ที่เมืองปีนัง
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉินเฉิงได้นำวัตถุดิบจำนวนมากออกมาจากโกดังของจินฮู่
เค้าแยกการกลั่นวัตถุดิบเหล่านี้ออกเป็นยาเม็ดขนาดเล็กจำนวนมาก ยารักษาอาการฟกช้ำและยาบ่มเพาะจิตวิญญาณอีกเล็กน้อย
ยาบ่มเพาะจิตวิญญาณถูกมอบให้กับฉูเป่ยชวน ยารักษาอาการฟกช้ำนั้น เค้าก็มอบมันให้กับชายที่มีแผลเป็นที่หน้า ส่วนยาเม็ดที่เหลือเค้าก็จะเอามันไปขาย
หลังจากทำแบบนี้แล้ว ฉินเฉิงก็ลุกขึ้นแล้วพูดเสียงเบาๆขึ้นมาว่า: “ตอนนี้ก็น่าจะได้เวลาไปที่เมืองซวนหมิงแล้วสินะ”
เค้ากดโทรศัพท์โทรหาเฝิงกงและถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “นายรู้เรื่องตำแหน่งที่อยู่ของเมิงซวนหมิงไหม?”
เฝิงกงผงะแล้วรีบพูดขึ้นมาว่า: “ผมรู้ครับ ผมเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง”
“พรุ่งนี้เช้าไปกับฉันหน่อย” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา
เฝิงกงไม่กล้าปฏิเสธ เค้ารับตอบตกลงอย่างรวดเร็ว: “ได้ครับ ผมจะรีบไปที่เมืองปีนังในทันที!”
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เฝิงกงก็มาที่เมืองปีนังแต่เช้าตรู่
ในตอนที่เค้ายืนอยู่ตรงหน้าฉินเฉิง เค้าก็ตัวสั่น: “คุณฉิน ผมจองตั๋วไปเมืองซีหนานยุนแล้ว อีกสองชั่วโมงก็จะบินแล้วครับ”
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเสียเวลา เราไปกันเถอะ”
หลังจากพูดกับชายที่มีแผลเป็นที่หน้าแล้ว ฉินเฉิงกับเฝิงกงก็รีบไปที่สนามบินในทันที
มันมีเที่ยวบินจากเมืองปีนังไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ไม่มากนัก มันมีเพียงเที่ยวเดียวเท่านั้น ในช่วงหลายปีมานี้ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ไปเที่ยวที่นั่น แบบนี้เอง เที่ยวบินมันก็เลยอัดแน่นไปด้วยผู้โดยสาร
เฝิงกงจองตั๋วชั้นหนึ่ง ดังนั้นที่นั่งมันก็เลยค่อนข้างกว้างขวาง
หลังจากเข้าไปนั่งได้สักพัก ก็มีวัยรุ่นหญิงสองคนที่มานั่งข้างฉินเฉิง
“เอ่อ มีคนอยู่ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ฉินเฉิงเงียบ เห็นได้ชัดว่าเที่ยวบินนี้มันมาจอดพักเครื่องที่เมืองปีนังระหว่างทางเท่านั้นแล้วสองคนนี้ก็ไม่ได้ขึ้นเครื่องมาจากเมืองปีนัง
ฉินเฉิงหลับตาลงเล็กน้อยแ เค้าหลับตาลงเพื่อทำให้จิตใจสงบ
ในตอนนี้เอง ที่ทุ่งน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือ
ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น ทักษะของซูวานก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เธอไม่มีคราบของความเป็นมนุษย์แล้ว เธอก็เป็นเหมือนกับนางฟ้าที่ลงมายังโลกมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
“ฉับ!”
นิ้วที่เรียวยาวของซูวานก็เลื่อนไปข้างหน้า เธอก็สับหมีขั้วโลกตัวโตที่อยู่ตรงหน้าเธอออกเป็นสองส่วน
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเลือด มันไม่มีการแสดงออกของความปราณีอะไรเลย สีหน้าที่เย็นชาของเธอมันดูราวกับเภูเขาน้ำแข็ง มันทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัวเมื่อเข้าใกล้
ชายชรามองไปที่ซูวานแล้วพยักหน้าเล็กน้อย
เค้าถอนหายใจออกมา: “เธอเป็นคนที่ฉันกำลังมองหาจริงๆ”
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ชายชราก็พูดประโยคนี้ขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่านับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่ซูวานถาม เค้าก็จะหัวเราะและไม่พูดอะไร
เมื่อเวลาผ่านไป ซูวานก็ไม่แปลกใจอะไรเลย
“ทุ่งน้ำแข็งที่ขั่วโลกนี้ มันน่าจะเป็นจุดสุดท้ายของการเดินทางในชีวิตของฉัน” ทันใดนั้นเอง ชายชราก็ถอนหายใจออกมา
เวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน เค้าก็ดูเหมือนว่าจะแก่ขึ้นหลายปี
“คุณกำลังจะตายอย่างงั้นเหรอ?” ซูวานก็ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชายชราลูบเคราของเค้า เค้ายิ้มแล้วก็ไม่ตอบคำถาม
เค้าก็โบกมือขึ้นมา: “มาเถอะ โจมตีฉันด้วยกำลังมากที่สุดเท่าที่เธอมี”
“จริงเหรอ?” ซูวานขมวดคิ้วขึ้นมา ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของซูวานก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากคนธรรมดาสู่เจ้าแห่งพลังปราณขั้นสุดยอดภายในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น!
ความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวนี้เอง นอกจากฉินเฉิงแล้ว เกรงว่าในโลกนี้มันไม่น่าจะมีใครทำแบบนี้ได้แล้ว!
“เข้ามา พยายามโจมตีให้ดีที่สุด” ชายชราก็กวักมือเรียกเล็กน้อย
ซูวานไม่ลังเลอีกต่อไป เธอตบฝ่ามือของเธอแล้วพลังปราณของเธอก็ปะทุขึ้น ภูเขาน้ำแข็งที่อยู่รายรอบเธอก็คำรามออกมาในทันที เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วนลอยวนขึ้นมารอบตัวซูวาน!
“ตูม!”
ฝ่ามือที่เหมือนหยกนั้นมันก็เข้ามาใกล้ชายชรา ชายชราไม่ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่มองเข้าไปในแววตาของเค้า มันก็สามารถจัดการท่าทีสังหารอันน่าสยดสยองนี้ได้!
“ก้าวขึ้นไปอีกขั้นแล้วสินะ” ชายชราก็พยักหน้าขึ้นมา
ซูวานไม่แสดงสีหน้าอะไรมาก มันดูราวกับว่าเธอรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่ามันจะต้องออกมาเป็นแบบนี้
ชายชราค่อยๆลุกขึ้นมาจากน้ำแข็ง เค้ายืนบนฝั่งแล้วกระซิบขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “คนของตระกูลซูนี่ไหวพริบดีจริงๆ เวลาเพียงแค่แปปเดียวเท่านั้นเอง”
…
เครื่องบินขึ้นไปที่ระดับความสูง ฉินเฉิงก็หลับตาลงราวกับว่าเค้ากำลังหลับอยู่
“พี่ชาย พี่เองก็จะไปที่เมืองเหม่ยเหรอ?” เด็กสาวที่นั่งที่แถวหน้าของฉินเฉิงก็หันกลับมาแล้วถาม
ฉินเฉิงลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย เค้ามองไปที่เฝิงกงโดยไม่รู้ตัว
เฝิงกงพยักหน้าอย่างเร็วและพูดว่า “ใช่แล้ว”
“ลูกกตัญญูจริงๆเลย พาพ่อไปเที่ยวสินะ” ชายหนุ่มคนนั้นก็ถอนหายใจออกมา
เมื่อเฝิงกงได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเค้าก็เปลี่ยนไปในทันที เค้ารีบพูดขึ้นมาว่า: “ฉัน…ฉันไม่ใช่พ่อของเค้า เธอเข้าใจผิดแล้วหละ”
“พอแล้ว เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว!” หญิงสาวก็ขัดจังหวะชายหนุ่มขึ้นมา
เธอยิ้มและพูดกับฉินเฉิงว่า: “ฉันชื่อเซินอี้เมิ้ง นี่คือเพื่อนแล้วก็ยังเป็นบอดี้การ์ดของฉัน! เค้าเป็นปรมาจารย์นะ! ดูเหมือนว่าจะเป็นพลังปราณ…”
“เจ้าแห่งพลังปราณ” ชายหนุ่มก็พูดขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งเล็กน้อย
“ใช่แล้ว พ่อของฉันบอกว่าเจ้าแห่งพลังปราณนั้นเก่งกาจมากเลยนะ!” เซินอี้เมิ้งพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่สิ ยังไงก็ตาม พวกเราก็ไปที่เมืองเหม่ยด้วยกันสิ? ฉันได้ยินมาว่าที่เมืองเหม่ยเค้ามีอาจารย์อยู่คนหนึ่ง ดูดวงแม่นมาก พวกนายจะไปดูด้วยกันไหม?”
ฉินเฉิงกำลังจะปฏิเสธ เมื่อเฟิงกงอยู่ข้าง ๆ กระซิบ: “อาจารย์ที่เขาพูดควรจะเป็นผู้อาวุโสจากวังซวนหมิง”
“ผู้อาวุโสของเมืองซวนหมิง?” ฉินเฉิงก็ประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย “เมืองซวนหมิงทำธุรกิจอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“ใช่แล้ว” เฝิงกงก็ร้องอุทานขึ้นมา “ว่ากันว่าพวกเค้าใช้โอกาสนี้ในการคัดเลือกหญิงสาวสำหรับเมืองซวนหมิงเพื่อใช้ทำยารสายนเวทหรือการเล่นแร่แปรธาตุ”
ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมา เมืองซวนหมิงนี่มันหน้าไม่อายจริงๆเลย
“เอาสิ งั้นก็ไปด้วยกัน” ฉินเฉิงพูดกับเซินอี้เมิ้ง
เซินอี้เมิ้งก็พยักหน้าอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า: “เอาหละ! เดี๋ยวจะมีคนขับรถมารับฉัน งั้นนายก็ไปกับฉันหละกัน!”
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน บอดี้การ์ดของเซินอี้เมิ้งก็พูดขึ้นมาว่า: “พวกนายเองก็จะไปที่เมืองเหม่ยเพื่อไปตามหาอาจารย์คนนั้นอย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่” ฉินเฉิงพยักหน้า
บอดี้การ์ดก็มองไปที่เฝิงกง มันดูราวกับว่าเค้าสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเฝิงกง
เค้าถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “พี่ชาย นายเองก็รู้จักเมืองซวนหมิงอย่างงั้นเหรอ?”
“นายเองก็รู้จักเมืองซวนหมิงเหรอ?” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาด้วยท่าทีที่ประหลาดใจเล็กน้อย
บอดี้การ์ดก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก อันที่จริงจุดประสงค์หลักของการมาเที่ยวเมืองเหม่ยในครั้งนี้ก็คือเมืองซวนหมิง ว่ากันว่าผู้าอาวุโสของเมืองซวนหมิงรู้เรื่องดวงดาว ไม่เพียงเท่านั้น เค้ายังสามารถช่วยให้คนคืนชีพจากความตายได้อีกด้วย แต่สวรรค์กลับพลิกชะตากรรมของพวกเค้า! ยิ่งไปกว่านั้น พวกเค้ายังมีทักษะมากมายแล้วก็ยังสามารถเอาชีวิตผู้คนได้นับไม่ถ้วนอีกด้วย! มันคงจะดีไม่น้อยหากพวกเราได้เข้าร่วมกับเมืองซวนหมิง!”
ในตอนที่เค้าพูดออกมาแบบนี้เอง แววตาของเค้ามันก็เต็มไปด้วยความปรารถนา
ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา: “เมืองซวนหมิงมันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง ปรมาจารย์จอมปลอม มันไม่คู่ควรที่จะพูดถึงเลยด้วยซ้ำ”
สีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เค้าพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจว่า: “นายเองก็ไม่น่าจะเป็นศิลปะการต่อสู้อะไร แน่นอนนายก็คงจะไม่รู้สินะว่าเมืองซวนหมิงมันคืออะไรกัน!”
หลังจากพูดจบ เค้าก็หันหน้ากลับแล้วไม่สนใจฉินเฉิง
ฉินเฉิงขี้เกียจที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับเค้า ดังนั้นเค้าก็เลยหลับตาลงอีกครั้ง
เครื่องบินมาถึงที่เมืองเหม่ยอย่างรวดเร็ว หลังจากลงจากเครื่องแล้ว เซินอี้เมิ้งก็ถามขึ้นมาอย่างกระตือรือร้นว่า: “ไปกันเถอะ รถของเราอยู่ข้างนอกนั่น!”
ในตอนที่ฉินเฉิงกำลังจะเดินตามไปนี้เอง ทันใดนั้นเค้าก็มองเห็นร่างที่คุ้นเคย
คนนี้ไม่ใช่ใครอื่นเลย เค้าก็คือประธานชาที่พยายามหลอกลวงจี้หงเซินในวันนั้น!
“พวกเธอไปกันก่อนเลย” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา เค้าจ้องมองไปทางประธานชา
“อ๊า? นายจะไปไหนเหรอ?” เซินอี้เมิ้งก็ถามด้วยความงุนงง
ฉินเฉิงหรี่ตาแล้วพูดว่า “ไปทวงหนี้”