เขาพูดคำที่น่าอัศจรรย์แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา
ซูวานอดไม่ได้ที่จะอ้าปากออกมา
เธอพูดออกมาว่า “คุณ..คุณอยู่ขั้นสูงสุดของหัวจิน? งั้นคุณก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้ใช่ไหม?”
ชายชรายิ้ม เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือตกลงอะไร
“ได้ยินมาว่าปรมาจารย์ระดับหัวจินเป็นที่เคารพของปรมาจารย์ทุกแขนง แต่คุณเป็นถึงขั้นสุดยอดของปรมาจารย์ระดับหัวจิน…..” ซูวานรู้สึกแย่มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอรู้ว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่ง แต่เธอ คาดไม่ถึงว่าจะไปถึงระดับนี้!
“ฉันไม่รู้จริงๆว่าทำไมคุณถึงรับฉันมาเป็นลูกศิษย์?”
ชายชราตอบกลับมาว่า “เดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจเอง ตอนนี้ฉันเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว โอกาสของฉันมันมีไม่มาก”
ซูวานเงียบ เธอรู้สึกสับสนอยู่ในใจ
ถึงแม้ว่าในตอนที่ออกเดินทางมาเขาจะบังคับซูวาน ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดี แต่หลายวันที่ผ่านมาก็มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับเธอ ดังนั้นเธอจึงเคารพเขาเป็นอาจารย์ไปตั้งนานแล้ว
“หัวจินเองก็ต้องตาย” ซูวานพูดออกมา
“ไม่มีใครรอดพ้นไปจากความตายได้” ชายชราส่ายหน้า
และในตอนนั้นก็มีเรือโจรสลัดเขามาอีก
ครั้งนี้พวกมันมาด้วยเรือเล็กจำนวนหลายลำ แค่พริบตาเดียวก็ล้อมรอบซูวานและชายชราเอาไว้แล้ว
“พวกแกใช่ไหมที่ฆ่าคนของฉัน?” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งถามออกมา
ชายชราตอบกลับไปว่า “เจ้าหนุ่ม นายรีบหลีกทางให้พวกเราเถอะ พวกเรารีบไป”
“รีบไป?” ชายหนุ่มหัวเราะออกมา เขาลุกขึ้นมาและระเบิดความโกรธทันที!
“มหาเจ้าแห่งพลังปราณขั้นสุดท้าย!” สีหน้าของซูวานเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่า ทำไม กลัวอย่างงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มหัวเราะและถามออกมา “ไหนลองบอกมา ว่าจะชดใช้ให้พวกเรายังไง”
เขาหรี่ตาและมองมาที่ซูวาน แวบแรกที่เขาได้เห็นซูวาน เขาก็ตกหลุมรักขึ้นมาทันที
ชายชราถอนหายใจ “ความต้องการทางเพศอย่างนั้นเหรอ มันไม่สมควรที่จะพูดออกมา”
พูดจบชายชราก็ยกมือขึ้นมา จากนั้นมหาเจ้าแห่งพลังปราณคนนั้นก็ถูกตัดขาดเป็นสองท่อน!
แค่ยกมือแล้วฟาดลงมาก็สามารถทำให้มหาเจ้าแห่งพลังปราณขาดเป็นสองท่อนได้!
หลังจากนั้นเขาก็กวาดสายตาไปมองที่คนอื่นๆ แค่พริบตาเดียวโจรสลัดที่เหลือก็เสียชีวิตลงทันที!
นี่แหละคือพลังที่แท้จริงของจุดสูงสุดของขั้นหัวจิน!
ใบหน้าของชายชราไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ราวกับว่าที่เขาทำไปเมื่อสักครู่เป็นแค่การฆ่ามดฆ่าแมลงเท่านั้น
จากนั้นเขาก็แล่นเรือต่อเพื่อไปจุดหมายตรงเกาะด้านหน้า
…..
ปีนัง ในขณะที่ฉินเฉิงกำลังเพิ่มพลังปราณของเขาอยู่
ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นของเขา ตอนนี้วิธีรวบรวมจิตวิญญาณเดิมๆก็ไม่มีผลอะไรแล้ว
ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนจากวิธีรวบรวมกลายเป็นดูดพลังวิญญาณเข้าไปตรงๆเลย
และสิ่งที่การรวบรวจิตวิญญาณไม่เหมือนกับการดูดจตวิญญาณก็คือ การดูดจิตวิญญาณสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ทั้งมณฑลปินโจว!
หรือพูดออีกอย่างก็คือมันสามารถครอบคลุมไปทั้วภูเขาหลงไห่
“เป่ยชวน เสียวเหม่ย รีบไปหยิบยามาให้ฉันที!” หลังจากที่เขาฝึกการดูดจิตวิญญาณ เหงื่อบนร่างกายของฉินเฉิงก็ไหลออกมาเต็มไปหมด เขาจึงรีบตะโกนออกไปเรียกสองคนนั้นทันที
ทั้งสองคนรีบหยิบกล่องยาและวิ่งเข้ามาทันที ภายใต้คำสั่งของฉินเฉิง พวกเขาก็หยิบยาส่งมาให้ฉินเฉิงทีละเม็ด
“หู้วววว…..”
ฉินเฉิงถอนหายใจด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจบนใบหน้าของเขา
“ฉันนี่มันสุดยอดจริงๆ” ซูวานแอบคิดกับตัวเอง
สมุนไพรเหล่านี้มีอายุน้อยเกินไปและมีผลเพียงเล็กน้อย แต่การฝึกในรูปแบบของการดูดจิตวิญญาณมันจะไปกระตุ้นพลังในร่างกายของเขาและทำให้สมุนไพรเหล่านี้มีประโยชน์มากขึ้น!
“นายก็ไม่ได้เป็นอะไร ทำไมต้องใช้ยาพวกนี้ด้วย” ฟางเสี่ยวเต๋อที่มันอยู่บนโขดหินถามออกมาพร้อมเขย่าขาทั้งสองข้างของเธอ
ฉินเฉิงมองไปที่เธอแล้วตอบกลับไปว่า “เธอจะไปเข้าใจอะไร!”
“ชิ นายเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกันแหละ!” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ
ฉินเฉิงหันไปยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ได้ตกลงกันเอาไว้ ดังนั้นในตอนกลางคืนฉินเฉิงจึงต้องเตรียมตัวสักหน่อยเพื่อพร้อมสำหรับการออกเดินทางในวันพรุ่งนี้
“นี่ นายว่ากระโปรงตัวไหนสวยกว่ากัน?” ฟางเสี่ยวเต๋อถือกระโปรงเดินเข้ามาในห้องของฉินเฉิง และถามออกมา
ฉินเฉิงขมวดคิ้ว “ฉันจะไปรู้ได้ไง แล้วก็ครั้งที่แล้วเคยบอกไปแล้วว่าก่อนจะเข้ามาให้เคาะประตู”
“ก็ฉันไม่ชินกับการเคาะประตูนี่น่า แล้วใครใช้ให้นายไม่ล็อคประตูหละ!” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดออกไปโดยไม่ใช้เหตุผล “เห้อ งั้นเอาแบบนี้ นายช่วยฉันดูที่ว่าฉันควรจะใส่กระโปรงยาวหรือกระโปรงสั้นดี?”
“เธอไม่ใส่อะไรดีที่สุด” ฉินเฉิงกลอกตาและพูดออกไป
ฟางเสี่ยวเต๋อไม่ได้อายเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเธอกลับยิ้มและพูดออกมาว่า “งั้นฉันไม่ใส่อะไรเลยแล้วกัน!”
พูดจบเธอก็ทำท่าว่าจะถอยกระโปรงออก
ฉินเฉิงหมดทางเลือก เขาชี้นิ้วไปที่กระโปรงของเธอ จากนั้นก็ยกตัวเธอออกไปจากห้องของเขา
……
วันต่อมา ฉินเฉิงกับฟางเสี่ยวเต๋อเตรียมตัวที่จะออกเดินทางเมืองจิง
ก่อนที่จะออกเดินทาง ฉินเฉิงก็หันกลับมาดูที่เหล่าสมุนไพรของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าและพูดออกมาว่า “พวกนายต้องดูแลสมุนไพรเหล่านี้ของฉันให้ดี เข้าใจไหม?”
“อ่า ทราบแล้วครับอาจารย์ อาจารย์รีบออกเดินทางได้แล้ว!” ฉูเป่ยชวนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยตอนพูดออกมา
ตอนนั้นฉินเฉิงถึงจะพยักหน้าและออกเดินทาง
ระหว่างทางไปเมืองจิงจะต้องผ่านทะเลที่กว้างใหญ่ ซึ่งที่นี่มีนักท่องเที่ยวมากมาย แต่พลังวิญญาณของที่ตรงนี้นั้นดีกว่าที่เมืองจิงเสียอีก
ฉินเฉิงมองออกไปที่ทะเลและคิดในใจ “ถ้าหากซื้อบ้านที่นี่สักหลังเอาไว้ฝึกเวลาดูดจิตวิญญาณก็คงจะดี”
หลังจากที่คิดถึงตรงนี้ฉินเฉิงก็ได้ตัดสินใจในการซื้อบ้านที่นี่หนึ่งหลังทันที
หลังจากนั้นฟางจิ้งเหยาก็ส่งที่อยู่มาให้เขา ที่ตรงนั้นก็คือสมาคมศิลปะการต่อสู้
หลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของเมืองจิงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สมาคมศิลปะการต่อสู้เองก็เช่นกันว่ากันว่ารายได้ประจำปีของพวกเขาเป็นตัวเลขที่นับไม่ได้เลยทีเดียว
ฉินเฉิงมาอยู่ที่ด้านหน้าของสมาคมศิลปะการต่อสู้ เขาเงยหน้าขึ้นไปมองป้ายที่ติดอยู่ตรงหน้าประตู
“ป้ายใหญ่ขนาดนี้ จะต้องเป็นพวกที่เว่อร์วังอลังการแน่ๆ!” ฟางเสี่ยวเต๋อจับไปที่จมูกของตัวเองและพูดออกมา
ถึงแม้ว่าฉินเฉิงจะไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่ในใจของเขาก็คิดแบบเดียวกันกับฟางเสี่ยวเต๋อ
“ไปกันเถอะ” จากนั้นฉินเฉิงก็พาฟางเสี่ยวเต๋อขึ้นไปด้สนบน
ในเวลานี้ ผู้นำหลายคนของสมาคมศิลปะการต่อสู้กำลังนั่งรวมกันอยู่ และด้านข้างของประธานกู้ซีก็มีชายผมยาวคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย
ชายผมยาวคนนี้ดูเหมือนจะมีฐานะดี และแม้แต่กู้ซีเองก็เคารพเขา
“หลายปีที่ผ่านมาฉันได้เดินทางไปรอบโลก เรียนศิลปะการต่อสู้มาหลายแขนง และวันนี้ก็ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จเล็กๆของฉัน” ชายผมยาวยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ดังนั้นการแข่งขันในครั้งนี้ ทุกท่านโปรดวางใจ”
กู้ซีรีบพยักหน้าและพูดออกไปทันที “มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว พวกเราทุกคนรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคุณเติ้งดี”
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุณกันอยู่ฉินเฉิงและฟางเสี่ยวเต๋อก็เดินเข้ามา
เขายิ้มออกมาแล้วพูดว่า “คนไหนคือประธานกู้ซี? ฉันเป็นเพื่อนของฟางจิ้งเหยา”
กู้ซีมองไปที่ฉินเฉิง พยักหน้าและพูดออกมาว่า “งั้นหาที่นั่งเองได้เลย”
ฉินเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่นั่งลงแล้ว ในตอนที่ฉินเฉิงกำลังจะพูดอะไรออกมา กู้ซีคนนั้นก็โบกมือขึ้นและพูดออกมาว่า “นายอย่าเพิ่งพุดอะไร พวกเรากำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่”
และทันใดนั้นสีหน้าของฉินเฉิงก็ดูไม่ดีเอามากๆ
“นี่ตาแก่ คุณไม่รู้จักมารยาทบ้างเหรอ!” ฉินเฉิงไม่ทันได้พูดอะไร ฟางเสี่ยวเต๋อที่อยู่ข้างๆก็ชี้ไปที่จมูกของกู้ซีและด่าออกมา