การกลับมาของคุณปู่ซูทำให้สถานการณ์สงบลงเล็กน้อย
แต่หลายคนก็ยังวิตกกังวลอยู่มากเพราะกลัวว่า “ปีศาจ” อาจจะออกมาฆ่าคนอีก
“นี่มันก็ผ่านมาก่อนหนึ่งอาทิตย์แล้ว ทำไมยังไม่เห็นหน้าฉินเฉิงเลย?”
“เขาจะกลัวจริงๆเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่สุดยอด สามารถฆ่าคนได้แค่ชำเลืองมอง!”
“นั่นอาจจะเป็นพวกที่อ่อนแอ” ทุกคนพูดอย่างไม่รู้จบ ในความเห็นของพวกเขาฉินเฉิงอาจกลัวจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงปรากฎตัวออกมาตั้งนานแล้ว
คฤหาสน์ที่เขาหลงไห่
“สวัสดีคุณปู่ซู” เซียงเหม่ยเอ๋อยิ้มและพูดออกมา
คุณปู่ซูพยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มและพูดออกมาว่า “เหม่ยเอ๋อ มาตั้งแต่เมื่อไหร่? พ่อของเธอให้เธอออกมาได้อย่างไง?”
เซียงเหม่ยเอ๋อยิ้ม “กว่าฉันจะออกมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ก่อนหน้านี้ไม่นานพ่อก็ยังพูดถึงคุณปู่อยู่เลย”
คุณปู่ซูกับตระกูลเซียงเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาก่อน ทั้งสองคนเคยเป็นที่ยิ่งใหญ่ในจิงตู
แต่หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ จึงทำให้คุณปู่ซูต้องออกจากจิงตู ส่วนทางด้านของตระกูลเซียงเองก็ออกไปที่ต่างประเทศ
หลายปีที่ผ่านมาทั้งสองครอบครัวไม่ได้ติดต่อกันเลย ความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงจางหายไปบ้าง
“ซูวานไปไหนเหรอ เขาไม่ได้บอกเธอเอาไว้เหรอ?” หลังจากนั้นคุณปู่ซูก็พูดสิ่งที่อยากจะพูดในใจออกไป
เซียงเหม่ยเอ๋อส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกัน วันนั้นแปลกมากหลังจากที่ซูวานหลายตัวไป ต่อมาอีกสองวันฉินเฉิงเองก็หายตัวไปเช่นกัน”
เมื่อคุณปู่ซูได้ยินแบบนี้คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมา
เขาเพิ่งจะไปถามหาข่าวเรื่องนี้จากคนที่อยู่ใกล้เคียงแต่ก็ไม่มีใครรู้เรื่องอะไร
“คุณปู่ซูไม่ต้องกังวล ไม่แน่ฉินเฉิงอาจจะพาซูวานออกไปเที่ยวก็ได้” เซียงเหม่ยเอ๋อพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
คุณปู่ซูพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร
เวลาผ่านไปไวมาก แวบเดียวก็ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
และเฮยฉานเองก็ทำตามที่สัญญากันไว้ ภายในหนึ่งเดือนนี้เขาจะไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์
“ตอนแรกคิดว่าฉินเฉิงจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นแค่เต่าที่เอาแต่หดหัวอยู่แต่ในกระดอง”
“แต่จะไปโทษฉินเฉิงก็ไม่ได้ เขาเพิ่งจะอายุ 20 กว่าๆเอง คนไม่สามารถจัดการอะไรได้ทุกเรื่อง”
“หึ พวกนายไม่เข้าใจอะไร เฮยฉานเป็นถึงผู้นำของ เมืองซวนหมิงทางตะวันตกเฉียงใต้ ความแข็งแกร่งของเขาไม่สามารถคาดเดาได้! ฉินเฉิงจะต้องไม่กล้าสู้หน้ากับเขาแน่นอน!”
คำพูดมากมายเกิดขึ้นในปีนังและเกือบทุกคนรู้สึกว่าฉินเฉิงกำลังซ่อนตัวอยู่
เนื่องจากทางการไม่สามารถหาตัวเฮยฉานพบ พวกเขาจึงล้มเลิกในการตามหา
และในตอนนี้ทำให้เฮยฉานมีความเป็นอยู่ที่สบายมาก มีนักธุรกิจจำนวนมากมายที่ไปบำเรอเขาเพื่อหวังผลตอบแทน
“ชีวิตทางโลกนี่มันสบายอย่างนี้นี่เอง” เฮยฉานอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างนั้น
เมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับการฝึกตนนั้นมันช่างต่างกันเหลือเกิน
แต่ถึงอย่างไรเฮยฉานก็ยังมีความภาคภูมิใจเหลืออยู่ในใจ
ในสายตาของเขาไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหรือผู้ที่ร่ำรวยแค่ไหนมันก็ไม่ต่างอะไรกับขยะข้างถนน
“ฉินเฉิง หรือว่าเขาจะกลัวไปแล้วจริงๆ” หลังจากที่ผ่านไปประมาณเดือนกว่า ทุกคนก็เริ่มขาดความเชื่อใจ
แม้แต่จินฮู่เองก็เริ่มไหวหวั่น
เมืองหลวง ตระกูลเฝิง
ธุรกิจของตระกูลเฝิงครอบคลุมไปทั่วอาณาจักร เป็นธรรมดาที่เขาจะได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่ปีนัง
“พ่อ โอกาสที่เราจะฟื้นตัวมาถึงแล้ว!” เฝิงเฉินกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น “เจ้าฉินเฉิงมันไปหดหัวจนไม่กล้าออกมาแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าไม่กล้ากล้าออกมาเผชิญหน้ากับเฮยฉาน!”
เฝิงกงนิ่งไม่พูดอะไร แต่มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มเผยออกมาให้เห็น
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ ถ้าหากฉินเฉิงตายด้วยน้ำมือของเฮยฉานจริงๆ เขาก็จะได้กลับมาเป็นที่หนึ่งของเมืองหลวงเหมือนอย่างเคย
“วิญญาณของน้องชายฉัน คงสงบสุขเสียที!” เฝิงเฉินกำหมัดพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ดีใจ
ในขณะนี้ ศิษย์คนหนึ่งรีบเข้ามาจากนอกประตู
“รายงานท่านผู้นำเฝิง คุณชายใหญ่กลับมาแล้ว!” สีหน้าของศิษย์รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และแม้แต่คำพูดของเขาก็สะดุดเล็กน้อย
เฝิงกงตกใจ ถามออกไปด้วยความตื่นเต้น “นายพูดจริงเหรอ?”
“จริงครับ! ตอนนี้เขากำลังเดินทางผมพบท่านอาจารย์!” ลูกศิษย์กล่าวอย่างตื่นเต้น
สีหน้าของเฝิงกงแสดงออกถึงความรู้สึกของเขาได้อย่างชัดเจน
เขาเงยหน้าขึ้นและหัวเราะออกมาดังลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า พระเจ้าเข้าข้างฉันแล้ว!”
ขณะที่เขากำลังหัวเราะ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกประตู
ชายหนุ่มคนนี้แตกต่างไปจากเฝิงเฉินมาก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยออร่า
“สวัสดีครับพ่อ!” ชายหนุ่มเอนตัวทำความเคารพเฝิงกงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
เฝิงกงดึงมือเขาขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้น “เหยนเอ๋อ ลูกกลับมาแล้ว!”
“พี่ใหญ่!” เฝิงเฉินรีบวิ่งเข้ามา ไม่ทันวิ่งมาถึงเขาก็พูดออกมาว่า “พี่ใหญ่ ช่วงนี้ตระกูลเฝิงของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ น้องชายของพวกเราเขา….”
“ไม่รู้พูดอะไรแล้ว ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว” เฝิงเหยนพูดออกมา “ที่ฉันกลับมาครั้งนี้ เรื่องแรกอาจารย์ของฉันให้ฉันเดินทางไปที่ปีนัง ส่วนเรื่องที่สองก็คือ กลับมาแก้แค้นให้กับน้องชายของฉัน!”
เฝิงกงถามออกไปว่า “เหยนเอ๋อ บอกพ่อหน่อย ตอนนี้วรยุทธ์ของลูกอยู่ขั้นไหนแล้ว?”
เฝิงเหยนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ไม่นานมานี้เพิ่งจะก้าวข้ามเจ้าแห่งพลังปราณไปหนึ่งขั้น”
“สุด…สุดยอดเลย!” เฝิงกงมีความสุขมาก “ตระกูลเฝิงของเราจะต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง คืนนี้พ่อจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกเอง!”
เฝิงเหยนยิ้มออกมา “พ่อ ตอนนี้ฉันจะต้องไปที่ปีนังแล้ว รอหลังจากที่ฉันฆ่าฉินเฉิงเสร็จแล้วเราค่อยมาฉลองกัน!”
“ไม่ได้!” เฝิงกงขวางเฝิงเหยนเอาไว้ และพูดออกมาว่า “ผู้นำของ เมืองซวนหมิง เฮยฉาน กำลังท้าสู้กับฉินเฉิงอยู่ เท่าที่รู้มาเขาเองก็เป็นเจ้าแห่งพลังปราณเหมือนกัน”
“เพื่อความปลอดภัย ไม่สู้ปล่อยให้เฮยฉานทำการต่อสู้ไปก่อนไม่ดีกว่าเหรอ” เฝิงกงพูดออกมาต่อ “ถ้าฉินเฉิงแพ้มันก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีตามธรรมชาติ แต่ถ้าหากฉินเฉิงเป็นฝ่ายชนะเราก็สามารถดูระดับความสามารถของเขาและค่อยเอามาตัดสินใจภายหลังได้”
เฝิงเหยนเยาะเย้ยและกล่าวว่า “พ่อ ตามที่ผมได้ยินมา ฉินเฉิงคนนี้ก็เป็นแค่เจ้าแห่งพลังปราณ แม้ว่าเขาจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางก้าวข้ามระดับเจ้าแห่งพลังปราณไปได้ในระยะเวลาอันสั้นหรอก!”
เฝิงกงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “ฉินเฉิงคนนี้ไม่ธรรมดา ตอนนี้พ่อกำลังสงสัยว่าเขากำลังเขาไปฝึกฝนตัวเองอยู่”
เฝิงเหยนลังเลอยูครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาว่า “ได้ครับ งั้นผมจะฟังที่พ่อพูด”
หลักการของเฝิงกงนั้นง่ายมาก ถ้าหากฉินเฉิงชนะ และชนะแบบง่ายๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อไป ชีวิตที่เหลือของเขาก็ยอมเป็นลูกน้องของฉินเฉิงต่อไป
แต่ถ้าหากฉินเฉิงอ่อนแอหรือสู้จนหมดกำลัง ในตอนนั้นแหละจะให้เฝิงเหยนออกไปจัดการ
……
ฉินเฉิงในตอนนั้นกำลังนั่งอยู่ในเขตบ้านริมเขาเฟิงชื่อเพื่อฝึกสมาธิ
ก่อนที่เขาจะมาฝึกฝนเพื่อข้ามขั้นของพลังที่ตนเองมีอยู่เขารู้ดีอยู่แล้วว่าครั้งนี้มันจะต้องใช้เวลานานกว่าปกติมาก เขาจึงไม่ได้หวังอะไรมาก ขอแค่เสร็จก่อนวันขึ้นปีใหม่ก็พอ
น้ำตกกระทบร่างผอมบางของฉินเฉิง กระแสน้ำที่ไหลมากระทบกับจุดตันเถียนของเขาและเกิดเป็นแสงจางๆ
แสงปรากฏเป็นสีฟ้าคราม และเมื่อเวลาผ่านไป แสงก็อ่อนลงเล็กน้อย
เขานั่งอยู่ที่นี่มาเดือนครึ่งแล้ว และเหลือเวลาอีกเพียงครึ่งเดือนก่อนปีใหม่
“ฟู้วววว!”
และในตอนนั้นจู่ๆน้ำที่ตกกระทบรอบตัวเขาก็กระจายออกไปรอบๆทันที
เมื่อมองไปอย่างละเอียดจะเห็นว่ารอบๆร่างกายของฉินเฉิงมีแสงอ่อนๆปกคลุมอยู่ ราวกับว่าแสงนั้นเป็นโล่ที่ป้องกันไม่ให้อะไรกระทบกับตัวของฉินเฉิง!
“ควับ!”
ในขณะเดียวกัน ดวงตาของฉินเฉิง ก็เปิดขึ้นในทันใด และรัศมีอันน่าสยดสยองก็กระจายอยู่รอบตัวเขาโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เขา