หลังจากที่พูดคุยกันมาได้สักพักคุณปู่ซูก็รู้สึกชื่นชมเล็กน้อย
หลานสาวของตัวเองไม่ต้องพูดว่าสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ แต่มันก็ต่างกันไม่มากแล้ว
“เจ้าหนุ่ม ฉันหวังว่านายจะคู่ควรกับซูวานของฉัน….” คุณปู่ซูพูดออกมาอย่างมีความหวัง
……
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ฉินเฉิงก็นั่งรถมาถึงโรมแรมหวงกง
ที่ชื่อของโรงแรมนี้เรียบง่ายนั่นก็ไม่ใช่เพราะอะไร มันเนื่องมากจากเจ้าของโรงแรมไม่ใช่ใคร เขาก็คือจินฮู่
การตกแต่งของโรงแรมแห่งนี้ก็เหมือนกับชื่อของโรงแรม นอกจากความงดงามแล้ว ยังมีร้านอาหาร คาราโอเกะ ไนท์คลับ และศูนย์อาบน้ำอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีในปีนังและเป็นตัวเลือกแรกสำหรับการพบปะสังสรรค์ของแขกจำนวนมาก
ฉินเฉิงยืนอยู่หน้าประตูโรงแรม ชุดที่เขาใส่มามันไม่เข้ากับคนอื่นๆ
“เห้ย นี่มันฉินเฉิงไม่ใช่เหรอ?” ในตอนนั้นมีรถคันหนึ่งเข้ามาจอดอยู่ด้านหน้าของฉินเฉิง
จากนั้นก็มีใบหน้าของคนคนนหนึ่งเผยออกมา
เมื่อเห็นคนคนนั้นฉินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
คนคนนั้นมีชื่อว่าจางหัว เขาเป็นเพื่อนของฉินเฉิงตอนเรียนมหาลัย ในตอนที่เรียนด้วยกันทั้งสองคนไม่ค่อยลงรอยกัน
“นายเองก็มาเข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นด้วยเหรอ? เมื่อวานฉันจำได้ว่าไม่มีใครเรียกนายมา?” จางหัวลงมาจากรถและพูดด้วยรอยยิ้ม
“งานเลี้ยงรุ่น?” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว ตั้งแต่เขาเรียนจบมา เขาก็ไม่เคยติดต่อกับเพื่อนๆของเขาอีกเลย
“เห้อ ไม่มีเพื่อนคนไหนชวนนายมาเลย แต่นายก็มาเจอฉันแล้ว งั้นไปด้วยกันไหม?” จางหัวพูดออกมาด้วยความชอบใจ
ฉินเฉิงส่ายหน้าและพูดออกมาว่า “ไม่ไป ฉันมีธุร”
จางหัวได้ยินแบบนั้นเขาก็รีบดึงแขนของฉินเฉิงและพูดว่า “ไม่ไปเหรอ? ทุกคนไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน มันไม่ง่ายเลยที่จะได้รวมตัวกัน ทำไมนายถึงยังไม่ไปอีกหละ ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ของพวกเราเองก็มาด้วยนะ!”
อาจารย์? ฉินเฉิงจำได้อย่างแม่นยำ เธอชื่อว่าสวีเซี่ยวเซี่ยว เธอเป็นคนสองมาตรฐาน เธอปฏิบัติกับนักเรียนที่ยากจนต่างกับนักเรียนที่ร่ำรวยต่างกันอย่างสิ้นเชิง และเธอก็ยังเคยพูดออกมาว่าชีวิตนี้ฉินเฉิงไม่มีวันที่จะได้ดี
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินเฉิงก็ยิ้มและพูดออกมาว่า “ไปกันเถอะ”
จางหัวรู้สึกมีความสุขในทันใด เหตุผลที่เขาเชิญอย่างกระตือรือร้นไม่ใช่เพราะความรู้สึกของเพื่อนร่วมชั้น แต่เพราะเขาได้ยินข่าวว่าภรรยาของฉินเฉิงได้สวมเขาให้กับเขา
เรื่องนี้สำหรับคนอื่นๆแล้ว มันน่าจะเป็นเรื่องที่น่าอายสำหรับฉินเฉิงเป็นอย่างมากแน่?
ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องส่วนตัว ทันทีที่ประตูเปิด พวกเขาเห็นเพื่อนร่วมชั้นกลุ่มหนึ่งพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
“พี่หัว ในที่สุดพี่ก็มาถึงแล้ว!”
“เฮ้พี่หัว พวกเรารอพี่มาตั้งนานแล้วนะ!”
“ใช่ทำไมช้าแบบนี้หละ?”
จางหัวยิ้มและตอบกลับไปว่า “ฉันไปเจอฉินเฉิงตอนเดินเข้ามาพอดี เลยเข้าไปทักเขาหนะ”
“ฉินเฉิง?” ในตอนนั้นสายตาของทุกคนจึงมองมาที่ฉินเฉิง
เมื่อทุกคนทองเห็นการแต่งกายที่ไม่ได้เรื่องของฉินเฉิง พวกเขาก็อดหัวเราะไม่ได้
“ฉินเฉิง ตอนนี้นายทำงานอยู่ที่ไหน?” เพื่อนคนหนึ่งถามออกมา
ฉินเฉิงมองไปที่เขาและตอบกลับไปว่า “ไม่มีงานทำ”
“เป็นคนจรจัดอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเสียงนี้เงียบลง คนทั้งห้องก็หัวเราะขึ้นมา
ฉินเฉิงไม่ได้สนใจพวกเขา ทำเป็นไม่ได้ยิน
“หึหึ ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปี นายยังไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยนะ” ในตอนนี้อาจารย์ที่เคยสอนเขามาสวีเซี่ยวเซี่ยว เผยใบหน้าของเธอออกมาอีกครั้ง
ฉินเฉิงมองไปที่เธอ ยิ้มและตอบกลับไปว่า “ไม่เจอกันตั้งหลายปีอาจารย์ยังบ้าอำนาจเหมือนเดิมเลยนะ แต่ว่าเมื่อเทียบกับตอนนั้นแล้ว แก่ลงไปเยอะเลยนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเฉิง ใบหน้าที่มีรอยยิ้มของสวีเซี่ยวเซี่ยว ก็เปลี่ยนไป จากนั้นเธอก็จับไปที่หน้าของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นเธอก็พูดออกมาด้วยความโกรธว่า “ฉินเฉิง! ฉันเคยเป็นอาจารย์ของนายนะ เดี๋ยวนี้นายกล้าพูดกับฉันแบบนี้แล้วเหรอ? พ่อแม่ไม่สังสอนจริงๆ!”
“คุณคิดว่าคุณควรได้รับการนับถือเหรอ?” ฉินเฉิงตอบกลับไป จากนั้นยิ้มและนั่งลงข้างๆสวีเซี่ยวเซี่ยว
สวีเซี่ยวเซี่ยว จับจมูกของตนเองและพูดออกมาว่า “นายไปนั่งที่อื่นได้ไหม? ฉันเหม็นกลิ่นคนจน!”
“ฉันเองก็ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมฉุนๆบนตัวคุณ คูณยังจะมานั่งตรงนี้อยู่อีกทำไม?” ฉินเฉิงโต้ตอบกลับไป
“นาย!” สวีเซี่ยวเซี่ยว โกรธขึ้นมาเพื่อการยั่วยุของฉินเฉิง
“ฉินเฉิง อย่าไปทำแบบนั้นกับอาจารย์เลย” ในตอนนั้นก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นอย่างนุ่มนวล
เธอมีชื่อว่ากงเหยา ในตอนที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเธอเป็นหัวหน้าห้อง และเธอก็ดูแลฉินเฉิงมาไม่น้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอฉินเฉิงก็ยิ้มลูดออกมาว่า “ก็ได้”
“วันนี้ทุกคนทานกันให้เต็มที่เลย ฉันเลี้ยงเอง!” จางหัวยืนขึ้นและพูดออกมา
“พี่จาง งั้นพวกเราไม่เกรงใจแล้วนะ!”
“ได้ยินมาว่าอาหารร้านนี้ราคาสูงมาก พี่จาง พี่จ่ายไหวแน่นะ?”
“พูดอะไรของเธอ คนในครอบครัวของจางหัวเป็นถึงผู้จัดการของโรงแรมหวงกงเลยนะ!”
“เห้ย งั้นก็เป็นคนของพี่ฮู่ใช่ไหม?”
คำเยินยอของทุกคนมีประโยชน์มากสำหรับจางหัว เขาตั้งใจมองไปที่ฉินเฉิงและพูดออกมาว่า “ใช่ลูกพี่ลูกน้องของฉันรู้จักกับพี่ฮู่ หลังจากนี้ถ้าทุกคนมาที่นี่แค่บอกชื่อฉันก็พอแล้ว!”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจางหัวแล้ว สายตาของทุกคนที่มองมาที่ฉินเฉิงก็เปลี่ยนไปทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวีเซี่ยวเซี่ยว เธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะพุ่งเข้าไปหาจางหัว
ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ มิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมชั้นได้หายไปนานแล้ว ตั้งนั้นงานเลี้ยงรุ่นที่จัดขึ้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเทียบชนชั้น
“ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ฉันคงไม่มาที่นี่” กงเหยาขมวดคิ้วออกมา เห็นได้ชัดเจนว่าเธอมีความคิดที่ตรงกับฉินเฉิง
ฉินเฉิงโบกมือและพูดว่า “เดี๋ยวก็ชิน”
หลังจากที่กินและดื่มกันอย่างเต็มที่ อาหารมื้อนี้ก็ใกล้จะสิ้นสุดลง มีคนจำนวนมากเข้าไปหาจางหัว ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อร่วมชั้นที่เป็นผู้หญิง
“อะแฮ่ม”
ในตอนนั้นจางหัวกระแอมออกมา ทุกคนก็มองมาที่ฉินเฉิง จากนั้นก็มีคำถามดังขึ้นมาว่า “ฉินเฉิง หลังจากเรียนจบแล้วนายไปอยู่ไหนมา ทำไมถึงติดต่อนายไม่ได้เลย?”
ในตอนที่ฉินเฉิงจะตอบออกไป เพื่อนร่วมชั้นอีกคนหนึ่งก็ยิ้มและพูดออกมาว่า “ฉันได้ยินมาว่าฉินเฉิงแต่งานเข้าไปเป็นลูกเขย ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า?”
“หึหึ ก็แค่แมงดาตัวหนึ่ง น่ารังเกียจสิ้นดี!” สวีเซี่ยวเซี่ยว ยิ้มและพูดเยาะเย้ยออกมา
ฉินเฉิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดเจนว่าคนพวกนี้นัดกันมาดีแล้ว
“การเป็นแมงดาก็ถือว่าเป็นความสามารถอย่างหนึ่งนะ” จางหัวยิ้มและพูดออกมา
เขายกมือขึ้นมาตบไปที่ไหล่ของฉินเฉิง และถามด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันได้ยินมาว่าภรรยาของนายสวมเขาให้นายตั้งสามปี แถมยังขับไสไล่ส่งนายออกมาจากตระกูลหลิน มันเป็นเรื่องจริงไหม?”
“เอ๋? สวมเขา? ฉินเฉิงไม่มีเขานิ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ทุกคนหัวเราะชอบใจ และเมื่อมองมาที่ฉินเฉิงก็ยิ่งทำให้พวกเขาได้ใจมากขึ้น
“ฉินเฉิง ก็แค่ล้อเล่นเอง นายโกรธอย่างนั้นเหรอ?” จางหัวเอนหน้าและพูดอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
ฉินเฉิงมองไปที่เขา ยกมือขึ้นและต่อยไปที่หน้าของจางหัว
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกแรงมากมายอะไร แต่หมัดนั้นของเขาก็ทำให้ร่างกายของจางหัวกระเด็นออกไป ใบหน้าของเขาบวมขึ้นมา
“ฉันเองก็แค่ล้อเล่นกับนาย นายคงไม่โกรธใช่ไหม?” ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกไป
จางหัวลุกขึ้นมาจากพื้น เขาชี้นิ้วมาที่ฉินเฉิงและพูดออกมาว่า “แกกล้าต่อยฉันอย่างนั้นเหรอ? รนหาที่ตายแท้ๆ!”
พูดจบจางหัวก็พุ่งเข้าหาฉินเฉิงทันที
“ปัง!”
ฉินเฉิงยังไม่ได้ลุกขึ้น เขาต่อยออกมาอีกหนึ่งหมัด ร่างของจางหัวก็กระเด็นออกมาอีกครั้ง
คราวนี้มีเลือดพุ่งออกมาจากปากของจางหัว แถมฟันกรามของเขาก็หัก
ในตอนนั้นเสียงหัวเราะก็หลุดลงอย่างกะทันหัน สายตาของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“คำพูดกลับกลอกของพวกคุณ มันใช้ไม่ได้กับฉันหรอก” ฉินเฉิงลืมตาขึ้นมา “ใครทำให้ฉันไม่พอใจ ฉันก็จะจัดการกับคนคนนั้น”
“หึหึ นายนี่มันโอหังเสียจริง ฉินเฉิง ลูกพี่ลูกน้องของจางหัวเป็นผู้จัดการที่นี่! เป็นคนของพี่ฮู่! นายมาลงไม้ลงมือที่นี่ ฉันว่าชีวิตของนายคงจะจบลงแล้ว!” สวีเซี่ยวเซี่ยว พูดออกมาอย่างได้ใจ
ใจของเธอกำลังรอคอยถึงฉากที่ฉินเฉิงคุกเข่าลงเพื่อขอความเมตตา
จางหัวลุกขึ้นมาจากพื้นอีกครั้ง สายตาของเขาดุดัน “นายรอฉันก่อน ฉันจะทำให้นายไม่มีวันจะได้ออกไปงจากหวงกงอีกเลย!”
เมื่อพูดจบเขาก็เปิดประตูและเดินออกไป
“จบแล้ว จบแล้ว มีคนจะโดนกระทืบแล้ว!” สวีเซี่ยวเซี่ยว พูดออกมาอย่างตื่นเต้น
“ฉินเฉิง นายรีบฉวยโอกาสหนีไปตอนนี้เถอะ” กงเหยาพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง “ลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นคนของพี่ฮู่ พวกเราสู้เขาไม่ได้!”
ฉินเฉิงส่ายหน้า ยิ้มออกมาและพูดว่า “ฉันเองก็อยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไง”