ฉินเฉิงตอบตกลงและพูดว่า “ฉันจะกลับไปในทันที”
ที่ด้านล่างของภูเขาหลงไห่ คนสองคนก็เดินลงมาจากรถเอสยูวี
“ผู้บัญชาการกั๋ว เด็กคนนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอ? คุณถึงต้องมาเชิญเค้าด้วยตัวเองเลย” ชายผมสั้นหน้าเหลี่ยมก็พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ชายวัยกลางคนที่รู้จักกันในชื่อผู้บัญชาการกั๋วก็โบกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า: “ฉันมาหาเค้าด้วยตัวเอง ถ้าเค้ายังจะปฎิเสธอีก ก็คงจะไม่ได้ โอกาสแบบนี้มันไม่ได้หาได้ง่ายๆนะ เสี่ยวหยู่ การมีมารยาทมันก็ไม่ได้มากเกินไปหรอก”
เสี่ยวหยู่ก็พยักหน้าและพูดว่า: “ผู้บัญชาการกั๋วนี่มีมารยาทมากเลยนะครับ เสี่ยวหยู่ชื่นชม!”
ผู้บัญชาการกั๋วก็ยิ้มและพูดว่า: “ฉันได้ยินมาว่าเฝิงกงเองก็ยังต้องแพ้เค้า ฉันต้องการคนที่แข็งแกร่ง การมีเค้าอยู่ในสำนักงานความมั่นคงมันจะต้องเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน”
สำนักงานความมั่นคงเองก็มีคนที่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้อยู่มากมาย แต่พวกนักศิลปะการต่อสู้แล้วหน้ากลับไม่มีอยู่เลย
พวกเค้าส่วนใหญ่มักชอบอิสระแล้วก็ไม่ชอบการผูกมัดอะไร
“ฉันได้ยินมาว่าในวันนั้นนายท่านซูก็อยู่ที่นั่นด้วย” เสี่ยวหยู่ก็พูดขึ้นมาว่า “มันจะมีปัจจัยอื่นอีกไหม ใครจะไปรู้”
“หลังจากเจอกันแล้ว มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว” ผู้บัญชาการกั๋วก็โบกมือของเค้าขึ้นมา
ยี่สิบนาทีต่อมา ฉินเฉิงก็ขับรถกลับมาถึงที่ภูเขาหลงไห่
“พวกเรารอคุณมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมถึงได้ช้ากันขนาดนี้?” เสี่ยวหยู่ก็ลุกขึ้นมาแล้วพูด
ก่อนที่ฉินเฉิงจะพูดอะไรออกมา ฉูเป่ยชวนที่อยู่ด้านข้างก็บ่นขึ้นมาว่า: “เห็นพวกเราบินกลับมาอย่างงั้นเหรอ? มันจะไปทันทีได้ยังไงกัน? อย่างงั้นนายก็เอาเครื่องบินมารับพวกเราสิ?”
“กล้ามาก!” ทันใดนั้นเอง เสี่ยวหยู่ก็โกรธขึ้นมา
“เสี่ยวหยู่!” ผู้บัญชาการกั๋วก็รีบดุขึ้นมา เค้าลุกขึ้นยิ้มแล้วพูดว่า: “ฉินเฉิง เสี่ยวหยู่เค้าก็เป็นคนแบบนี้แหละ อย่าไปสนใจเค้าเลย”
ฉินเฉิงโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ผมไม่ถือสาหรอก”
ผู้บัญชาการกั๋วพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันกั๋วคางหรง จากสำนักงานความมั่นคงเมืองเจียง ชื่อของเธอมันดังมากในเมืองเจียงนะ!”
“คุณกั๋วเองก็ดังมาก” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างสุภาพ
“นี่คือผู้บัญชาการของสำนักงานความมั่นคงของเรา!” เสี่ยวหยู่ที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นมา
เมื่อฉินเฉิงได้ยิน เค้าพยักหน้าทันที: “ผมเคยเจอผู้บัญชาการกั๋วมาก่อน”
ผู้บัญชาการกั๋วพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “งั้นฉันจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยก็แล้วกัน ครั้งนี้ฉันมาที่นี่ก็เพื่อมาเชิญเธอไปที่สำนักงานความมั่นคงของเรา”
ฉินเฉิงก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี: “ผู้บัญชาการกั๋ว อันที่จริงผมเองก็ไม่อยากจะทำแบบนี้เลย ผมเคยชินกับการเป็นอิสระ ส่วนสำนักงานความมั่นคงนั่น ผมก็ไม่ได้สนใจมันเลยซักนิด”
“แกกำลังปฎิเสธผู้บัญชาการกั๋วอย่างงั้นเหรอ?” เสี่ยวหยู่ก็ด่าขึ้นมา
“มันเกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ?” กับท่าทีที่จองหองของเสี่ยวหยู่ ฉินเฉิงก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ผู้บัญชาการกั๋วก็โบกมือขึ้นมา
เค้ายิ้มขึ้นมาแล้วพูดว่า: “เธอวางใจได้เลย สำนักงานความมั่นคงจะไม่จำกัดอิสระภาพของนายอย่างแน่นอน แต่เราจะจ้างเธอไปเป็นนักสู้ของสำนักงานความมั่นคงแล้วก็นำทีมอย่างอิสระ ทุกเดือนเข้าไปที่นั่นแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว”
“นี่…” ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ในตอนนี้เอง เค้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องปฎิเสธยังไงดี
“ไอ่เด็กน้อย นี่แกยังไม่เห็นตอบตกลงอีกเหรอ?” เสี่ยวหยู่ก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา “แม้แต่เย่อซิงยุนเอง เค้ายังไม่เบ่งกล้ามวางอำนาจเท่าแกเลย!”
“เย่อซิงยุน ก็คือเย่อซิงยุน ฉัน ก็คือฉัน เค้ามาเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
เสี่ยวหยู่ก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า “แกคิดว่าฉันกลัวแกอย่างงั้นเหรอ? หากแกมีพรสวรรค์จริงๆ ทำไมแกถึงไม่กล้าไปที่สำนักงานความมั่นคงหละ?”
“พรสวรรค์?” ฉินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“ใช่แล้ว! มีข่าวลือว่าแกเป็นเจ้าแห่งพลังปราณ แต่น่าเสียดายที่ฉันเองก็เป็นเจ้าแห่งพลังปราณเหมือนกัน” เสี่ยวหยู่ก็พูดขึ้นมาว่า “ทำไมเราไม่มาลองฝีมือดูหละ? ฉันเองก็อยากจะรู้ว่าแกจะแน่ซักแค่ไหนกันเชียว!”
ฉินเฉิงส่ายหัวขึ้นมาแล้วพูดว่า: “นายไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะมาเทียบฉัน”
“อะไรนะ?!” เสี่ยวหยู่ก็จ้องไปที่ฉินเฉิงในทันที
ในทางกลับกัน ผู้บัญชาการกั๋ว เค้ากลับไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ มันดูเหมือนกับว่าเค้าจะเห็นด้วยกับสิ่งนี้
“ไม่กล้าสินะ!” เสี่ยวหยู่ก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
ฉินเฉิงเหล่มองแล้วพูดว่า “ความสามารถของนาย มันเทียบกับตระกูลซูที่เมืองจิงตู ซูอี้ซิ่วได้แล้วอย่างงั้นเหรอ?”
“ซูอี้ซิ่ว?” สีหน้าของเสี่ยวหยู่กับผู้บัญชาการกั๋วก็ซีดไปพร้อมๆกัน
“ซูอี้ซิ่วเป็นศิษย์ของศิลปะการต่อสู้ของตระกูลซู ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้เค้าก็ก้าวมาถึงขั้นเจ้าแห่งพลังปราณ ฉันจะไปสู้อะไรกับเค้าได้” เสี่ยวหยู่ก็พูดขึ้นมา “แต่เค้าเกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”
ฉินเฉิงก็หัวเราะขึ้นมา: “ซูอี้ซิ่วตายแล้ว นายรู้ไหม?”
“ตายแล้ว?” คราวนี้ผู้บัญชาการกั๋วก็ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ “คนที่มีชื่อเสียงที่คอยปกป้องตระกูลซูอย่างเค้า เค้าจะมาตายได้ยังไงกัน? ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะของเค้ามันก็ไม่ง่ายเลย เค้าสามารถฆ่าคนได้อย่างง่ายดาย”
ฉินเฉิงชี้ไปที่หน้าของเค้าแล้วพูดว่า “ฉันฆ่ามันเอง”
“ฮ่าๆๆๆๆ อวดดี!” เสี่ยวหยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วหัวเราะเสียงดัง “แกคิดว่าแกเป็นเจ้าแห่งพลังปราณหรือยังไงกัน อย่าแกมันจะไปเก่งกว่าซูอี้ซิ่วได้ยังไงกัน!”
ผู้บัญชาการกั๋วก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ทุกคนต่างก็บอกว่าฉินเฉิงเค้าเป็นคนที่ถ่อมตัว วันนี้มันไม่เป็นอย่างงั้นเลย ตรงกันข้ามเค้าเป็นคนที่เย่อหยิ่งเป็นอย่างมาก
ฉินเฉิงแสดงสีหน้าเฉยเมยและพูดต่อ: “ผู้อาวุโสจงหยวนโหยว ไม่รู้ว่านายจะเคยได้ยินมาก่อนไหม?”
“ผู้อาวุโสโหยว?” สีหน้าของผู้บัญชาการกั๋วก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เค้าก็พูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม: “สำนักงานความมั่นคงเชิญเค้ามาแล้ว แต่ถูกปฏิเสธ”
“ก่อนหน้านี้ไม่นานก็โดนฉันฆ่าไปแล้ว” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาเบาๆ
คราวนี้เสี่ยวหยู่ก็ยิ่งชอบ เค้าหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา: “แกไม่รู้เหรอ ผู้อาวุโสโหยวเค้าตายไปก่อนหน้านี้ตั้งหลายปีแล้ว? ทำไม แกขุดศพเค้าขึ้นมาจากหลุมแล้วเฆี่ยนตีเค้าอย่างงั้นเหรอ?”
ผู้บัญชาการกั๋วก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉินเฉิง เธอเป็นอัจฉริยะที่หายาก ไม่เห็นจะต้องทำตัวโม้เกินจริงอย่างงี้เลย”
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่เค้าแล้วพูดว่า “ผู้บัญชาการกั๋วไม่เชื่ออย่างงั้นเหรอ?”
“บอกตามตรง ฉันไม่เชื่อ” ผู้บัญชาการกั๋วก็พยักหน้า “อย่าพูดถึงผู้อาวุโสโหยว มาพูดถึงซูอี้ซิ่ว ถ้าเธอฆ่าเค้า ตระกูลซูจะปล่อยเธอไปอย่างงั้นเหรอ?”
“ข่าวมันอาจจะยังไปไม่ถึงพวกเค้า” ฉินเฉิงก็พพูดขึ้นมา
เสี่ยวหยู่ก็พูดขึ้นมาอย่างไม่อดทน: “แกนี้มันขี้โม้ซะจริงๆเลย ทำไมถึงได้เอาแต่พูดเรื่องไร้สาระเยอะขนาดนี้?”
“เอาหละ” ฉินเฉิงก็พยักหน้าขึ้นมา “แต่ฉันมีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง ถ้าฉันชนะภายในกระบวนท่าเดียว สำนักงานความมั่นคงเมืองเจียงจะต้องไม่มาหาฉันอีก”
“ในกระบวนท่าเดียว?” เสี่ยวหยู่ก็หัวเราะขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “แกอาจจะยังไม่รู้ในตอนนั้นเย่อชิงยุนก็ทิ้งเทคนิคเพาะกายไว้ให้กับสำนักงานความมั่นคงเมืองเจียง?”
“เกี่ยวอะไรกับฉัน” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“ฮ่าฮ่า ฉันได้ฝึกฝนเทคนิคการเพาะกายนี้จนมาถึงระดับสูงสุดแล้ว ร่างกายของฉันมันก็เปรียบได้กับเหล็ก! การที่จะเอาชนะฉันในกระบวนท่าเดียว มันก็แค่ความฝันที่งี่เง่า!” เสี่ยวหยู่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา
ฉินเฉิงไม่สนใจที่จะคุยกับเค้าเลย ฉินเฉิงมองไปที่ผู้บัญชาการกั๋วแล้วพูดว่า “ผู้บัญชาการกั๋ว คุณโอเคไหม?”
ผู้บัญชาการกั๋วก็คิดอยู่ซักพักแล้วพูดว่า “เอาสิแล้วถ้าเธอไม่สามารถเอาชนะในกระบวนท่าเดียวล่ะ?”
“งั้นผมก็จะไปกับคุณ” ฉินเฉินก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“เอาสิ!” ผู้บัญชาการกั๋วก็มีความหวังขึ้นมาในทันทีแล้วพูดว่า “เสี่ยวหยู่!”
“ครับ!” เสี่ยวหยู่ถูหมัดของเค้า เค้ายืนต่อหน้าฉินเฉิงแล้วพูดเยาะเย้ย: “มาเถอะ เรามาหาที่โล่งกัน”
“ไม่ต้องหรอก การจะจัดการกับนาย ฉันนั่งลงที่นี่ก็พอแล้ว” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“จองหอง!” เสี่ยวหยู่ก็ตะโกนออกมา กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเค้ามันก็กระชับขึ้นมาในทันทีแล้วเค้าก็ซัดหมัดเข้ามาที่หัวของฉินเฉิง!
ฉินเฉิงไม่ขยับ เค้านั่งนิ่งอยู่ที่เดิมแล้วยกมือขึ้นมา จากนั้นเสี่ยวหยู่ก็กระเด็นออกไปในทันที!