ในเมื่ออยู่ที่เมืองเจียง เขาก็ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของคนใหญ่คนโตเหล่านี้เป็นธรรมดา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฝิงกงกับเจ้าแห่งลมปราณหู ชื่อเสียงของทั้งสองคนนี้โด่งดังมาก เขาพวกถือว่าเป็นคนที่ยิ่งใหญ่!
“พวกเขาจะมาได้อย่างไง?” ต้วนตงสูดหายใจเข้า ใบหน้าของเขาเหมือนคนที่กินอึเข้าไป
แต่หลังจากนั้นไม่นานเฝิงกงและคนอื่นๆก็เดินเข้ามา
“คุณฉิน สวัสดีปีใหม่” เฝิงกงประสานมือและพูดด้วยความเคารพ
ท่าทางของเขาค่อนข้างตื่นตระหนกราวกับว่ากลัวฉินเฉิงจะโกรธ
ฉินเฉิงพยักหน้า “มาตั้งไกล ไม่เห็นจำเป็นเลย”
“พี่ใหญ่!” ในตอนนั้นจู่ๆจี้เซียงก็วิ่งเข้ามาจากทางหน้าประตู
เขายิ้มและพูดออกมาว่า “พี่ใหญ่ สวัสดีปีใหม่ ทำไมพี่ถึงมาฉลองปีใหม่ที่นี่ การตกแต่งมันดูไม่ได้เลยเหมือนกับอยู่ในคอกหมู!”
“เจ้าหนุ่ม พูดอะไรของนาย!” ต้วนซุนพูดออกไปแบบไม่พอใจ
จี้เซียงผงะ เขามองไปทางต้วนซุน “ฉันบอกว่าที่นี่มันไม่เหมาะสมกับพี่ใหญ่ของฉัน นายจะทำไม?”
“ที่นี่คือร้านอาหารที่ดีที่สุดในเทศมณฑลเหม่ย ทำไมจะไม่เหมาะกับเด็กน้อยอย่างพวกนาย?”
สีหน้าของจี้เซียงและจี้หงเซิงน่าเกลียดขึ้นทันที
“แม่งเอ้ย ฉันแหละเกลียดคนที่เรียกฉันว่าเด็กน้อยที่สุด!” จี้เซียงกัดฟันและพูดออกมาด้วยความโมโห “ถ้าหากเป็นที่เมืองหลวงหละก็นายคงได้ตายไปแล้ว!”
ต้วนซุนยังอยากจะพูดอะไรออกมาอีก แต่ในตอนนั้นต้วนตงก็ทำสัญญาณมือเพื่อบอกให้เขาเงียบ
“ทุกท่าน ฉันคือคนของสำนักงานความมั่นคงในเขตเมืองเจียงต้วนตง บนบ่าของฉันมีดาวประดับอยู่ 1 ดวง” ต้วนตงลุกขึ้นมา และพยายามพูดอย่างถ่อมตัว
เฝิงกงเหลือบมองเขาและพยักหน้าด้วยท่าทีที่ค่อนข้างเย็นชา
ส่วนคนอื่นๆเช่นเจ้าแห่งลมปราณหูก็ยังไม่สนใจเขา
ความไม่พอใจปรากฎขึ้นในดวงตาของต้วนตง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไร ทำได้แค่เพียงอดทน
“เจ้านักธุรกิจพวกนี้หยิ่งเหลือเกิน” ต้วนตงแอบคิดอยู่ในใจ “วันหลังอย่าให้มีโอกาสนะ ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่เขาจะจัดการกับคนพวกนี้ทันที”
และในตอนนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากทางหน้าประตู
“ปี้เสี่ยวเหยา หัวหน้าปี้มาแล้ว!”
สิ่งนี้ทำให้ฉินเฉิงตกใจ เขารู้จักนิสัยของคนอย่างปี้เสี่ยวเหยาดี เขาเป็นคนที่หยิ่งยโสมาก แม้ว่าเขาจะเคยพ่ายแพ้ให้กับฉินเฉิงแล้ว แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ประจบประแจงอย่างนั้น
และนี่ทำให้สีหน้าของต้วนตงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
ปี้เสี่ยวเหยามีชื่อเสียงโด่งดังในสำนักงานความมั่นคงในเขตเมืองเจียง เป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะ และฐานะของเขาก็เป็นหัวหน้าของหัวหน้าของหัวหน้าของต้วนตง! ทำไมคนแบบนี้ถึงมาที่มณฑลเหมย?
“หรือว่าที่เขามาก็เพราะเจ้าหนุ่มคนนี้?” ต้วนตงกลืนน้ำลาย มีความคิดจำนวนมากอยู่ในหัวของเขา
ไม่นานปี้เสี่ยวเหยาก็เดินเข้ามาจากทางหน้าประตู
เขามองมาทางฉินเฉิง เดินเข้ามาโน้มตัวและพูดว่า “พี่ฉิน สวัสดีปีใหม่”
“นายมาได้อย่างไง?” ฉินเฉิงหัวเราะและถามออกไป
ปี้เสี่ยวเหยายิ้มอย่างขมขื่น “เป็นคำสั่งของเบื้องบน ฉันจะไม่มาก็ไม่ได้”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” ฉินเฉิงก็ตระหนักได้ในทันใด
ต้วนตงที่อยู่ข้างๆสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาวิ่งเข้ามาและพูดว่า “สวัสดีครับหัวหน้าปี้!”
ปี้เสี่ยวเหยาหันไปมองที่เขาและถามออกมาด้วยความสงสัย “นายคือ?”
“ผมชื่อว่าต้วนตง เป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานความมั่นคงในเขตเมืองเจียง” ต้วนตงรีบแนะนำตัวเองออกไป
“ไม่รู้จัก” ปี้เสี่ยวเหยาพูดออกไปอย่างเฉยชา
ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “นายไม่รู้จักเขา? เขามีตำแหน่งที่สูงส่ง วรยุทธล้ำเลิศ สุดยอดจะตาย”
สีหน้าของปี้เสี่ยวเหยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่าฉินเฉิงกำลังหมายถึงอะไร
“พวกเราไม่ต้องการคนที่ไม่ได้เรื่องเอาแต่โอ้อวดไปวัน ฉันจะรายงานเรื่องนี้ให้เบื้องบนทราบทันที” ปี้เสี่ยวเหยาพูดออกมา
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของต้วนตงก็เปลี่ยนไปทันที
เขาย่อตัวลงและคุกเข่าลงกับพื้นทันที อาการเหมือนคนจะร้องไห้ “หัวหน้าปี้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ได้โปรดอย่าไปรายงานเบื้องบนเลย!”
ปี้เสี่ยวเหยาพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ไม่ต้องพูดมาก เดี๋ยวเบื้องบนจะตัดสินเอง”
ต้วนตงกัดฟันแน่น เขามองไปทางฉินเฉิงและขอร้องออกมา “ฉิน…คุณฉิน ฉันผิดไปแล้ว ต้องนี้ฉันสำนึกผิดแล้วฉัน…ฉันจะไปเขียนรายงานทันที!”
ฉินเฉิงถอนหายใจเล็กน้อย “นายพูดของนายเอง ฉันบอกนายไปตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าเล่นการพนัน ทำไมนายถึงไม่ฟัง?”
“เล่นการพนันด้วย?” สีหน้าของปี้เสี่ยวเหยาเปลี่ยนไปทันที “นายชื่อต้วนตงใช่ไหม สำนักงานความมั่นคงไม่ต้องการคนอย่างนาย นายไปลาออกด้วยตัวเองซะ!”
สีหน้าของต้วนตงซีดขาว เขานอนลงไปกับพื้นราวกับว่าเสียผู้หญิงคนที่รักไป
ทุกคนในตระกูลต้วนก็ตกตะลึงและไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ใช่ ฉันมีคนจะแนะนำให้พวกนายรู้จัก” ฉินเฉิงหันมาทางชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเพื่อต้องการให้เกียรติเขา
เขาตบไหลชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าและพูดออกมาว่า “นี่คือเพื่อนคนสนิทของฉัน ต้วนเสียวเหม่ย”
เมื่อทุกคนได้ยินก็รีบเดินเข้ามาและพูดออกมาว่า “สวัสดีครับพี่เหม่ย ไม่ใช่สิ พี่ต้วน! สวัสดีปีใหม่ครับพี่ต้วน!”
เกือบจะทุกคนเดินเข้ามาโอบล้อมชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเอาไว้ ราวกับว่าจะยกเขาขึ้นไปบนฟ้า
นี่ทำให้คนของตระกูลต้วนต่างตื่นตกใจ เมื่อกี้เขายังคิดว่าเขากำลังยั่วยุกับพวกเด็กน้อยธรรมดาๆ แต่สุดท้ายคนที่เขาไปยั่วยุนั้นเป็นคนที่รู้จักกับผู้มีอำนาจในเมืองหลวง
หลังจากที่ทำการแนะนำตัวเองเสร็จแล้ว ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็หันไปทางฉินเฉิงด้วยความดีใจและพูดออกมาว่า “คุณฉิน ขอบคุณมากครับ”
ฉินเฉิงตบไปที่ไหล่ของเขาเบาๆ ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ฉิน…คุณฉิน” สุดท้ายคนของตระกูลต้วนทนไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขาคิดจะเข้ามาเพื่อสานความสัมพันธ์
แต่ฉินเฉิงไม่ได้สนใจพวกเขา และหันกลับไปคุยกับแขกคนอื่นๆ “พวกเราเปลี่ยนที่กันเถอะ ดูเหมือนว่าที่นี่มันจะเล็กไป”
“คุณฉิน เดี๋ยวผมจัดการเอง!” จี้หงเซิงรีบพูดออกมา
ไม่นานเขาก็เดินกลับมาและบอกกับฉินเฉิงว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ฉินเฉิงพยักหน้า ในตอนที่เขากำลังลุกขึ้นเขาก็หันไปมองพ่อแม่ของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า ยิ้มและพูดออกมาว่า “คุณลุงคุณป้า พวกเราไปที่อื่นกันเถอะ”
“ให้…ให้พวกเราไปด้วยมันคงไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่” หลังจากที่ทั้งสองรู้ถึงตัวตนที่ไม่ธรรมดาของฉินเฉิงแล้ว ท่าทางของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
“มันไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมหรอก” ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมา
ดังนั้นทุกคนจึงเดินออกมาจากร้านของตระกูลต้วน
สีหน้าของคนตระกูลต้วนน่าเกลียดมาก ถ้าหากพวกเขารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก มันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับพวกเขาได้อย่างไร?
เมื่อมาถึงที่ใหม่ทุกคนต่างทักทายกันใหม่อีกครั้ง จุดประสงค์ที่พวกเขามาในวันนี้นั้นชัดเจนมาก นั่นก็เพื่อใกล้ชิดกับฉินเฉิง
ในตอนนั้นฉินเฉิงก็หยิบยาออกมาจากกระเป๋าของเขาสองสามเม็ด
ยาพวกนี้เป็นยาที่ธรรมดามาก ก่อนหน้านี้มันเป็นยาชูกำลังที่นิยมกันอย่างมากในปีนัง
“ยานี้พวกนายเอาไปกันคนละเม็ด” ฉินเฉิงแบ่งยานั้นให้กับทุกคน จากนั้นก็พูดออกมาว่า “สำหรับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว ยาชนิดนี้แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
หลังจากที่แบ่งยาชูกำลังให้ทุกคนเสร็จแล้ว ฉินเฉิงก็หยิบยาอีกชนิดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเขา
ยานั้นก็คือ ยาบ่มเพาะจิตวิญญาณ
มันไม่เหมือนกับยาชูกำลัง ยาบ่มเพาะจิตวิญญาณสำหรับนักต่อสู้แล้วมันมีประโยชน์เป็นอย่างมาก
และทางด้านของเจ้าแห่งลมปราณหูกับเฝิงกงเห็นความพิเศษของยานี้ได้อย่างรวดเร็วและทั้งสองคนมีดวงตาที่ร้อนแรงและลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น
“คุณฉิน ยานี่…คุณไปเอามันมาจากที่ไหน?” เฝิงกงอดไม่ได้ที่จะถามมันออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ฉันเป็นคนทำมันขึ้นมาเอง” ฉินเฉิงตอบกลับไป
หลังจากนั้นเขาก็ส่งยานี้ให้กับเจ้าแห่งลมปราณหู เฝิงกงและคนอื่นๆ
หลังจากทานยาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและสดชื่นในทันที
“ยาชนิดนี้อาจจะไม่ได้มีผลอะไรมากมายกับด้านร่างกายของพวกนาย แต่สำหรับด้านพลังภายในแล้ว มันมีผลเป็นอย่างมาก ยาที่กินเข้าไปนั้นมันทำให้พวกนายทุกคนสามารถไปยังขั้นปรมาจารย์ได้” คำพูดที่ฉินเฉิงพูดออกมาทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก
ถ้าหากมียาชนิดนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถสร้างกองกำลังของตัวเองได้เลยไม่ใช่เหรอ?
“คุณฉิน คุณมียาชนิดนี้ขายอีกหรือไม่?” เฝิงกงถามออกมาทันที
ฉินเฉิงส่ายหน้า “ไม่มีขาย แต่พวกนายสามารถเอาวัตถุดิบทำยามาแลก แน่นอน ตราบใดที่พวกนายยังทำงานให้กับฉัน ฉันก็จะให้ยานี้กับพวกนายโดยธรรมชาติ”
“ได้เลย ได้เลยครับ!” ดวงตาของเฝิงกงและคนอื่นๆมีเปลวไฟติดขึ้นมาทันที สายตาที่พวกเขามองมาที่ฉินเฉิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ชายหนุ่มคนนี้…ไม่ใช่แค่คนที่มีพรสวรรค์ทางด้านวรยุทธ แต่ยังเป็นหมอยาที่เก่งกาจอีกด้วย! อายุเพียงแค่นี้ เขาทำได้อย่างไร?
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฉินเฉิงยังคงอยู่ที่มณฑลเหมยต่อไป ทุกวันเขาจะพาครอบครัวของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าออกไปเที่ยวเล่นเพื่อหาความสุข
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาก็มาถึงวันที่สิบของเดือนมกราคม
ในวันนี้เซียงเหม่ยเอ๋อโทรมาหาฉินเฉิง
เธอพูดออกมาในสายว่า “เจ้าแห่งโอสถอีกไม่นานก็จะออกมาแล้ว เท่าที่ฉันรู้มา มีคนที่มีจุดประสงค์เดียวกันส่งปรมาจารญ์มาที่ปีนังหลานสิบคนแล้ว และก็ตระกูลซู…พวกเขาก็ส่งปรมาจารย์มาสองคน”
“โอเคฉันรู้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะกลับไป” ฉินเฉิงตอบกลับไป
หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็หันมาพูดกับพ่อแม่ของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าว่า “คุณลุงคุณป้า ฉันกับเสียวเหม่ยต้องกลับกันแล้ว ไว้มีเวลาฉันจะมาเยี่ยมใหม่”
“ไม่เป็นไร พวกลูกไปทำงานเถอะ ไว้มีเวลาค่อยมาเที่ยวใหม่”
วันรุ่งขึ้นฉินเฉิงกับชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็เดินทางกลับมาที่ปีนัง
เจ้าแห่งโอสถนี้ดึงดูดตระกูลดังๆไม่น้อย และผลของตัวยาเองก็ดีมาก ดังนั้นฉินเฉิงไม่มีทางที่จะยอมแพ้
ขณะเดียวกัน ฉินเฉิงก็ตัดสินในแน่วแน่ คราวนี้ต้องเป็นปรมาจารย์ของตระกูลซูให้ได้ มาถึงจุดนี้ไม่มีทางถอยกลับแน่ๆ