั่วโมง ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกในที่สุด
จากนั้นก็เห็นหมอซุนเดินออกมาพร้อมกับลูกมือของเขา
“คุณหมอซุนเป็นอย่างไรบ้าง?” หลินเว่ยรีบวิ่งเข้าไปถามทันที
หมอซุนปาดเหงื่อ พยักหน้าและพูดออกมาว่า “ร่างกายของคนไข้ไม่ค่อยแข็งแรง ทางที่ดีให้อยู่รักษาต่อที่โรงพยาบาลอีกสักระยะ”
“ดีจริงๆ ดีมากจริงๆ!” ทุกคนของตระกูลหลินต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก “คุณหมอซุนขอบคุณจริงๆที่มาช่วยพวกเรา!”
“ฮ่าฮ่า ถ้าจะขอบคุณก็ต้องไปขอบคุณที่คนไข้มีหลานที่ดีเถอะ” หมอซุนยิ้มและพูดออกมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น คนของตระกูลหลินก็ต้องคิดว่าคนคนนั้นเป็นหยางอี้เป็นธรรมดา
ในตอนนั้นหลินเว่ยจึงอดไม่ได้และพูดออกมาว่า “ใช่แล้ว ต้องขอบคุณเจ้าลูกเขยที่แสนดีคนนี้จริงๆ! หยางอี้ ยังไม่รีบมาขอบคุณคุณหมอซุนอีก!”
หยางอี้เดินแบกหน้ามา พูดออกมาด้วยความอึดอัด “คุณหมอซุน ขอบคุณมากจริงๆที่มาช่วย….”
หมอซุนมองไปที่หยางอี้ เขาขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “นายเหรอ?”
“เขาคือลูกเขยของฉัน!” หลินเว่ยที่อยู่ข้างๆพูดออกมา “ไม่ใช่ว่าเมื่อคุณเห็นแก่หน้าเขาถึงมาช่วยผ่าตัดให้พ่อของฉันหรอกเหรอ?”
หลังจากที่หมอซุนได้ยินประโยคนี้คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมากกว่าเดิม
“ช่วยผิดคนแล้วเหรอ?” หมอซุนพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขามองไปที่หยางอี้และพูดออกมาว่า “พวกเราไม่รู้จักกันไม่ใช่เหรอ?”
สีหน้าของหยางอี้เปลี่ยนไปทันที เขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่รู้จริงๆว่าต้องพูดอะไรออกมา
“คุณหมอซุน คุณล้อเล่นใช่ไหม คุณไม่ได้เห็นแก่หน้าเขาจึงมาผ่าตัดให้พวกเราหรอกเหรอ?” หลินชิงเฉิงเดินเข้ามาและถาม
หมอซุนยิ้มและพูดออกมาว่า “ฉันไม่รู้จักเขาจริงๆ จะมาเห็นแก่หน้าเขาได้อย่างไร? ฉันมาเพราะเห็นแก่หน้าของคุณฉิน!”
“คุณฉิน?” ทุกคนต่างไม่เข้าใจ “คุณหมอซุน คุณหมอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า พวกเราไม่รู้จักคนที่ชื่อคุณฉิน….”
หมอซุนไม่ได้สนใจพวกเขา เขามองไปที่รอบๆและสังเกตเห็นฉินเฉิง
“คุณหมอซุน ฉันอยู่นี่” ในตอนนั้นฉินเฉิงที่อยู่ออกไปไม่ไกลเดินเข้ามาทักทาย
หลังจากที่เห็นฉินเฉิง หมอซุนก็ยิ้มหน้าบานออกมา เขารีบเข้าไปต้อนรับและพูดออกมาว่า “คุณฉิน คุณไปไหนมาเนี่ ฉันคิดว่าฉันช่วยผิดคนเสียแล้ว!”
ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมาว่า “ไม่ผิดหรอก ผมต้องขอบคุณคุณหมอซุนมากจริงๆ”
“โอ้ ดูที่คุณพูดสิ คุณให้โอกาสฉันแสดงความสามารถอยู่ถึงจะถูก ไม่อย่างนั้นคนอย่างฉันจะไปช่วยใครที่ไหนได้!” หมอซุนพูดออกมาด้วยความเคารพ
ทุกคนของตระกูลหลินต่างตื่นตกใจ
คุณฉินที่หมอซุนพูดถึงก็คือฉินเฉิง? มันเป็นไปได้อย่างไร? ทำไมเขาถึงรู้จักกับคนแบบนั้นได้?
“คุณหมอซุน เราเดินไปคุยไปเถอะ” ฉินเฉิงโบกมือและพูดออกมา
“ได้ครับ!”
จากนั้นฉินเฉิงก็ไม่ได้สนใจคนของตระกูลหลิน เขาเดินขึ้นไปหาคุณปูซูที่อยู่ห้องคนไข้ด้านบน
“ฉินเฉิงรู้จักกับคุณหมอซุน?” ใบหน้าของหลินเว่ยน่าเกลียดเป็นอย่างมาก “พวกเขารู้จักกันได้อย่างไร?”
“บ้า หมอที่มีชื่อเสียงก็บ้าแล้ว พวกนั้นคิดไปเองชัดๆ!” หลินชิงเฉิงที่อยู่ข้างๆพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ
“คุณผู้หญิง โปรดระวังคำพูดของคุณดีๆ!” คุณหมอที่ได้ยินพูดออกมาทันที “หมอซุนคือต้นแบบของพวกเรา คุณอย่ามาพูดจาแบบนี้กับเขา!”
หลินชิงเฉิงไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมารู้จักกับคนระดับนี้?
….
ณ ห้องพิเศษที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ที่หน้าประตูมีคนมายืนอยู่มากมาย คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนดังของปีนัง รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลอีกหลายคน
“ฉินเฉิง เป็นอย่างไรบ้าง” หลังจากที่เห็นฉินเฉิง ซูวานก็รีบเดินเข้ามา
ฉินเฉิงยิ้มและตอบกลับไปว่า “ต้องขอบคุณคุณหมอซุนจริงๆที่ไปช่วยเอาไว้ทัน”
ซูวานพยักหน้าและพูดออกมาว่า “งั้นก็ดีแล้ว”
“คุณปู่ซูเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินเฉิงถามออกไป
ซูวานพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี”
“คุณฉิน ถ้าคุณสะดวกหละก็ช่วยจัดยาให้คุณปู่ซูสักสองสามชุด” หมอซุนที่อยู่ข้างๆพูดออกมา
“โอเค ไม่มีปัญหา” ฉินเฉิงไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น เขาตอบออกไปทันที
เนื่องจากซูวานต้องการอยู่เฝ้าคุณปู่ซูที่โรงพยาบาล ดังนั้นฉินเฉิงและคนอื่นๆจึงออกไปจากโรงพยาบาลกันก่อน
เนื่องจากซูวาน แขกคนสำคัญของปีนังจึงให้ความเคารพกับฉินเฉิงด้วยเช่นกัน คนจำนวนไม่น้อยทิ้งนามบัตรเอาไว้ให้เขา
“คุณฉิน คุณยังจำฉันได้ไหม?” หลังจากที่ทุกคนกลับไปหมดแล้ว จินฮู่จึงเดินยิ้มเข้ามาหาฉินเฉิง
ฉินเฉิงไม่ค่อยชอบจินฮู่อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปอย่างเย็นชาว่า “นายมีเรื่องอะไร?”
จินฮู่ยิ้มแบบขมขื่นและพูดออกมาว่า “คุณฉิน เมื่อวานฉันเองก็เพิ่งถูกเด็กมันหลอกเอามาเหมือนอัน คุณอย่ามาทำเป็นว่ารู้จักฉันแบบผิวเผิน…..”
ฉินเฉิงส่งเสียงออกมา จากนั้นก็เดินจากไป
จินฮู่กัดฟัน ตามไปและพูดออกมาว่า “คุณฉิน คืนนี้ฉันจะจัดงานเลี้ยง ขอเชิญคุณเข้าไปร่วมงานด้วย!”
“ไม่เป็นไร” ฉินเฉิงปฏิเสธทันที
จินฮู่คว้าแขนของฉินเฉิงเอาไว้ และอ้อนวอนอย่างสุดความสามารถ “คุณหนูซูพูดเอาไว้แล้ว ถ้าหากคุณยังไม่ให้อภัยฉัน เธอก็จะไม่ปล่อยฉันไป…ได้โปรดช่วยฉันที ได้ไหม?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นคิ้วของฉินเฉิงก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย
จากนี้ไป เส้นทางสู่การฝึกฝนจะต้องใช้วัสดุจำนวนมากอย่างแน่นอนและเขาก็ไม่ค่อยมีช่องทางการติดต่อมากนัก จินฮู่คนนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดี
ดังนั้นฉินเฉิงจึงยิ้มและตอบกลับไปว่า “ส่งที่อยู่กับเวลามาให้ฉัน”
จินฮู่ได้ยินแบบนั้นเขาก็โล่งอกทันที เขารีบหยิบกระดาบออกมาให้ฉินเฉิง บนกระดาษใบนั้นมีสถานที่และเวลาเขียนไว้ แถมยังมีเบอร์ติดต่อของฉินเฉิงด้วย
หลังจากที่ได้รับกระดาษใบนั้นแล้วฉินเฉิงก็เดินจากไป
ที่ชั้นบนของโรงพยาบาล สาวสวยผมยาวพลิ้วไหวยืนอยู่หน้าหน้าต่างมองดูการจากไปของฉินเฉิงอย่างเงียบๆ
“ไม่ต้องดูแล้ว เขาไปแล้ว” คุณปู่ซูพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหน็ดเหนื่อย
เมื่อได้ยินแบบนั้นใบหน้าของซูวานก็แดงขึ้นมาทันที เธอรีบหันหน้ากลับมาพูดกลบเกลื่อนว่า “คุณปู่ ปู่พูดอะไร ฉันไม่ได้มอง….”
“ปู่อาบน้ำร้อนมาเยอะกว่าเธอ เธอหลอกปู่ไม่ได้หรอก” ปู่ซูยิ้มและส่ายหน้าออกมา
ความคิดที่อยู่ในใจของซูวานไม่สามารถตบตาของคุณปู่ซูได้เลย
ซูวานยิ้มออกมาที่มุมปาก สุดท้ายก็ส่งเสียงออกมา
“หลานสาวของฉันเป็นเด็กไร้เดียงสาเสียใจ แค่เธอต้องการที่จะหาผู้ชายสักคนยังไงเธอก็หาได้ ทำไมถึงต้องไปเลือกผู้ชายที่เพิ่งจะหย่ากับภรรยามา?” คุณปู่ซูอดไม่ได้จึงถามออกไป
เขายอมรับว่าฉินเฉิงเป็นคนที่มีความสามารถ แต่ความสามารถเหล่านั้นของเขาก็ยังไม่คู่ควรกับตระกูลซูอยู่ดี
หรือพูดอีกอย่างก็คือตอนนี้ฉินเฉิงไม่คู่ควรกับซูวาน
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ได้ชายที่เพิ่งจะหย่าร้างมาเป็นลูกเขย มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับตระกูลซู
แต่อย่างไรก็ตามซูวานไม่ได้คิดแบบนั้น
เธอนั่งลงข้างๆคุณปู่ซู พูดออกมาอย่างนุ่มนวลว่า “บางครั้งการชอบใครสักคนก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน…และฉันคิดว่าวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นปรมาจารย์ เป็นคนที่ตระกูลซูไม่สามารถก้าวข้ามไปได้!”
รอยยิ้มของคุณปู่ซูหายไป
คนที่ตระกูลซูไม่สามารถก้าวข้ามไปได้? เจ้าหนุ่มคนนั้นนะหรือ?
“คุณปู่ สมมติว่า…ฉันแค่สมมตินะ ถ้าหากฉันอยู่กับฉินเฉิงขึ้นมาจริงๆ ปู่จะไม่ยอมจริงๆเหรอ?” ซูวานกล่าวออกมาพร้อมกระพริบตาอ้อนวอน
คุณปู่ซูลูบไปที่เคราของตัวเอง จากนั้นยิ้มและพูดออกมาว่า “ขอแค่เธอชอบ ต่อให้เป็นแค่สุนัข ฉันก็จะทำให้มันเป็นสุนัขที่ยิ่งใหญ่”
นี่อาจเป็นการพูดเกินจริง แต่สำหรับคุณปู่ซูแล้วมันไม่ใช่เรื่องยาก
ซูวานรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เธอมองไปไกลๆ ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“การรวมตัวของนักธุรกิจในครั้งนี้ เธอทำเพื่อฉินเฉิงใช่ไหม?” คุณปู่ซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซูวานสูญเสียการควบคุม เธอพูดออกมาแบบเขินอายว่า “คุณปู่ ทำไมปู่ถึงรู้หละ?”
“ฉันเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เล็ก เธอคิดอะไร ทำไมฉันจะดูไม่ออก” คุณปู่ซูยิ้มพร้อมพูดออกมา
ซูวานม่ปิดบังอีกต่อไป เธอจับผมแล้วยิ้มอย่างแผ่วเบา “ใช่ ที่ฉันรวมตัวนักธุรกิจในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะบอกกับทุกคนว่า คนที่ตระกูลหลินไม่ต้องการ แต่ซูวานคนนี้ต้องการ”
“นี่เป็นการเปิดตัวของฉินเฉิงอย่างฉลาดหลักแหลม” คุณปู่ซูถอนหายใจออกมา
ซูวานมองไปที่คุณปู่ซู ยิ้มและพูดออกมาว่า “ฉันต้องการให้เขาขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงในสังคม ถ้าหากแรงกดดันเท่านี้เขายังไม่สามารถรับมันไว้ได้ นั่นมันก็สามารถบอกได้ว่า…ฉันมองคนผิดแล้ว”