ฉินเฉิงรีบกระโดดขึ้นไปในอากาศพร้อมกับกำปั้นสีทองของเขาเพื่อที่จะจัดการกับรูปปั้นหินนี้ จากนั้นเขาก็ชกเข้าไปที่หน้าอกของปีศาจซวนทันที!
รูปปั้นหินแตกออกเป็นชิ้นเล็กๆ ความพยายามที่ผ่านมาหลายปีของพวกเขาไม่ได้ช่วยอะไรเลย
“ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกนายเชื่อมันจะไม่ค่อยเท่าไหร่เลย” ฉินเฉิงลงมายืนอยู่บนพื้นและพูดออกมา
สีหน้าของเหล่าผู้เฒ่าขาวซีด การกระทำนี้ทำให้เกิดบาดแผลในใจของพวกเขา
แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรทั้งนั้น ขนาดสิ่งที่เขาเชื่อมั่นเป็นอย่างมากยังหายไปในพริบตาได้ แล้วพวกเขาจะเอาปัญญาที่ไหนมาสู้?
“เจ้าหนุ่ม นายอย่าเข้ามานะ!”
ในตอนนั้นผู้เฒ่าคนหนึ่งจับเซินอี้เมิ้งเอาไว้เป็นตัวประกัน!
เขาใช้ฝ่ามือที่เหมือนกับกรงเล็บที่เหี่ยวแห้งจ่อไปที่คอของเซินอี้เมิ้ง!
เซินอี้เมิ้งกลัวเป็นอย่างมาก น้ำตาของเธอไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ปล่อยพวกเราไป ไม่อย่างนั้นเธอคนนี้ตาย!” ผู้เฒ่าคนนั้นพูดออกมา
ฉินเฉิงหัวเราะและพูดออกมาว่า “เธอจะตายหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ถ้านายอยากจะฆ่า ก็ฆ่าไปสิ”
“อย่ามาทำเป็นพูด” ผู้เฒ่าคนนั้นหัวเราะออกมา “นายหลอกฉันไม่ได้หรอก!”
“นายคิดว่าฉันกำลังหลอกนาย?” ฉินเฉิงหัวเราะออกมา “ฉันแนะนำให้นายรีบลงมือจะดีกว่า”
พูดจบฉินเฉิงก็พุ่งเข้าไปทันที
สีหน้าของผู้เฒ่าคนนั้นเปลี่ยนไป เขารีบถอยหลังและพูดว่า “นาย…นายอย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นฉันฆ่าเธอแน่!”
“จะฆ่าก็ฆ่าเลย ฉันแค่เคยเจอเธอผ่านเท่านั้น เธอจะเป็นหรือตายมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน” ฉินเฉิงพูดออกมา
ในระหว่างที่เขาพูดเขาก็ยกมือขึ้นฟาดไปที่ผู้เฒ่าอีกคนหนึ่ง
ศีรษะของผู้เฒ่าแตกทันที และจบชีวิตลงเดี๋ยวนั้น
“รีบลงมือสิ!”
เมื่อมีเสียงดังขึ้นผู้เฒ่าอีกคนก็ถูกฆ่าตาย!
ทุกครั้งที่ฉินเฉิงเคลื่อนไหวจะต้องมีผู้เฒ่าหนึ่งคนที่ต้องเสียชีวิต!
ผู้เฒ่าคนที่กำลังจับเซินอี้เมิ้งเป็นตัวประกันมีสีหน้าที่ดูไม่ได้ พลังในที่มือของเขาเพิ่มขึ้นทันที
จากนั้นเล็บของเขาก็ไปจิ้มที่คอของเซินอี้เมิ้งทันที มีเลือดไหลออกมาซิบๆ
น้ำตาของเซินอี้เมิ้งไหลออกมาไม่หยุด
เพียงไม่นาน สุดท้ายก็เหลือผู้เฒ่าคนนั้นเพียงคนเดียว
ฉินเฉิงเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าเขาและพูดออกมาว่า “ลงมือสิ”
ดูเหมือนว่าจิตใจของผู้เฒ่าจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาปล่อยเซินอี้เมิ้งทันที คุกเข่าลงบนพื้นและอ้อนวอนขอความเมตตา “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอร้อง ฉันยอมยก เมืองซวนหมิงให้กับนายเลย…”
“ฉันฆ่านาย ผลลัพธ์มันก็ออกมาเป็นเหมือนเดิม” มีรอยยิ้มปรากฎออกมาที่มุมปากของฉินเฉิง
วินาทีต่อมาเขาก็นำมือของเขาไปวางไว้บนศีรษะของผู้เฒ่าคนนั้น
ชั่วพริบตาร่างของผู้เฒ่าคนนั้นก็สูบลงไปทันที
ส่วนลูกศิษย์ของ เมืองซวนหมิง พวกเขารู้แล้วว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นดังนั้นพวกเขาจึงหนีออกไปตั้งแต่เมื่อวาน
ฉินเฉิงมองไปที่เหล่าผู้คนที่เหลืออยู่ โบกมือและพูดออกมาว่า “พวกเธอไปได้แล้ว”
ทุกคนคุกเข่าลงและกล่าวขอบคุณออกมา
บางคนถึงกับคิดว่าฉินเฉิงเป็นพระเจ้า จึงก้มหัวและบูชาอย่างไม่หยุดหย่อน
หลังจากที่ขับไล่ทุกคนออกไป เฝิงกงก็รีบขึ้นเขามา
แขนข้างหนึ่งของเขาถูกตัดขาด แต่ยังดีที่ห้ามเลือดเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นก็อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมาก
“คุณ…คุณฉิน” เฝิงกงพูดออกมา
ฉินเฉิงพยักหน้าจากนั้นเขาก็หันไปมองที่เซินอี้เมิ้ง
“ทำไม่เธอยังไม่ไป?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วและถามออกไป
เซินอี้เมิ้งอ้าปากราวกับว่ามีคำพูดอยู่ในใจเป็นพันๆคำ
เธอลังเลอยู่นาน และจู่เธอก็ถามออกมาว่า “เมื่อกี้นายรู้ใช่ไหมว่าเขาจะไม่ฆ่าฉัน?”
ฉินเฉิงส่ายหน้าและพูดออกมาว่า “เธอคิดมากเกินไปแล้ว เขาจะฆ่าหรือไม่ฆ่าเธอฉันจะไปรู้ได้อย่างไร”
เซินอี้เมิ้งอ้าปากค้างโดยไม่พูดอะไร เธอยังอยากที่จะพูดอะไรออกมาแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร หันหน้าและเดินออกไป
เฝิงกงที่อยู่ข้างๆอดที่จะถามออกมาไม่ได้ “คุณฉิน ผู้หญิงคนนั้นเธอรักคุณเข้าแล้วหรือเปล่า”
“รัก?” ฉินเฉิงส่ายหน้า “ถ้าหากการรักใครสักคนมันง่ายขนาดนี้ งั้นความรักก็คงไม่มีค่าอะไร”
หลังจากนั้นฉินเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปมากกว่านั้น เขาเดินไปสำรวจรอบๆ เมืองซวนหมิง
เมืองซวนหมิงได้ซ่อนยาจิงหยวนเอาไว้มากกว่าพันเม็ด รวมถึงบอกวิธีถึงการกลั่นเม็ดยา
ตามบันทึก ยาจิงหยวนทำมาจากหญ้าชนิดหนึ่งที่นำมาจากทะเลจีนใต้ หญ้าชนิดนี้ไม่มีชื่อ ดังนั้น เมืองซวนหมิงจึงตั้งชื่อขึ้นมาว่า หญ้าซวนหมิง
หญ้าซวนหมิงชนิดนี้มีมากที่ทะเลจีนใต้ แต่วิธีการที่จะไปเอามันมามันก็ไม่ได้ง่ายนัก
ไม่ต้องพูดถึงแรงกดดันใต้น้ำ แค่คิดถึงตอนที่ลงไปใต้ทะเลที่เราไม่เคยไปมาก่อนแค่นั้นก็ทำให้ใจรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว
“ทะเลจีนใต้อยู่ห่างจากที่นี่หลายพันกิโลเมตร ถ้าคิดจะไปมันคงไม่ง่ายขนาดนั้น” ฉินเฉิงพูดออกมา
ที่จริงปัญหาใหญ่มันอยู่ที่ปัญหาทางทรัพยากรทางทะเลมากกว่า เนื่องจากการตามหาหญ้าซวนหมิงคงไม่ใช่เรื่องที่ดี
ฉินเฉิงกับเฝิงกงแบกยาจิงหยวนออกมาจากถ้ำ
สิ่งที่ทำให้ฉินเฉิงตกใจก็คือ เซินอี้เมิ้งยังไม่ไปไหน
เธอประสานมือเข้าด้วยกัน โค้งคำนับต่อหน้ารูปปั้นหิน และปากของเธอก็ขยับเหมือนกำลังอธิษฐานอะไรบางอย่าง
“ทำไมเธอถึงยังไม่ไป?” ฉินเฉิงขมวดคิ้วและถามออกมา
หลังจากที่เซินอี้เมิ้งเห็นฉินเฉิง เธอก็รีบยืนขึ้นทันที “ฉัน….ฉันมีเรื่องให้นายช่วย ได้ไหม?”
“ช่วยเธอ?” ฉินเฉิงยิ้มออกไป “ทำไมฉันจะต้องช่วยเธอด้วย?”
เซินอี้เมิ้งอ้าปากขึ้นมา แต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาอย่างไรถึงจะเหมาะสม
“ฉันสามารถจ่ายให้นายได้!” เซินอี้เมิ้งทำท่าสาบานออกมา “เท่าไหร่ก็ได้!”
ฉินเฉิงจับไปที่คางของเขาและพูดออกมา “ได้ งั้นเธอบอกเรื่องที่ต้องการให้ช่วยมา”
เซินอี้เมิ้งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมาว่า
เหตุผลที่เธอมาที่ เมืองซวนหมิงก็เพราะว่าต้องการมาหาปรมาจารย์คนหนึ่ง เพื่อไปช่วยตระกูลเซินของเธอ
เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาเกิดเรื่องแปลกๆกับตระกูลเซินของเธอไม่หยุด มีคนเสียชีวิตติดต่อกันถึง 5 คน แถมทำธุรกิจอะไรก็ล้มเหลวไปหมด
พวกเราตามหาปรมาจารย์มามากมายเพื่อไปแก้ปัญหา แต่ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย แต่โชคดีที่พวกเขาได้ยินเรื่องของปรมาจารย์แห่ง เมืองซวนหมิงมา ดังนั้นเธอจึงเดินทางมาไกลถึงที่นี่เป็นพันๆกิโลเมตร
ฉินเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบตกลงไป “ได้ แต่ค่าจ้างของฉันแพงมากนะ”
“นายต้องการเท่าไหร่ ฉันจะหามาให้นายเอง!” เซินอี้เมิ้งพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
ฉินเฉิงตอบกลับไปว่า “100 ล้าน”
เมื่อได้ยินที่ฉินเฉิงพูด สีหน้าของเซินอี้เมิ้งก็เปลี่ยนไปทันที
100 ล้าน!
สำหรับตระกูลเซินของเธอ นี่มันถือว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะอยู่พอสมควร!
“เธอลองไปคิดดูให้ดู” จากนั้นฉินเฉิงก็ยื่นนามบัตรของตัวเองออกไป “ถ้าตัดสินใจได้เมื่อไหร่ก็ติดต่อมาได้”
พูดจบฉินเฉิงก็พาเฝิงกงเดินจากไป
ในวันนั้นฉินเฉิงเดินทางกลับมาที่ปีนัง
ในตอนที่มาถึงภูเขาหลงไห่ นเฉิงก็พบแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคน กำลังคุยกับชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าอยู่
ชายทั้งสองคนตบหัวของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่ากำลังสั่งสอนลูกน้องของตัวเองอยู่
ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“คุณฉิน” หลังจากที่เห็นฉินเฉิง ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็รีบยืนขึ้นทันที
ฉินเฉิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทั้งนั้น เขามองไปที่ชายทั้งสองคนด้วยสายตาที่เยือกเย็นและถามออกไปว่า “ใครให้พวกนายมาที่บ้านของฉัน?”
“นายคือฉินเฉิงใช่ไหม” หนึ่งในนั้นพูดอย่างภาคภูมิใจ “ฉันมาจากตระกูลตง อาจารย์ของพวกเราคือตงเทียนหนานผู้ยิ่งใหญ่! และตามที่ถือปฏิบัติกันต้วนเสียวเหม่ยเป็นศิษย์น้องของฉัน”
ส่วนชายอีกคนหัวเราะและพูดออกมาว่า “ฉินเฉิง นายมาเอาลูกศิษย์ตระกูลตงของพวกเราไปแบบนี้ นายคิดว่ามันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
ฉินเฉิงเพิกเฉยต่อคำเหล่านี้ และถามออกไปอีกครั้งว่า “ใครอนุญาตให้พวกนายเข้ามาเหยียบในบ้านของฉัน?”