ต้วนอู่ก็หน้าแดงไปหมดและเค้ากรีดร้องขึ้นมาด้วยความโกรธ: “แกโกงฉัน! ฉันไม่ยอมรับมัน!”
“อย่ายอมรับ?” ฉินเฉิงลุกขึ้นมา “คุณต้องการเดิมพันต่อไปหรือไม่ อย่างงั้นก็มาเดิมพันกันด้วยแขนและขาของนาย?”
เมื่อเจอเข้ากับการจ้องมองของฉินเฉิง ต้วนอู่ก็สั่นสะท้านขึ้นมาในทันที
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ท้องให้ของเค้ามันก็ปั่นป่วนไปหมด เค้าพูดอะไรไม่ออกเลย
“นักเลงมันก็คือนักเลง อ้าปากพูดก็มีแต่เรื่องตัดแขนตัดขาของคนอื่น” ต้วนตงก็หัวเราะขึ้นมา “ถ้าตัดขาดไปแล้ว อย่างงั้นจะมาพนันอะไรกันต่อหละ?”
“เอาหละ กับเรื่องพวกนี้เราก็มาหยุดมันกันเถอะ ทุกคนก็แค่พูดเล่นกันเท่านั้น” ต้วนซุนก็ลุกขึ้นมา
“พูดเล่นอย่างงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา “ตอนนี้นายก็จะลุกขึ้นมาแล้วแสร้งทำเป็นคนดีอย่างงั้นเหรอ? ถ้าหากว่าคนที่แพ้เป็นฉันหละ? นายจะยังมาพูดว่ามันเป็นเรื่องตลกไหม?”
สีหน้าของต้วนซุนก็ผงะแล้วเค้าก็พูดขึ้นมาว่า: “แล้วแกจะทำไม? หรือว่าจะต้องให้พวกเค้าเอาเงินสองล้านหยวนให้แกจริงๆ?”
“ใช่” ฉินเฉิงพูดอย่างเฉยชา “เล่นพนันแพ้ ต้วนอู่ ฉันให้เวลาแกแค่สองวันไปหาเงินมาให้ฉัน ตอนนี้ก็ไปคุกเข่าที่ห้องโถงใหญ่ซะ”
ต้วนอู่ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา: “กูไม่ไปแล้วแกจะทำยังไงได้วะ?”
“ไม่ไปอย่างงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงกูขมวดคิ้วขึ้นมา ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นร่างของเค้าก็มาอยู่ที่ตรงหน้าต้วนอู่
หลังจากนั้น เค้าก็คว้าคอของต้วนอู่แล้วก็ลากตัวเค้าออกไปจากประตู
ต้วนอู่พยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่ แต่เค้าก็พบเค้าไม่มีสามารถต้านทานแรงอะไรได้เลย แม้แต่เค้าเองก็ยังไม่สามารถดิ้นได้เลย!
หลังจากที่มาถึงที่ห้องโถงใหญ่แล้ว ทุกคนต่างก็จับจ้องมาที่สองคนนี้
“นี่มันไม่ใช่ประธานต้วน ต้วนอู่เหรอ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“กำลังทะเลาะกันเหรอ? ไอ่เด็กนี่มันกล้ามาก กล้าทำแบบนี้กับประธานต้วนได้ยังไงกัน?”
“ไอ่เวร ไอ่เด็กนี่ แกรีบปล่อยประธานต้วนซะ ไม่อย่างงั้นอย่างมาหาว่าฉันไม่สภาพนะ!”
โกรธคนนับไม่ถ้วนในห้องโถงยืนขึ้นและมีความหมายของพี่ใหญ่
ต้วนอู่ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ: “ไอ่เด็กเวร มองไม่เห็นเหรอ? นี่มันก็คืออิทธิพลของฉัน! แกรีบปล่อยมือของแกซะแล้วฉันจะปล่อยแกไป?!”
ฉินเฉิงไม่ขยับอะไรเลย เค้ามองไปที่ทุกคน จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “พวกแกไสหัวออกไปซะ!”
เสียงนั่นมันก็ดังสนั่นขึ้นมาแล้วถ้วยชาบนโต๊ะมันก็ถูกทำลาย แม้แต่คนเองก็ยังมีเลือดออกไหลออกมาจากที่หู!
สิ่งนี้เอง มันก็ทำให้ทุกคนกลัวฉินเฉิง พวกเค้าต่างก็ถอยห่างแล้วเปิดทางให้ฉินเฉิงเดินเข้าไป
“ไอ่เด็กนี่มึงรอความตายได้เลย กล้าทำแบบนี้กับประธานต้วน มึงได้ไปตายอยู่ข้างถนนแน่!”
“ฉันเตือนแกไว้เลยนะ ทางที่ดีแกรีบปล่อยประธานต้วนซะ …”
แม้ว่าปากของพวกเค้าจะตะโกนขึ้นมาไม่หยุด แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรเลย
จากนั้นไม่นาน ฉินเฉิงก็ลากต้วนอู่ออกมาที่ห้องโถงที่ด้านนอกสุด
ในตอนนี้เอง ต้วนตงกับคนของตระกูลต้วนทุกคนต่างก็ตามกันออกมา
“ไอ่เด็กนี่หนิ มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยจริงๆ ปล่อยน้องฉันนะ!” ต้วนซุนก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธ
“ทำไมกัน มณฑลเหม่ยถึงปล่อยให้มีนักเลงแบบนี้อยู่ได้?” สีหน้าของต้วนตงก็ดูเย็นชา
ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา: “ฉันบอกแล้ว แพ้ก็ต้องยอมแพ้”
“ต้วนอู่ ถ้าแกยังเป็นผู้ชาย ก็หยุดซะ!” ต้วนซุนก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา ถ้าต้วนอู่ต้องทำแบบนี้ต่อหน้าคนจำนวนมาก อย่างงั้นต่อไปก็คงจะไม่มีใครเห็นหน้าของเค้าอีก
ต้วนอู่กัดฟันของเค้า: “กูไม่คุกเข่า แล้วเมิงจะทำยังไงได้!”
ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างเฉยชาว่า : “คุกเข่าซะ”
คำพูดสั้นๆง่ายๆของเค้า แต่มันกลับเป็นแรงผลักดันที่แรงกล้าต่อต้วนอู่ “พัพ”เสียงคุกเข่าที่พื้นก็ดังขึ้นมา
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ต้วนอู่อ่อนแอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ต้วนอู่ นายทำอะไรของนาย!” ต้วนซุนก็อดไม่ได้ เค้าตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ ” รีบลุกขึ้นมา นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นเลยนะ! ”
ต้วนอู่ก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ขมขื่นว่า: “พี่ ฉันเองก็ไม่อยากคุกเข่า ฉัน … ฉันไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น … ”
ต้วนซุนก็ไม่สนใจเค้า เค้าจ้องมองไปที่ฉินเฉิง: “ไอ่เด็กนี่ แกกล้ามากนะที่ทำแบบนี้กับตระกูลต้วร ฉันจะบอกแกให้ แกไม่มีวันได้ออกไปจากมณฑลเหม่ยแน่”
ฉินเฉิงลากเก้าอี้มา เค้านั่งอยู่ที่ตรงหน้าของต้วนอู่
เค้าก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา: “โลกนี้มันช่างกว้างใหญ่ ฉันอยากจะไปไหน ฉันก็ไป มันไม่มีใครมาขวางฉันได้หรอก”
“เอาหละ ฉันเองก็ไม่ได้เจอกับคนที่จองหองอย่างแกแบบนี้มานานแล้ว!” สีหน้าของต้วนซุนเต็มไปด้วยความโกรธ “ตระกูลต้วนเองก็ไม่ได้เจอกับเรื่องเร้าใจแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน!”
หลังจากได้ฟังแบบนี้แล้ว ฉินเฉิงก็หยุดหัวเราไม่ได้เลย เพราะในมณฑลเหม่ย ตระกูลต้วนคงจะคิดว่าตัวเองใหญ่สุด!
ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ส่ายหัวขึ้นมา เค้าพูดขึ้นมาเบาๆว่า: “เกิดเรื่องแล้วสิ”
“ตอนนี้ถึงจะมารู้เหรอว่าจะเกิดเรื่อง?” ต้วนตงก็หัวเราะแล้วพูดว่า “เสี่ยวเหม่ย ฉันจะบอกแกให้นะ เพื่อนของแกอะ วันนี้มันตายแน่”
ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ไม่ส่งเสียอะไรเลย ที่เค้าคิดอยู่ก็คือ เกิดเรื่องกับตระกูลต้วนและหละสิ
“ไอ่เด็กนี่หนิ ทางที่ดี ตอนนี้แกก็รีบปล่อยต้วนอู่ซะ ไม่อย่างงั้นอย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ!”
“ใช่ เชื่อไหมว่าพวกเราเอาแกตายแน่?”
“ตอนนี้แกก็รีบขอโทษประธานต้วนซะแล้วพวกเราจะยกโทษให้แก!”
ทุกคนต่างก็ตะโกนกันขึ้นมาอย่างโกรธเคือง แต่ก็ไม่มีใครก้าวไปข้างหน้าเลย
“แบบนี้แล้วมันจะทำยังไงได้” แม่ของชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ดูเป็นกังวลมาก เธอเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้มันจะกลายมาเป็นแบบนี้
ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็กระซิบขึ้นมาว่า: “แม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อยอ่าว่าแต่มณฑลเหม่ยเลย แม้แต่ทั้งมณฑลปินโจวเองก็ไม่มีใครกล้าอะไรกับเค้าหรอก”
“เอ๊ะ ลูกคนนี้นิ จนถึงตอนนี้แล้วยังจะมาคุยโม้อีก!” แม่ของเค้าก็พูดขึ้นมาด้วยความโกรธ
ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ส่ายหัวขึ้นมาแล้วเค้าก็ไม่พูดอะไรออกมาเลย
ในตอนนี้เอง ที่หน้าประตูก็มีรถมาจอด
จากนั้นก็มองเห็นชายหัวล้านที่วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
คนๆนี้ไม่ใช่ใครอื่นเลย เค้าคือจินฮู่
ในตอนนี้เค้าก็อยู่กับหิมะจำนวนมากของฤดูหนาว แต่บนใบหน้าของเค้ามันกลับเต็มไปด้วนเหงื่อ
“ไอ่หัวล้านนี่มันคือใครกัน?” หลังจากที่เห็นจินฮู่แล้ว ก็มีคนพูดขึ้นมา
“พี่ฮู่ พี่มาแล้ว พี่รับเข้าไปช่วยฉันจัดการเร็ว!” ต้วนอู่ก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา
“พี่ชฮู่?” เมื่อได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนแปลงไป
“จินฮู่อย่างงั้นเหรอ?”
เมื่อทุกคนหันมา คนที่พึ่งจะด่าจินฮู่เมื่อกี้ ก็รีบหลบไปที่ด้านข้างนทันที
มณฑลเหม่ยก็เป็นเพียงแค่ชนบทก็เท่านั้น เมื่อเทียบกับเมืองปีนังแล้ว มันแตกต่างกันมาก
“นี่ก็มีอะไรสนุกๆให้ดูแล้วหละสิ” ต้วนซุนก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า: “เท่าที่ฉันรู้มา จินฮู่เค้าเป็นคนที่ร้ายกาจมาก เสี่ยวเหม่ย เธอรีบหลบไปซะ”
ชายที่มีแผลเป็นที่หน้าก็ไม่สนใจอะไรเลย
จากนั้นไม่นานแววตาของจินฮู่ก็มองไปที่ฉินเฉิง
เค้ารีบเดินเข้ามาหาฉินเฉิงในทันที
“คุณฉินครับ ในที่สุดผมก็หาคุณจนเจอซะที!” จินฮู่ก็ยิ้มขึ้นมา
ฉินเฉิงก็มองเค้าแล้วถามว่า: “ปีใหม่ทั้งที ทำไมไม่อยู่บ้านฉลองปีใหม่กับครอบครัว มาตามหาฉันทำไมกัน?”
“เฮ้ ถ้าผมไม่ได้มาอวยพรปีใหม่ให้คุณ อย่างงั้นปีนี้ของผมมันจะไปมีความหมายได้ยังไงกัน?” จินฮู่ก็พูดขึ้นมา
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจินฮู่แล้ว สีหน้าของต้วนอู่ก็ดูไม่ได้เลย