ฉินเฉิงหยิบบัตรธนาคารยื่นให้ในมือของฉูเป่ยชวน
“ไม่มีรหัส” ฉินเฉิงพูดออกไป
ฉูเป่ยชวนก้มหน้าขอบคุณ จากนั้นเขาก็เดินลงเขาไปทันที
ในระหว่างทางฉูเป่ยชวนดูเร่งรีบมาก ราวกับว่าเขามีเรื่องอะไรที่เร่งรีบ
และเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าฉินเฉิงกำลังแอบตามเขามาอยู่
และที่หมายของฉูเป่ยชวนก็คือโรงเรียนสาธิต
โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนมัธยมที่โด่งดังที่สุดในปีนัง ค่าเล่าเรียนที่นี่ว่ากันว่าสูงมาก ว่ากันว่าประมาณปีละ 100000 หยวน!
ฉูเป่ยชวนรีบวิ่งไปที่หน้าประตูอย่างสุดแรงเกิด และในตอนที่เขาไปถึงหน้าประตูก็มีเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 16-17 ปีที่มีรูปลักษณ์ที่บริสุทธิ์ กำลังหยิกมุมเสื้อผ้าอยู่ที่หน้าประตู
และข้างๆของเธอก็มีชายคนหนึ่งและคุณครูอีกสองสามคน
“ขอโทษครับ ผมเป็นพี่ชายของฉูเสี่ยงจิง” ฉูเป่ยชวนเดินเข้าไปยิ้มออกมาอย่างรู้สึกผิด
“พี่….” ฉูเสี่ยงจิงกระโดดเข้ามากอดฉูเป่ยชวนทันที
“ทำไมนายวิ่งมาหละ? หรือว่าไม่มีรถ?” ในตอนนั้นผู้หญิงอ้วนคนหนึ่งพูดออกมาอย่างดูถูก
ส่วนทางด้านของฉูเป่ยชวนที่ผอมโทรมพูดออกมาด้วยท่าทางถ่อมตน “ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ผู้หญิงอ้วนคนนั้นชี้มาที่ฉูเสี่ยงจิงและต่อว่าออกมา “น้องสาวของนายกัดแขนของลูกชายฉัน แถมยังเอาหนังสือฟาดไปศีรษะของลูกชายฉันด้วย! ถ้าหากสมองของลูกชายฉันได้รับการกระทบกระเทือนจะว่าอย่างไง? ลูกชายของฉันอยากจะเข้าเรียนที่มหาลัยปักกิ่ง! นายมีปัญญารับผิดชอบไหม!”
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงอ้วนคนนั้น ฉูเป่ยชวนก็ตอบกลับไปด้วยท่าทีที่สุภาพ “ขอโทษครับ พวกเราจะชดใช้มัน…..”
“ชดใช้? นายมีปัญญามาชดใช้หรอ?” ผู้หญิงอ้วนด่าออกมา
ลูกชายของเธอที่อยู่ข้างๆพูดออกมาว่า “ใช่! นายอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ฉูเสี่ยงจิงเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่ เงินที่เป็นค่าเล่าเรียนก็เป็นเงินที่นายเป็นคนไปทำงานหามา แล้วนายจะเอาปัญญาที่ไหนมาชดใช้พวกเรา?”
สีหน้าของฉูเป่ยชวนน่าเกลียดลงทันที เขากอดน้องสาวของเขาไว้แน่น กัดฟันและพูดออกมาว่า “งั้นพวกคุณคิดจะเอายังไง?”
“เอายังไง? ให้ลูกชายของฉันทุบหัวของน้องสาวนายจนแตก เรื่องนี้ก็จบ!” หญิงอ้วนพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง
“พี่….” ฉูเสี่ยงจิงตกใจ เธอกอดเอวของฉูเป่ยชวนอย่างแน่น
“ผู้ปกครองของเสวี่ยกุ้ย วันนี้พวกเรามาจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น หวังว่าคุณจะสงบสติอารมณ์มากกว่านี้” ในตอนนั้นอาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆพูดออกมา
หญิงอ้วนมองไปที่เธอและพูดออกมาว่า “อาจารย์จาง ตอนนี้พวกเราไม่ได้กำลังจัดการปัญญาอยู่อย่างนั้นเหรอ? และฉันไม่สงบสติอารมณ์ตรงไหน? เธออย่ามาพูดแทนเด็กคนนี้!”
อาจารย์จางขมวดคิ้วและพูดออกมา “ผู้ปกครองของเสวี่ยกุ้ย รบกวนช่วยระมัดระวังคำพูดด้วย อย่าทำให้เด็กๆตกใจ”
“ฉันจะพูดแบบนี้แล้วจะทำไม? เธอไม่พอใจ?” หญิงอ้วนหัวเราะและพูดออกมา “สามีของฉันเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ อยากจะลองคุยกับเขาสักหน่อยไหมหละ?”
สีหน้าของอาจารย์จางเปลี่ยนไปทันที เธอเคยได้ยินภูมิหลังของผู้ปกครองของเสวี่ยกุ้ย มาบ้าง
แต่อาจารย์จางเธอเพิ่งจะจมมาทำงานได้ไม่นาน เธอยังไม่เคยถูกปนเปื้อนด้วยความคิดสกปรก ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้ ความคิดแรกของเธอคือการรักษาความยุติธรรม
“ไม่ว่าสามีของคุณจะพูดยัวไว พวกเราก็ต้องว่ากันไปตามเหตุผล ทำตามขั้นตอนที่มี” อาจารย์จางพูดออกไปย่างหนักแน่น
“เหอะ นางบ้า ไร้ยางอาย!” หญิงอ้วนด่าออกมา “รอฉันเดี๋ยว เดี๋ยวฉันจะบอกสามีของฉันให้ไล่เธอออกเดี๋ยวนี้เลย!”
“เดี๋ยวก่อน!” ตอนนั้นจู่ๆฉูเป่ยชวนก็พูดขึ้นมา
เขากัดฟันและพูดว่า “คุณอย่าเพิ่งอารมณ์เสีย ทำร้ายผมแทนก้ได้ ผมจะรับผิดชอบแทนน้องของผมเอง ได้ไหม?”
“นายไม่ต้องไปกลัวเธอ นี่เป็นสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมาย!” อาจารย์จางพูดออกมา “ตามที่ฉันรู้ ผู้ปกครองของเสวี่ยกุ้ย เป็นคนไปหาเรื่องฉูเสี่ยงจิงก่อน แต่ที่จริงคนที่ต้องรับผิดชอบก็คือลูกชายของคุณ!”
“โอ้ย นังตัวแสบ ฉันว่าเธอคงไม่อยากจะอยู่อย่างมีความสุขเสียแล้วหละ!” พูดจบหญิงอ้วนก็ยกมือจะไปตบที่หน้าของอาจารย์จาง
ในตอนนี้ฉูเป่ยชวนก็คว้ามือของหญิงอ้วนคนนั้นทันที
ด้วยสถานะของเขาในตอนนี้ เขาคือคนที่แข็งแกร่งแต่ฐานะทางบ้านยากจน การที่จะจัดการกับหญิงอ้วนคนนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
แต่ฉูเป่ยชวนก็ไม่ได้ทำอะไร เขาแค่จับแขนของหญิงอ้วนเอาไว้เฉยๆ
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ คุณมีเรื่องอะไร มาลงกับผมก็พอ” ฉูเป่ยชวนพูดออกไป
“นายคิดว่าฉันไม่กล้าอย่างนั้นเหรอ?” หญิงอ้วนโกรธมากที่ฉูเป่ยชวนห้ามเธอเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงยกมืออีกข้างหนึ่งของเธอขึ้นมาและตบไปที่ใบหน้าของฉูเป่ยชวน!
“พี่…” ฉูเสี่ยงจิงร้องไห้ออกมาทันที
ฉูเป่ยชวนหัวเราะและพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วงพี่”
“พี่จะบอกนายเอาไว้ว่านายไม่มีทางหนีรอดแน่!” หญิงอ้วนพูดออกมาไม่หยุด “เรื่องนี้มันยังไม่จบ!”
“ลูก จัดการมันเลย!” หญิงอ้วนพูดกับลูกชายของเธอ
ลูกชายของเธอเสวี่ยกุ้ย พับแขนเสื้อ ไม่พูดอะไรสักคำ พุ่งเข้าหาฉูเป่ยชวนทันที
และในตอนนั้นจู่ๆก็มีร่างของใครคนหนึ่งปรากฎออกมา เขาเตะไปที่ห้องของเสวี่ยกุ้ย
ถึงแม้ว่าเขาจะใช้พลังน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วก็ตาม แต่ลูกเตะของเขาก็ทำให้เสวี่ยกุ้ย กระเด็นออกไปไกล
ฉินเฉิงหันไปมองที่เสวี่ยกุ้ย แล้วพูดออกมาว่า “เขาบอกว่าจะชดใช้ แล้วทำไมถึงยังไม่หยุด?”
“นายกล้าทำร้ายลูกชายของฉัน?!” หญิงอ้วนรีบพุ่งเข้าหาฉินเฉิงราวกับหมูอ้วนที่วิ่งพล่าน
ฉินเฉิงยกมือของเขาขึ้นและตบไปที่ให้หน้าของหญิงอ้วน เธอเกือบจะล้มไปทันที
“นาย…นายกล้าทำร้ายฉัน?” ดวงตาของผู้หญิงอ้วนเบิกกว้าง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความน่าเหลือเชื่อ
ฉินเฉิงไม่ได้สนใจเธอ เขาหันมามองที่อาจารย์จางแล้วพูดว่า “อาจารย์จาง คุณกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวเรื่องนี้พวกเราจัดการเอง”
อาจารย์จางขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกผิด
ฉินเฉิงหัวเราะและพูดออกมาว่า “วางใจเถอะ เดี๋ยวพวกเราคุยกันเอง”
อาจารย์จางพยักหน้า และกำลังเตรียมที่จะเดินออกไป
“ยัยตัวดี เธอรอโดนไล่ออกได้เลย!” หญิงอ้วนพูดออกมา
“คุณจะไม่โดนไล่ออก” ฉินเฉิงพูดออกมา “กลับไปบอกหัวหน้าของคุณว่า ฉินเฉิงเป็นคนพูด”
อาจารย์จางไม่ได้พูดอะไร เธอเดินกลับเข้าไปในโรงเรียน
หลังจากนั้นฉินเฉิงก็เหลือบตาของเขาไปมองผู้หญิงอ้วน และพูดออกมาว่า “ลูกชายของคุณทำร้ายน้องสาวของเพื่อนผม แถมยังหน้าด้านไปฟ้องคุณอีก แบบนี้มันไม่หน้าไม่อายไปหน่อยเหรอ?”
หญิงอ้วนพูดออกมาว่า “นายพูดให้มันน้อยๆหน่อย บนโลกนี้มันก็เป็นแบบนี้ พวกฉันมีอำนาจ มีเงินทอง ส่วนเด็กคนนั้นเป็นคนลูกที่ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีที่อยู่ จะเอาอะไรมาเทียบกับพวกเรา? และอีกอย่าง แค่ลูกชายของฉันชายตามองเธอก็ถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว! ใครจะไปรู้เธออาจจะจงใจอ่อนลูกชายของฉันก็ได้!”
“พูดจาชั่วช้าจริงๆ!” ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้น ยกมือและตบไปที่ปากของเธอ
ฟันของเธอหล่นลงไปที่พื้น เลือดกบปาก
เสวี่ยกุ้ย ตัวสั่นฉี่ราดกางเกง ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“นายรอฉันก่อน ฉันจะโทรไปหาสามีของฉันเดี๋ยวนี้!” หญิงอ้วนดาออกมาพร้อมกับชี้ไปที่จมูกของฉินเฉิง